*+*+*+*+*+ขนนกริมขอบฟ้า [Work & Travel Story] : อวสาน +*+*+*+*+*+*
|
|
. ~40~ Good Bye America
จะเรียกว่าตื่นแต่เช้าได้มั้ย...ในเมื่อตลอดทั้งคืนที่ผ่านมารักษ์ชนกแทบปิดตาลงไม่หลับเลย
มันเป็นความรู้สึกตื่นเต้น น่าพิศวง
เหมือนไม่นาน... มันเหมือนกับ...แค่เมื่อวานนี้เองที่ยังเดินหลงงงงวยอยู่ที่สนามบิน LAX แล้วรถของจูดี้ก็พามาจอด ขนของเข้าพักที่นี่ เหมือนเพิ่งเมื่อวานนี้ที่ยังกังวลอยู่ว่าจะได้ทำงานหรือไม่...เพราะไร้สัญญาว่าจ้าง ทั้งหวาดกลัว จิตตกไปเสียหมดกับทุกสิ่งทุกอย่าง งานหนัก พูดไม่ได้ซ้ำยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
มันเหมือนกับเป็นเพียงเมื่อวาน...ที่ยังหมกผ้าห่มพันตัว กลัวจะไปไม่รอดถึงฝั่ง...
แต่ก็นั่นแหละ...ครั้นเปิดตามาวันนี้ก็ครบสามเดือน ถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านจริงๆ แล้ว!
อาบน้ำแล้ว เลือกเสื้อตัวที่รักที่สุดมาใส่ จากนั้นชายหนุ่มลงไปรอรถตู้อยู่ที่ล๊อบบี้เช่นทุกๆ วันที่ผ่านมา
รู้สึกแปลกชอบกลที่วันนี้ไม่มีหมวกเหม็นๆ ผ้ากันเปื้อนเน่าๆ ไม่ได้มานั่งรอรถตู้พร้อมชุดฟอร์มอับเฉาตัวเก่าที่มีให้เวียนใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เพียงชุดเดียว
มาคิดอีกทีก็อดเสียดายไม่ได้ เมื่อวานนี้มีเวลาว่างหนึ่งวันสำหรับเตรียมตัวกลับ ชายหนุ่มจำจับชุดนั้นโยนทิ้งไปเพราะมันอยู่ในสภาพไม้ใกล้ฝั่งเต็มที ถึงไม่มีรอยขาด แต่กลิ่นเพชฌฆาตที่ฝังลึก และพร้อมโชยออกมาได้ทุกเมื่อ คงต้องพึ่งฟอร์มาลินเท่านั้นจึงจะบรรเทา
การจัดกระเป๋าไม่ใช่เรื่องยาก ตั้งแต่วันแรกไม่คิดว่าจะอยู่มาได้ถึงวันนี้ ของใช้ที่ไม่จำเป็น (หรือกระทั่งจำเป็น...แต่น้อยหน่อย) จึงคงคอยอยู่ก้นกระเป๋า คล้ายพร้อมเดินทางกลับกับเจ้าของได้ทุกยามหากเกิดวิกฤตการณ์ไม่คาดฝัน ถึงวันกลับจริงๆ รักษ์ชนกเพียงยัดของใช้อีกไม่กี่อย่างลงไป จากนั้นทั้งวันว่างๆ วันสุดท้าย...เพื่อนร่วมทางอย่างลินลามากระโดดโลดเต้นร้องอยากออกไปตระเวรรอบๆ ตัวเมือง
ถึงวันนี้สาวเจ้าคงเป็นเหมือนกัน โผล่ออกมาจากห้องหมายเลข 110 ด้วยเนื้อตัวหอมกรุ่น สดใสในชุดที่สวยที่สุด ทั้งที่ตื่นเช้าแต่ไม่มีวี่แววของความง่วงเหงาอยู่เลย
นั่งคุยกับอาทิตย์ จิตปรารถนา และระนาดเอก ที่ยังต้องทำงานต่อไปอีกสี่วันเป็นการล่ำลา ลินลาบ่นว่าชีวิตที่นี่อิสระซะจนไม่อยากกลับ ไม่นานรถตู้ที่มีจูดี้เป็นสารถีก็มาจอดรับ น่าแปลกที่ตลอดเส้นทางเดิมๆ นั้น...วันนี้รักษ์ชนกกลับตั้งอกตั้งใจจับภาพไปตั้งแต่ต้นจรดปลายทาง มองอย่างซึมซับ และพยายามตักตวงเก็บบันทึกไว้ทั้งหมดในความทรงจำ ด้านลินลากระหน่ำกดชัตเตอร์ไม่หยุดจนสุดท้ายหันไปใช้หมวดภาพเคลื่อนไหวแทน
บรรยากาศของทราเวลพลาซ่าในยามเช้ายังเงียบเหงาเหมือนเดิม ต่างตรงที่วันนี้เพิ่มความสร้อยเศร้าซึมเซาแทรกเข้ามาด้วยในความรู้สึก
ระหว่างที่เพื่อนสาวสองรายแยกย้ายกันไปประจำหน้าที่ (อาทิตย์ลาลงไปก่อนที่โทพาธแล้ว) สองหนุ่มสาวยังคงวิ่งละลานเก็บภาพไปทั่ว เอ๊ดผละจากงานมาทักทายและใช้โอกาสนี้กล่าวอำลาไปด้วย
คุณทั้งสองคนน่ารักมาก หลังจากพวกคุณไป...คงไม่มีใครที่ไม่คิดถึง...
แม้ลินลาจะแอบกระซิบว่าไดอะล๊อกเหมือนวันที่ปุณณัติถ์กับปี่พาทย์จากไปเป๊ะๆ แต่เพื่อนหนุ่มที่รับฟังอยู่ด้วยกันก็ยังไม่วายน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง
เวลาที่สาวผมส้ม (ตอนนี้โคนผมเกือบสองเซนต์กลายเป็นสีดำชัดแล้ว) รอคอย มาถึงในไม่กี่นาทีต่อจากนั้น
แนมทัน...คุณรีบทำความสะอาดร้านตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า อีกชั่วโมงข้างหน้าจะมีบัสลง!
เสียงเข้มงวดของบีชอยดังขึ้นก่อนสองคนจะได้เห็นตัวเสียอีก
ตั้งแต่วันแรกที่พบกันกระทั่งวันสุดท้าย ซูเปอร์ไวเซอร์หนุ่มชาวอิยิปต์ยังคงเคร่งครัดเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยน เมื่อหันมาพบลูกน้องผู้กำลังจะกลับทั้งสองราย ชายหนุ่มผู้คุมกฎเพียงเลิกคิ้วให้เพราะยังมีอะไรต้องทำตามหน้าที่อีกมาก
นั่นยิ่งทำให้ลินลาหน้าบูด
ตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มในดวงใจยกตำแหน่ง คนโปรด ให้รักษ์ชนก สาวเจ้าก็ทำงอน วางปึ่งไม่รู้แล้ว กับเพื่อนหนุ่มน่ะหายไปได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับเจ้าของการตัดสินใจนั่น...เพราะรายนั้นเห็นเธองอนแล้วก็ยังวางเฉย ทำหน้าที่สั่งๆๆ ต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลินลาที่แต่ไหนแต่ไรหายโกรธง่ายกว่าใครทั้งหมด จึงยังไม่ยอมปลดป้ายหมายหัวลงกระทั่งบัดนี้
ดูสิ! นี่ขนาดเป็นวันสุดท้ายแล้วแท้ๆ นะ!
รู้อยู่ว่าบ่นกับรักษ์ชนกไปก็ไม่ได้อารมณ์ สาวผมส้มจึงไปยืนเกาะเคาน์เตอร์คุ้กกิ้งคุยกับจิตปรารถนา สายตามองบีชอยที่พาภิงคารพนักงานกะดึก ลงไปหย่อนเงินในเซฟชั้นล่าง
แหม...ลิ่วก็รู้นี่ว่าบีชเป็นคนแบบนี้...
แต่นี่มันวันที่เราจะกลับแล้วนะน้ำตาล!
เป็นอันว่าอดฟังคำรักแน่...ไอ้บีชบ้า!
ครั้นเจ้าของหัวข้อก้าวกลับขึ้นมาภายในร้าน เห็นหญิงสาวรายนั้นยืนหน้ามู่ทู่อยู่กับจิตปรารถนาและรักษ์ชนก เจ้าตัวก็ค่อยสืบเท้าเข้ามาแบบเก้ๆ กังๆ ชอบกล
เอ้อ...เป็นไงบ้างโน้ก?!
ที่จริงตอนแรกมองลินลาก่อนนั่นล่ะ แต่ว่าเจ้าหล่อนแสร้งทำตาลอยมองไปทางอื่น คนทักจึงเสไปที่พนักงานอันดับหนึ่งของตนแทน
ก็...ดีครับ... รู้เหมือนกันแหละว่าบรรยากาศกำลังเป็นเช่นไร รักษ์ชนกจึงยิ้มแหยๆ ให้ในที่สุด
คุณกลับไปแล้วผมคงเสียดายแย่ ตั้งแต่เจอพนักงานทุกคนมา ผมรู้สึกว่าทำงานเข้าขากับคุณมากที่สุด ผมชอบที่คุณตั้งใจ สามารถเร่งได้ตามที่ผมสั่ง จัดการทุกอย่างได้ตามกำหนด ผมขอให้คุณโชคดีนะโน้ก
ดูเถอะ! ลินลายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แท้ๆ ยังมีหน้าชมคนอื่นให้ได้ยิน
ส่วนคุณ...ลิว...
สาวหน้าบูดปรายตามาหยุดบนใบหน้าคนพูดด้วยสายตาขวางๆ
บีชอยกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
ผมไม่อยากเห็นคุณทำหน้าแบบนี้เลย ไหนๆ เราก็จะต้อง...บอกลากันในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว ได้โปรดยิ้มให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ?
คำพูดที่ดูเหมือนจะ...เริ่มหวาน ทำให้คนฟังหยุดอาการหน้าง้ำมาทำหน้าเรียบๆ ตาโตๆ ตั้งใจฟังต่อไป
ขอบคุณ...ถึงผมจะชอบรอยยิ้มของคุณมากกว่าก็ตามทีน่ะนะ...
คนพูดมัวแต่ก้มลงหยิบของบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อ จึงไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มเผล่...ปลื้ม...โผล่แผล่บขึ้นมาในเสี้ยววินาทีนั้น
อย่าโกรธเลยถ้าผมพูดอะไรไม่เข้าหู คุณน่าจะรู้ว่าผมพูดได้แต่อะไรที่มันตรงๆ อย่าโกรธที่ผมบอกว่าโน้กเป็นคนงานคนโปรด เพราะสำหรับผม...ลิว...คุณเป็นมากกว่านั้น...
คนได้ยินแทบจะฉีกยิ้มขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่บีชอยไม่สนใจ ชายหนุ่มกางมือออกเผยของที่หยิบขึ้น
มันคือสร้อยน้อยห้อยจี้จิ๋ว
ขออนุญาตให้ผมใส่ให้คุณได้มั้ย?
ชั่วขณะที่มือหนาค่อยบรรจงสวมร้อยสร้อยเส้นนั้นให้หญิงสาวในดวงใจ บีชอยอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็น จี้รูปตัว B วางอยู่เหนือหน้าอกด้านหน้าของลินลา
ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถพาคุณไปส่งถึงแอร์พอร์ตด้วยตัวเองได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีก แต่อยากให้รู้ว่า...คุณเป็นคนแรกที่ทำให้คนอย่างผมเกิดความรู้สึกพิเศษแบบนี้ แม้เราจะเจอกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ รู้จักกันไม่นาน แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ผมจะไม่มีวันลืม
รอยยิ้มของบีชอยระบายขึ้นบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวาน และทำให้วงหน้าเข้มนั้นน่ามองขึ้นมากโข
ลินลาน้ำตาร่วงแล้วก็หัวเราะตัวเอง เวลาที่เหลือกลับลดน้อยลงอีกนิดเมื่อมีเสียงจูดี้ตะโกนเรียกคนที่จะกลับโรงแรม ให้รีบออกไปขึ้นรถตู้
ฉันคงต้องไปแล้ว แต่...เหมือนทุกคำที่คุณพูดค่ะบีช ฉันจะไม่มีวันลืม แล้วก็รู้มั้ย...ฉันรัก... คำพูดหยุดไปนิดพร้อมสีหน้าแดงซ่านที่ระบายขึ้นบนหน้ากลมๆ ของคนพูด
...ฉันเองก็รักรอยยิ้มของคุณมากกว่าหน้าบึ้งๆ เป็นไหนๆ!
เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากนั้น
สองคนถ่ายรูปคู่เป็นครั้งสุดท้าย ตอนโบกมือให้กันคงมีแต่รอยยิ้ม มองตาแน่วแน่เหมือนเป็นสัญญาว่า ต่อให้ไกลเกินขอบฟ้า...แต่สักวันจะต้องได้กลับมาเจอกันอีก...
รักษ์ชนกต่างหากที่เป็นฝ่ายน้ำตาไหลพรากจนเช็ดแทบไม่ทัน
ก็มัน...ม...มันซึ้งนี่...
จวบกระทั่งลับหลังร่างหญิงสาวผู้เป็นที่รักและพนักงานคนโปรด บีชอยมองตามแล้วหันกลับมาที่จิตปรารถนา สีหน้าเหมือนเพิ่งระลึกได้
แนมทัน...คุณรู้ใช่มั้ย...ที่พูดทั้งหมดนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ตั้งใจ หรือทำงานไม่ดี...
ฉันรู้ค่ะบีช... สาวผมหงอกขยับแว่น อดขำความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้าไม่ได้ ดูเหมือนว่าความรักจะทำให้คนละเอียดอ่อนมากขึ้นจริงๆ
คุณเป็นคนตรง แล้วฉันก็ชอบแบบนี้มากกว่าจะมาใส่หน้ากากเข้าหากัน ส่วนเรื่องงาน...มันก็เป็นหน้าที่ของคุณ...
ขอบคุณที่เข้าใจ
จิตปรารถนายิ้มแล้วก้มหน้าทำงานต่อไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไร ใครจะเป็นยังไง เธอคงก้มหน้านิ่ง เงียบ ไม่บ่น แล้วทำหน้าที่ของตัวเองต่อ...เหมือนทุกวัน
ใช่...ทุกคนต่างก็มีภาระและหน้าที่เป็นของตนเองกันทั้งนั้น การเลือกมาที่นี่ ทุกคนต่างก็มีเป้าหมาย...เป้าหมายเป็นสิ่งที่กำหนดว่าบทบาทของแต่ละคนจะเป็นเช่นไร หน้าที่คืออะไร ไม่มีใครรู้หน้าที่ของใครดีไปกว่าตนเอง
จิตปรารถนาก็เช่นกัน เพราะรู้เป้าหมายของตนเองแจ่มชัด ทั้งรู้ดีว่าตนเท่านั้นจะทำให้มันบรรลุได้ หญิงสาวจึงไม่เคยคิดหวังพึ่งใคร ไม่...กระทั่งออกปากบอก
เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ เพราะถึงรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
.
| จากคุณ |
:
งี่เง่าบอย
|
| เขียนเมื่อ |
:
20 ธ.ค. 52 12:10:05
|
|
|
|