 |
เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน วิญญาณมาทดสอบ
|
|
สามารถติดตามอ่านเรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า และนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ blog ของมูนนี่ค่ะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever
ตอน เจ้าที่หัวดื้อ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8595226/W8595226.html ตอน จะสั่นทำไม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8621519/W8621519.html ตอน หัวผีที่ฮ่องกง http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8642575/W8642575.html ตอน ผีไหม้ในโรงแรม http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8669989/W8669989.html
เรื่องที่ 47
วิญญาณมาทดสอบ
ก่อนจะเล่าเรื่องราวต่อไปนี้ ขออนุญาตสิ่งศักดิ์ที่กำลังจะกล่าวถึง ที่ข้าพเจ้านำเรื่องราวของพวกท่านมาเล่ามิใช่มีเจตนาลบหลู่หรืออวดอ้างปาฏิหาริย์ หากแต่ต้องการบอกให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงนั้น มีจริง และเป็นวิญญาณของผู้ที่ดำรงอยู่ในการบำเพ็ญศีลภาวนามานานจนกระทั่งสามารถทดสอบจิตพระว่าตั้งอยู่ในธรรมมากแค่ไหน และมีศีลสมาธิที่มั่นคงหรือไม่
เรื่องราวนี้ผ่านมาประมาณสิบปีเห็นจะได้ เวลานั้นพี่ยังไม่ค่อยสนใจเรื่องราวสิ่งเร้นลับมากนักคือมักจะฟังเล่นสนุกหรือเพื่อความตื่นเต้นมากกว่า แม้จะเจอเหตุการณ์ประหลาดหลายครั้งแต่ความที่ไม่รู้ทำให้พี่คิดว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องบังเอิญ
จนกระทั่งแม่ได้รู้จักกับพระใบฎีกาองค์หนึ่งซึ่งเคยทักเรื่องเงินปากผีในตอนเจ้าที่หัวดื้อ พี่ไม่ขอเอ่ยฉายาของท่านแต่จะเรียกว่าหลวงพี่ตามที่เคยใช้เรียกท่านก่อนมรณภาพ
ความที่เป็นคนหัวดื้อและค่อนข้างเชื่ออะไรยากทำให้พี่ไม่ค่อยไหว้พระภิกษุสงฆ์นัก แม้ตอนทำบุญตักบาตรพี่มักจะพุ่งความตั้งใจไปที่การกระทำมากกว่า เรียกว่าเป็นพวกยึดคำสอนของศาสนาและเน้นการปฏิบัติตามแนวทางมากกว่านับถือตัวบุคคล จนเมื่อมาเจอหลวงพี่นี่แหละถึงได้ยอมเข้าวัดและไปสนทนาธรรมกับท่าน แต่ออกไปในทางโต้ตอบกันเสียมากกว่าจนหลวงพี่เคยออกปากว่า ไอ้คนนี้มันมีดีแต่หัวดื้อ
แหม มันอดเถียงไม่ได้นี่นา
หลวงพี่เป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนดอยในจังหวัดเชียงใหม่ ท่านเล่าให้ฟังว่าเพราะออกบวชตั้งแต่ยังหนุ่มจึงตั้งใจศึกษาพระธรรมและออกธุดงค์ไปทั่ว ผจญภูตผีวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาหลายครั้ง โดนหลอกก็มี ถูกทดสอบจิตก็หลายหน พี่ถามว่าหลวงพี่ใช้คาถาบทไหนสู้ ท่านบอกว่าฉันเป็นพระจะไปสู้อะไรกับใครเขาได้ เราต้องมีจิตเมตตาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไป เขารับแล้วก็ไม่มากวนเราเอง แต่ที่เหนื่อยคือพวกเปรตอสุรกาย พวกนี้ดูน่ากลัวแต่ก็น่าเวทนาไปในเวลาเดียวกัน มาหาแต่ละครั้งกว่าจะยอมไปได้ต้องนั่งสวดกันทั้งคืน
หลังจากออกธุดงค์หลายปีหลวงพี่ก็เดินทางไปถึงวัดร้างบนดอยแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นเวลาพลบค่ำพอดีท่านจึงปักกลดและนั่งเจริญภาวนา หลวงพี่บอกว่าในจิตของท่านเห็นแสงไฟสองดวงลอยเข้ามาหาอย่างเชื่องช้าและกลายร่างเป็นหญิงสาวฝาแฝดสองคน ทั้งคู่อยู่ในชุดโบราณ มาถึงก็ยืนหน้ากลดและเริ่มเนรมิตภาพน่ากลัวมาหลอกหลอน มีทั้งภูตผีปิศาจเปรตอสุรกาย มีแม้กระทั่งฝูงมด ตะขาบเป็นร้อยเป็นพันล้อมรอบกลด แต่จิตของหลวงพี่ก็ยังคงตั้งอยู่ในความสงบ ไม่หวั่นไหวไปกับภาพลวง สุดท้ายภาพทั้งหลายก็หายไป หญิงทั้งสองได้นั่งลงตรงหน้าท่านและเริ่มสนทนาธรรม การโต้ตอบทางจิตดำเนินไปตลอดทั้งคืนจนเมื่อมีเสียงไก่ขันทั้งคู่จึงยอมบอกว่าพวกตนมีชื่อว่ากิ่งแก้ว กิ่งกาญจน์ เป็นผู้รักษาวัดร้างแห่งนี้มานานแล้ว พวกท่านจะคอยทดสอบจิตพระธุดงค์ทุกรูปที่เข้ามาปักกลดในบริเวณนั้นส่วนใหญ่จะจิตแตกตั้งแต่เจอภาพหลอน มีบ้างที่ผ่านมาจนถึงการสนทนาธรรมแต่ก็ไม่มีใครตอบทุกอย่างได้กระจ่างแจ้งเหมือนหลวงพี่ ทั้งสองจึงขอให้หลวงพี่บูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นอีกครั้งและผู้ที่จะเป็นเจ้าอาวาสได้มีท่านเพียงรูปเดียว
หลวงพี่ใช้เวลาหลายปีกว่าจะบูรณะวัดแห่งนั้นสำเร็จ พี่กับแม่ก็เคยไปทอดกฐินผ้าป่าด้วยหลายครั้งและได้เห็นศาลเจ้าแม่กิ่งแก้ว กิ่งกาญจน์ด้วย ท่านทั้งสองยังคงดูแลรักษาที่แห่งนั้นอยู่ ที่รู้เพราะเคยมีครั้งหนึ่งวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ร่วมไปทอดกฐินแอบเอาเหล้าขึ้นไปกินบนวัดแล้วจุดปะทัดหน้าศาลท่านพร้อมกับพูดจาเชิงลบหลู่ ผู้ใหญ่เตือนก็ไม่ฟังเขาเลยปล่อยให้พวกมันบ้ากันตามสบาย ปรากฏว่าคืนนั้นนอนกันไม่ได้แหกปากร้องโวยวายว่ามีคนมากระทืบ รุ่งเช้ารถที่เด็กพวกนี้นั่งมาออกจากวัดตั้งแต่ก่อนไก่โห่
ยังไม่นับคู่หนุ่มสาวที่เห็นบรรยากาศวัดเป็นสถานที่โรแมนติค หรือพวกคึกคะนองชอบลองดีลองของ อย่างเบาก็โดนเขกหัวหนักหน่อยก็ลากลงจากที่นอน แต่หนักสุดเห็นจะเป็นพวกที่โดนกระทืบนั่นแหละ
สมน้ำหน้าจัง
หลังจากสร้างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลวงพี่ก็มรณภาพ จากนั้นก็เหมือนดังที่เจ้าแม่ กิ่งแก้ว กิ่งกาญจน์พูดไว้คือไม่มีใครเป็นเจ้าอาวาสได้ จากวัดที่สงบร่มเย็นสวยงามก็ถูกความโลภของคนทำลาย พี่ได้ยินมาว่าตอนนี้ที่นั่นแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ขบวนรถผ้าป่ากฐินที่เคยยาวเหยียดลดน้อยลง สิ่งปลูกสร้างก็เริ่มทรุดโทรมผุพัง แม้จะมีพระรูปอื่นมารักษาการณ์แต่ก็ไม่เหมือนหลวงพี่อีกหน่อยที่นั่นก็คงไม่เหลืออะไร จนกว่าเจ้าแม่กิ่งแก้ว กิ่งกาญจน์จะพบพระที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสมรูปใหม่
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องรอต่อไปอีกกี่ปี */*/*/*/* วันนี้มาลงช้าเพราะไปทำธุระนอกบ้านทั้งวัน เพิ่งเขียยนเสร็จค่ะแต่คราวนี้ออกแนวความเชื่อมากกว่า ไม่ค่อยสยองนักนะคะ เป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ
มาคุยกัน
นี่เป็นอีกตอนที่อ่านแล้วน่ากลัวน่าาเวทนาน่าขนลุกมากที่สุดตอนหนึ่ง ยิ่งอ่านและนึกภาพตามไปด้วย.....น่ากลัวมาก สามารถนำไปขยายดัดแปลงขยายเป็นภาพยนต์แนวขวัญผวาได้เลย สงสัยเหมือนกันครับ ทำไมถึงเรียกผีไหม้ ไม่เรียกไฟครอก ไฟเผา อ่านจบแล้วก็ เรียก อืมม์ (พยักหน้าไปด้วย ^__^...) ยินดีกับหนังสือด้วยครับ ผ่านร้านเจอจะตะครุบแน่นอน และรอเรื่องชุดนี้ด้วย แอบลุ้นรออยู่อย่างเงียบๆ ฮี่ๆๆ จากคุณ : Psycho man -ตอนฟังแม่เล่า นั่งนึกภาพตามไปด้วยเหมือนกัน สยองสุดๆค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อยากให้ชุดเรื่องเล่าได้ตีพิมพ์เหมือนกัน ก็คงแล้วแต่ทางสนพ.จะตัดสินใจค่ะ ^^
ขนาดมียันต์ทุกชั้นแล้วนะ หลอนอ่ะ จากคุณ : โก้ (เซโก้4) -นั่นสิคะ
น่ากลัว คงต้องอธิฐานอย่างนั้นบ้าง จะได้ไม่เจอ = = จะว่าไปที่ฉะเชิงเทรานั่นก็บ้านเก่า เลยนึกถึงตึกแถวๆ โรงหนังที่มักจะเป็นอย่างนั้น ยังนึกอยู่เลยว่าโรงหนังไปสร้างอะไรในหลืบ โรงแรมนั่นตั้งอยู่ในอำเภอเมืองหรือเปล่าหนอ จากคุณ : AMA-chun -อยู่ในเขตอำเภอเมืองค่า
ยินดีด้วยค่ะเรื่องงานตีพิมพ์ ลองมียันต์ทุกชั้น นี่ดูน่ากลัวจริงๆ จากคุณ : scottie -ขอบคุณค่า ,น่ากลัวจริงๆด้วยล่ะ
โรงแรมนี้ หลอนน่าดูอ่ะยันต์แปะทุกชั้น แถมมีอักขระอีก โอ๊ยยย หลอนสุดยอด พออ่านดึกๆ ยิ่งหลอนนนนนดีที่อ่นในห้องตัวเอง อิอิ ยินดีกับหนังสือด้วยนะครับ และรออ่านตอนต่อไปนะครับ บะบาย จากคุณ : ZoXigEn_TonG_x_Zhi -โชคดีที่ไม่ได้ไปด้วย ไม่งั้น.....= ="
ขอเช็กเอ๊าท์ตั้งแต่เห็นยันต์ติดอยู่ทุกชั้นแล้วค่า ลิฟต์แบบเก่านั่นเคยเห็นเหมือนกันค่ะตอนเด็กๆ มีอยู่เครื่องนึงอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้นบนของตึกนั้นสมัยนั้นเป็นแผนกศัลยกรรม ครั้งนึงมีคนขึ้นไปเยี่ยมคนไข้แล้วเห็นช่องที่ลิฟต์ก็เลยซน เอานิ้วเท้าแหย่เข้าไป ผลคือพอขึ้นไปถึงชั้นศัลยกรรม หมอเอาเข้าห้องผ่าตัดเลย สะดวกดี เรียกว่าซนเหมาะกับสถานที่ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) -อ่า....โรงพยาบาลรัฐ เหมือนกันหมดมั้งคะ ฟังแล้วออกแนวเสียวๆตอนผ่าตัด
แหะ เรื่องนี้สยองกว่าเรื่องก่อนอีก อินไม่เคยเจออย่างนี้ค่ะ เพราะที่บ้านอินจะสอนมาเลยว่า เวลาไปพักที่ไหน ต้องไหว้ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางเขา ว่าขออาศัยพักนอน แต่ก็มีบางทีที่เห็นแวบๆ เหมือนกันนะคะ (แน่ะ ขนาดขอแล้วนะนี่)
เรื่องเดจาวูที่ลำพูนนั้น อินรู้สึกเหมือนกับเคยมาที่นี่ค่ะ (ทั้งที่ความจริงเป็นครั้งแรกที่เห็นเลย) ตอนที่ลองเดินผ่านประตูเข้าไป ใจมันหวิวๆ วาบๆ เหมือนกับคนที่ ยังไงดีล่ะ พี่มูนนี่นึกออกไหมคะ เหมือนกับเวลาที่เราไม่เจอคนที่เรารู้จักคุ้นเคยมานาน แล้ววันหนึ่งเราต้องไปพบเขา อย่างนั้นล่ะค่ะ แต่ที่ต้องถึงกับร้องไห้นี่ เป็นที่แพร่ค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องเดจาวูนะคะ เรื่องนี้ยาวนิดนึง เดี๋ยวตอนหน้ามาเล่าให้ฟังค่ะ จากคุณ : หนูอิน (อินทรายุธ) -ฟังแล้วนึกออกเลยค่ะว่าร้สึกยังไง อย่าลืมเล่าเรื่องเดจาวูนะ
อ่านแล้วไม่อยากพักโรงแรมเลยอ่ะ จากคุณ : ramay -ใช่เลยคร้าบ
กรี๊ด ... ตามมาอ่านย้อนหลังถึง 4 ตอน แต่ละตอนน่ากลัวทั้งนั้นเลยนะคะ จากคุณ : Coffee Maker -หลอนสี่เท่า T.T
ปกติเวลาหมูน้อยไปต่างจังหวัด ก่อนนอนก็จะอธิษฐาน ขอให้นอนหลับสบายเหมือนกันค่ะ จากคุณ : หมูน้อยห้อยหัว -แง.....คนไม่ได้อธิษฐานโดนเต็มๆY.Y
พี่ที่ทำงานเคยบอกว่า ถ้าเข้าไปพักที่โรงแรมให้ตรวจดูที่เตียง ที่นอน มียันต์ มีตะปูตอกไว้หรือเปล่า ถ้ามีย้ายที่นอนได้เลย แต่โรงแรมนี้ไม่ต้องออกแรงหาเลยอะ บรื๊อออออ จากคุณ : beautystone -ดูเหมือนโรงแรมต่างจังหวัด จะมีแบบนี้ซะส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ระดับสี่ดาวหรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวนะคะ ขนาดหรูสุดๆยังโดนเลย
เรื่องผีในโรงแรมนี่เป็นอะไรที่เล่าได้ตลอดแถมน่ากลัวสุดๆ ครั้งหน้ากำลังคิดว่าจะหาเรื่องเล่าอะไรดีเพราะตอนนี้หมดประสบการณ์สยองของตัวเองแล้ว แต่จะพยายามขุดความทรงจำให้ได้ค่ะ
ศุกร์หน้าขออนุญาตงดนะคะ วันขึ้นปีใหม่ไม่อยากเริ่มอะไรที่มันสยอง อีกอย่างหลายท่านคงไปเที่ยวด้วย
งั้นขอ Merry Christmas และ Happy New Year ล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย คิดทำสิ่งใดขอให้ประสบความสำเร็จดังใจมุ่งหวัง ปลอดจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีสติปัญญาล้ำเลิศคิดอ่านฉับไว และ รวย!
ป.ล.เวลาไปเที่ยว อย่าลืมสวดมนตร์ก่อนนอนทุกครั้ง และบอกกล่าวเจ้าที่ก่อนเข้าห้องน้ำ
แล้วพบกันใหม่ปีหน้าค่า ^0^/
แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 22:56:16
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ธ.ค. 52 22:54:04
|
|
|
|  |