Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นางพญาดาราทมิฬ - บทที่ 5 ก่อนการเผชิญหน้า  

ตอนเดิม
บทที่ 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8658776/W8658776.html

บทที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8662635/W8662635.html

บทที่ 4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8671023/W8671023.html


..................................................


บทที่ 5
ก่อนการเผชิญหน้า


         ดาราลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงไม้ภายในห้องนอนที่นางไม่รู้จัก นางลุกพรวดขึ้นแล้วรีบตั้งสติพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง

         “...ที่ไหนเนี่ย” นางพูดพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะ ความทรงจำของเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ขาดช่วงไปเล็กน้อยหลังจากสลับร่างกับราตรี

         นางพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และในที่สุดก็จดจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้          

         “ตื่นแล้วหรือ นายหญิง” ครูโซ่เดินเข้ามาพลางยกถาดใส่อาหารเข้ามาให้

         “...เอ่อ...อ่า...” ยามกะทันหัน ดาราไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร

         “ดูเหมือนนายหญิงยังเหนื่อยอ่อนอยู่สินะ กินอาหารเช้านี่ก่อนแล้วกัน ไม่รบกวนล่ะ” พูดจบ ครูโซ่ก็เดินออกไป

         ดาราถอนใจเบาๆ นางหยิบอาหารในถาดขึ้นใส่ปาก

         เหตุการณ์เมื่อคืนแม้จะเลือนรางไปบ้าง แต่ก็พอจำได้ หลังจากจัดการมือสังหารทั้งสองคนนั้นไป ครูโซ่ซึ่งยินยอมเป็นข้ารับใช้ของนางก็พาเชิญนางมาที่พำนักของเขา จากนั้นนางก็นอนหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า

         “มันจะดีหรือ เพิ่งจะรู้จักกันก็มาอาศัยบ้านเขาแล้ว” นางพูดกับตัวเองแล้วมองไปที่อาหารในถาด “เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังได้กินอิ่ม แล้วก็มีที่นอนดีๆหลังจากต้องไปเร่ร่อนซะนาน”

         ดาราก้มมองดูแซฟไฟร์ที่ห้อยคออยู่ มันส่งแสงสะท้อนออกมาเล็กน้อย

         นางหลับตาลงแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ “ข้ากับเจ้า...เราจะต้องอยู่ร่วมกันไปแบบนี้อีกนานเท่าไหร่นะ...ราตรี”
         
         ….................................................
         
         ครูโซ่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นดาราเดินเข้ามาในห้องโถงที่เขากำลังนั่งเขียนบันทึก นางแต่งตัวด้วยชุดผ้าไหมยาวแบบจีนที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วรวบผมที่ยาวไว้ด้านหลัง

         “เหมาะมากเลยขอรับ”

         “งั้น...งั้นเหรอ” ดารายิ้มเขินๆ

         “แต่ว่า...ทำไมรู้สึกว่าท่าทางแปลกไปจากเมื่อคืนนะขอรับ”

         “เอ๋”

         “ความรู้สึกราวกับนางพญา...มันดูหายไปบอกไม่ถูก...” ครูโซ่เว้นช่วงเล้กน้อย “ยังกับว่ากลายเป็นคนละคนเลย”

         ดาราพยายามตีหน้านิ่ง นางคิดว่าเรื่องที่ตัวนางมีอีกคนหนึ่งอยู่นั้น ถึงบอกไปก็คงยากที่ใครจะเชื่อ แม้จะเพิ่งได้เห็นกับตามาก็ตาม นอกจากนี้ นางยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะบอกให้ใครรู้ด้วย จึงพยายามตีสีหน้าและน้ำเสียงให้ดุดัน “งั้นเรอะ...คือข้ารู้สึกเหนื่อยน่ะ ก็เลย...”

         “ถ้าอย่างนั้นเชิญพักผ่อนที่นี่ได้ตามสบาย ถึงจะไม่ใช่ที่พำนักถาวร แต่ระหว่างที่อยู่ที่ดินแดนนี้ ข้าน้อยคงต้องอาศัยที่นี่คุ้มหัวอยู่”

         ดาราพยายามหาหัวข้อสนทนา “เจ้ามาที่ปัตตานีเพื่อสอนศาสนาหรือ”

         “โนๆ หามิได้” ครูโซ่ทำปากจุ๊ “เพราะเป็นนายหญิงผู้มีพระคุณช่วยชีวิต ข้าถึงกล้าพูดนะ สำหรับข้าแล้ว เรื่องสอนศาสนาคริสต์เป็นเรื่องรอง เหตุผลหลักที่ข้ามาดินแดนนี้ก็เพื่อแสวงหาโชคและเปิดสายตาเพื่อมองโลกกว้างต่างหาก”

         “ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากบาทหลวงนะ ข้ารู้มาว่าชาวคริสต์นั้นเคร่งครัดศาสนานี่”

         “เช่นนั้นข้าก็เป็นพวกแหกคอก” ครูโซ่หัวเราะ “เพียงไม่กี่ปีที่ได้ออกทะเล ข้าก็ได้รู้ว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก และศาสนาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลก ไม่ใช่ว่าโลกนี้เป็นของศาสนา”

         “ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าเป็นพวกแหกคอก”

         “เห็นด้วยใช่ไหม แต่การเป็นบาทหลวงนั้นถือเป็นทางลัดสู่การศึกษาที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเกิดของข้า อีกอย่าง บาทหลวงยังมีอภิสิทธิ์มากมายและสามารถเดินทางไปยังดินแดนต่างๆโดยอ้างการสอนศาสนาได้ด้วย”

         “ถ้าเช่นนั้น...โชคที่เจ้าพยายามแสวงหาอยู่ล่ะ มันคืออะไร”  

         “โอ้ว ข้าอยากให้นายหญิงได้เห็นอยู่เหมือนกัน” พูดจบ ครูโซ่ก็เดินไปที่มุมห้องโถง ที่นั่นมีหีบใบโตอยู่สามหีบ เขาค่อยๆเปิดหีบหนึ่งออก สิ่งที่อยู่ภายในนั้นทำให้ดารารู้สึกสนใจอย่างมาก

         “...ท่านรู้จักหรือไม่” ครูโซ่ถามกลับแล้วหยิบของในหีบนั้นขึ้นมา

         “เคยได้ยินมาบ้าง แต่เพิ่งจะเคยเห็นของจริงนี่แหละ” ดาราลองแตะที่ด้ามสีดำของสิ่งนั้นเบาๆ “นี่ใช่ไหม ที่เรียกว่าปืนคาบศิลา”

         “ใช่ นี่แหละ อาวุธที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของสงครามทั้งหมดในโลก”

         “ขนาดนั้นเลยหรือ” ดาราพินิจดูรูปทรงของมัน มันปากกระบอกสีดำยื่นยาว บริเวณด้ามจับทำด้วยเหล็กอัดด้วยไม้ทับไว้อีกชั้น มีจานใส่ดินปืนบริเวณกระดูกงูปืน

         “อยากเห็นประสิทธิภาพของมันไหมล่ะ นายหญิง”

         “ยังไง ตรงนี้เลยเหรอ”

         “ใช่” พูดจบ ครูโซ่ก็ดึงเอาปืนกระบอกนั้นมา แล้วเดินออกไปสวนหน้าบ้าน ภายในสวนนั้นมีก้อนหินวางทับซ้อนอยู่กองหนึ่ง

         “ระยะสิบวา กำลังดีเลย...” เขาพูดแล้วยกปืนขึ้นจรดใบหน้า สายตาเล็งผ่านช่องเล็งขนาดเล็กที่ติดอยู่เหนือปลายกระบอก นิ้วขวาสอดเข้าไปที่สำหรับเหนี่ยวไก แล้วยิงมันทันที

         ไม่กี่อึดใจ เสียงของตัวจุดชนวนที่ระเบิดภายในจานปืนก็ดังขึ้น กระสุนจากปลายกระบอกถูกยิงออกไปยังเป้าหมาย

         หินที่วางอยู่ชั้นบนสุดนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆโดยที่ดาราไม่ทันกระพริบตา

         ครูโซ่เผยอยิ้มหลังจากดูผลงานของตนแล้วพูดขึ้น “ที่จริงระยะยิงของมันยังไกลได้มากกว่านี้อีกหลายเท่าเลยนะ โดยพลังทำลายก็ไม่ได้ลดลงเท่าใดด้วย” พูดจบเขาก็หยิบปืนไฟขนาดพกพาออกมาจากในอกเสื้อ “ส่วนนี่ก็เป็นปืนไฟที่ใช้สำหรับยิงในระยะใกล้ หากเมื่อคืนข้าไม่ลืมมันไว้ที่บ้าน ตอนที่หนีออกมาข้าก็พอจะใช้มันตอบโต้พวกมือสังหารได้”

         ดาราเดินเข้ามาดูเศษหินที่แตกละเอียดเหล่านั้น อานุภาพอันรุนแรงของมันทำให้นางอดประหวั่นพรั่นพรึ่งไม่ได้ “ข้าไม่เข้าใจ ในเมื่อท่านเป็นพระ แล้วมันสมควรหรือที่จะยุ่งเกี่ยวกับอาวุธที่ใช้คร่าชีวิตผู้อื่นแบบนี้น่ะ”

         ครูโซ่หัวเราะเบาๆ “ข้าเป็นพระก็จริง แต่ก็เป็นทั้งนักเดินเรือ พ่อค้า และนักสำรวจด้วย ข้าใช้ชีวิตด้วยการออกทะเลตั้งแต่ยังอายุ 17 ปี มันเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ส่วนอาชีพพระเป็นเพียงบทบาทหนึ่งเท่านั้น”

         ดาราเหม่อมองบาทหลวงหนุ่ม แล้วพูดเบาๆ “น่าอิจฉาจริงนะ ได้ใช้ชีวิตอิสระเยี่ยงนั้น”

         ครูโซ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายหญิงดูแปลกไปจริงๆนะ”

         “เอ่อ ไม่นี่...จริงสิ คงเพราะข้าเหนื่อยเกินไปน่ะ” ดารากระแอมเบาๆ

         “งั้นก็ขอให้ท่านพักผ่อนที่บ้านหลังนี้ได้ตามใจชอบเลย หากขาดเหลืออะไรขอให้บอกพวกบ่าวไพร่ก็แล้วกัน เพราะวันนี้ข้าต้องขอตัวไปเข้าเฝ้าองค์สุลต่านอิสมาเอล ซาฮ์ ผู้ครองปัตตานีแห่งนี้”

         “เพราะเรื่องปืนพวกนี้งั้นหรือ”  

         “ใช่ ท่านอำมาตย์อามิดบอกข้าเมื่อวานนี้ว่าช่วงสายจะมาพาไปเข้าเฝ้า”

         “องค์สุลต่านเป็นมุสลิมนี่ แล้วท่านจะยอมรับฟังบาทหลวงที่เป็นคริสเตียนอย่างท่านหรือ”

         “แม้องค์สุลต่านจะเป็นมุสลิม แต่ข้ารู้มาว่าในอดีตท่านเคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อน ซึ่งชาวพุทธนั้นไม่ค่อยแบ่งแยกผู้คนจากศาสนาอื่นอยู่แล้ว อีกทั้งเรื่องผลประโยชน์เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเชื่อทางศาสนา ดังนั้นข้าคิดว่าท่านน่าจะรับฟังข้อเสนอของข้าแน่นอน”

         “งั้นหรือ”

         “จะว่าไปนี่ก็เริ่มสายมากแล้ว ทำไมยังไม่มาอีกนะ”  

         “แล้ว...เจ้าไม่คิดสงสัยบ้างหรือว่าคนที่คิดเอาชีวิตเจ้าเมื่อคืนนี้เป็นใคร”

         “ก็คงเป็นศัตรูทางการค้า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก การจะมาหาตัวว่าเป็นใครนั้น ข้าคิดว่ามันเสียเวลาเปล่า เพระอีกไม่นานก็คงจะพอเดาได้เอง”      

         “หมายความว่าไง”

         “ก็แค่สังเกตว่านอกจากข้าแล้ว มีพ่อค้าคนใดหรือกลุ่มใดที่จะเข้าไปเสนอสินค้าแข่งกับข้าอีก หรือไม่ก็เป็นพวกขุนนางคนอื่นที่กลัวว่าจะเสียส่วนแบ่งจากพวกพ่อค้าที่ตนเป็นผู้สนับสนุน อย่างกรณีนี้ คนที่คิดสังหารข้าอาจจะเป็นขุนนางฝ่ายตรงข้ามกับท่านอามิด”

         “เจ้าไม่กลัวหรือ”

         “แรกๆก็ใช่...แต่พักหลังข้าเริ่มชินแล้ว การใช้ชีวิตในแดนไกล และต้องอยู่แวดล้อมกับชนชาติอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ข้าเตรียมใจไว้แล้วนับตั้งแต่ออกเดินเรือครั้งแรก”

         ดารายิ้มเล็กน้อย “แม้จะอันตราย แต่ก็เป็นชีวิตอิสระที่โลดโผนดีนะ เจ้าคงมีความสุขมาก”

         “แน่นอน นายหญิง” ครูโซ่หัวเราะ “ไม่ต้องถูกจำกัดอยู่ภายใต้ระเบียบแบบแผนของศาสนาจักรหรือฐานันดรใดๆ อีกทั้งดินแดนนี้ ยังอุดมไปด้วยข้าวปลาอาหาร พืชผักผลไม้ ข้าคิดเสมอว่าเอเซียนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

         “...ถ้าสามารถรู้สึกเช่นนี้จากการเดินทางได้ก็คงจะดี”

         “จริงสิ หากนายหญิงไม่มีที่ไปเป็นพิเศษ ถ้างั้นเดินทางไปกับข้าไหมล่ะ” ครูโซ่ร้องลั่น

         “ไปกับเจ้าหรือ” ดวงตาของดาราเบิกกว้าง

         “ใช่แล้ว ข้าคิดว่าคงอยู่ที่ปัตตานีจนกว่าจะจัดการเรื่องการค้าเรียบร้อย หากไม่เป็นเช่นนั้นข้าก็จะนำปืนพวกนี้ไปเสนอยังแคว้นอื่น อยุธยา นครศรีธรรมราช มลายู ปาเล็มบัง อังวะ จีน ญี่ปุ่น สถานที่ๆจะไปนั้นมีมากมาย ท่านจะได้เห็นว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด”

         ดารานิ่งไปชั่วขณะ คำพูดของเขาช่างคล้ายกับความฝันที่นางเคยถวิลหา

         อิสระ ดุจดั่งนกพิราบขาว ปราศจากซึ่งพันธะใด...

         นางขยับปากจะตอบ แต่ทันใดนั้นกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใต้สำนึก ราวกับทะลักออกมาจากประตูที่ถูกผนึกไว้หลายชั้น อะไรบางอย่างที่นางลืมเลือนไป และสิ่งนั้นกำลังพยายามฉุดรั้งไม่ให้นางก้าวไปหาอิสระได้

         “...ขอบคุณที่ชวน แต่ว่าข้า...” นางตอบกลับเบาๆ

         “ไม่ต้องรีบตอบหรอก ตอนนี้เชิญท่านพักผ่อนตามสบาย” ว่าแล้วครูโซ่ก็เหลือบมองออกไปนอกบ้าน ขบวนชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งซึ่งแสดงว่าเป็นคนของอามิดมารอรับเขาตามที่นัดหมายไว้

         “ข้าคงต้องไปเข้าเฝ้าองค์สุลต่านแล้ว”

         ดารามองไปทางขบวนนั้นเล็กน้อย “...นั่นเหรอ แต่ทำไมท่าทางพวกเขาไม่ค่อยเป็นมิตรเลย”

         ครูโซ่ขมวดคิ้ว เป็นอย่างที่นางว่า ผู้นำขบวนมานั้นสวมเสื้อผ้า และมีดาบคาดเอว ดูก็รู้ว่าเป็นระดับนายทหารจากพระราชวัง อีกทั้งบรรดาผู้ติดตามทั้งหลายนั้นยังพกดาบติดตัวกันทุกคน

         ทหารที่นำขบวนมา ตรงมายังทั้งสอง แล้วพูดจาด้วยเสียงอันดัง

         “บาทหลวงเฟอร์นันด์ เมนเดส ครูโซ่ ท่านถูกจับกุมแล้ว จงตามพวกเราไปรับโทษเดี๋ยวนี้”

         ครูโซ่รีบร้อง “เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”

         “ไม่ต้องแกล้งไขสือ เจ้าลักลอบนำสุราเข้ามาขายในเมืองของเรา อย่าคิดนะว่าเราไม่รู้”

         “พูดพล่อยๆ มีหลักฐานหรือไง” ครูโซ่ร้องลั่น

         “มีแน่ ค้น!!!” พูดจบ บรรดาผู้ติดตามหลายสิบคนของนายทหารผู้นั้นก็กรูกันเข้าไปในบ้านพัก แม้ครูโซ่จะพยายามร้องโวยวายเพื่อหยุดยั้งก็ไม่เป็นผล ฝ่ายดาราก็ได้แต่ยืนตะลึงอยู่เช่นนั้น

         ใช้เวลาในการค้นหาไม่นาน ก็พบช่องเก็บของลับอยู่ใต้พื้นที่กลางห้องโถง เมื่อเปิดออกมา สิ่งที่อยู่ในนั้นคือหีบไม้ขนาดใหญ่สามอัน

         “อะไรกัน ข้าจะไปรู้ได้ไงว่ามีของแบบนี้อยู่” ครูโซ่พยายามทักท้วง

         หัวหน้าทหารไม่สนใจ สั่งให้เหล่าลูกน้องเปิดหีบเหล่านั้นออก และพบผงฝิ่นจำนวนมากบรรจุอยู่ภายในหีบเหล่านั้น

         “มีอะไรจะแก้ตัวไหม” หัวหน้าทหารเผยอยิ้ม

จากคุณ : eagle1000
เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 13:35:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com