Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตราบรัก เคียงใจ บทที่ 12  

นครินทร์วางโทรศัพท์รายงานผลของยุคันต์ด้วยสีหน้าพอใจก่อนชำเลืองมองปั้นหยา หญิงสาวยังคงทำงานด้วยลักษณะเดิมคือเคลื่อนใบหน้าเข้าออกระหว่างจอคอมพิวเตอร์กับกระดาษอะไรสักอย่างที่วางไว้อีกด้านหนึ่งของลำตัว จำนวนของมันมีปริมาณน้อยซึ่งอีกไม่นานเธอคงทำเสร็จ ทว่าอาการโยกตัวไปมาอย่างน่ารำคาญนั่นทำให้ชายหนุ่มอดถามไม่ได้

“คุณยังไม่ตัดแว่นใหม่อีกรึ”

“ค่ะ” เธอตอบขณะที่นิ้วยังพรมลงบนแป้น นครินทร์จึงถามต่อ

“แล้วเมื่อไหร่จะตัดล่ะ”

“อีกสักพักค่ะ”

อีกสักพักของเจ้าหล่อนคงไม่ใช่อาทิตย์นี้หรือต้นเดือนหน้าแน่... ชายหนุ่มส่ายศีรษะก่อนหยิบแฟ้มรายงานขึ้นมาเปิดพลางพูด

“รีบไปตัดซะภายในอาทิตย์นี้ เห็นคุณนั่งโยกตัวอย่างนั้นแล้วผมรำคาญ”

ตอนแรกนครินทร์คิดว่าหญิงสาวจะหันมาจ้องหน้าเขาแต่ก็เปล่า หากหลังจากนั้นอาการโยกตัวกลับหายไปคล้ายคนทำประชดกัน ชายหนุ่มถอนหายใจเบา กวาดตาอ่านเอกสารอีกพักหนึ่งแล้วพูดขณะจรดปากกา

“ถ้าไม่มีเงิน ผมจะออกให้ก่อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ” ...เพราะแค่ค่ามือถือก็ไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนเธอถึงจะผ่อนหมด และถ้าเกิดเคราะห์หามยามร้ายไม่ผ่านโปรขึ้นมา เงินเดือนทั้งหมดคงถูกหักจนเกลี้ยงแถมอาจยังต้องโปะต่ออีกด้วย

เห็นสีหน้าที่แปลความหมายออกได้อย่างง่ายดายแล้วนครินทร์ก็อมยิ้ม เขาหยิบแฟ้มใหม่ขึ้นมาอ่านพลางถาม

“กลัวอะไรรึ”

คล้ายใบหน้าเล็กๆ นั่นจะหันมาเพียงนิดเดียวคล้ายต้องการมองกันก่อนจะกลับไปจ้องอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ อาการกึ่งกล้ากึ่งกลัวนั่นทำให้ชายหนุ่มเกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว ปั้นหยาเม้มปากเล็กน้อยก่อนตอบ

“เปล่าค่ะ”

... นั่น ตอบกลับมาได้เสียงเบากริบดีแท้... แต่ถึงจะเบากว่านี้คนหูดีอย่างเขาก็ได้ยิน ดังนั้นคนช่างแหย่จึงพูดประโยคที่ทำให้หญิงสาวถึงกับหันมาจ้องหน้าเขาจริงๆ

“ก็ดีที่ไม่กลัว เย็นนี้ผมขอเชิญคุณไปทานข้าวเย็นด้วยนะ”

ตากลมที่ซ่อนใต้แว่นนั่นเห็นได้ชัดว่ากำลังเบิ่งกว้าง นครินทร์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมตนเองไม่ให้หลุดหัวเราะเสียงดังออกไป ทว่าชายหนุ่มคงเชี่ยวชาญเรื่องการตีสีหน้าเคร่งเครียดเกินไปหน่อย คนมองจึงเข้าใจว่าเขาเชิญเพราะเรื่องงาน

“เอ่อ... นัดลูกค้าไว้ใช่ไหมคะ แล้วจะให้ดิฉันเตรียมอะไรไปเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ ผมเชิญเพราะอยากให้คุณไปด้วย”

สงสัยจริงว่าเจ้าหล่อนทำตาโตได้ถึงระดับไหน เพราะตอนนี้มันเบิ่งมากเสียจนลูกนัยน์ตาแทบถลนออกมานอกเบ้าแล้ว

“ไม่ต้องคิดมากไปหรอกน่า ผมมีเรื่องฉลองกับเพื่อนๆ และพอดีเพื่อนคุณเข้าไปเอี่ยวด้วย ผมเลยคิดว่าพาคุณไปอีกคนคงสะดวกกับคุณช่อม่วงมากกว่า”

อ๋อ... หญิงสาวพยักหน้าและเข้าใจว่าช่อม่วงคงทำผลงานอะไรบางอย่างให้บริษัท ถึงขนาดท่านประธานจัดเลี้ยงให้ด้วยตัวเองนี่แสดงว่าต้องยอดเยี่ยมมากแน่... ให้ตายสิ เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเพื่อนคนนี้จัง

“ตกลงค่ะ ฉันจะรีบทำงานให้เสร็จ” เท่านั้นอาการโยกตัวก็กลับมาอีกครั้งเหมือนเจ้าตัวจะลืมเรื่องที่เขาบ่นไปแล้ว นครินทร์หัวเราะในลำคอพลางจรดปากกาและปิดแฟ้มเอกสารด้วยใบหน้าที่ยังแตะแต้มรอยยิ้ม

สถานที่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ระหว่างเพื่อนฝูงจัดขึ้นที่ร้านอาหารเดิมโดยมีพนักงานหน้าเดิมๆ ออกมาต้อนรับ หากคราวนี้ หญิงสาวตัวเล็กซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายใครคนหนึ่งอย่างเหลือเกินนั่นทำให้เกริกเกียรติถึงกับจ้องหน้านครินทร์อย่างขอคำตอบ หากคนถูกจ้องก็ทำเพียงแค่ยิ้มตามมารยาทและกล่าวแนะนำตัวอาคันตุกะใหม่ทั้งสองโดยเริ่มจากช่อม่วงก่อน

“คนนี้เป็นเด็กใหม่ฝ่ายยุคันต์ชื่อช่อม่วง ทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์บริษัท ส่วนนี่คือคุณปั้นหยา เลขาของฉัน” จากนั้นเขาหันไปทางสองสาว “นี่คือเจ้าของร้านชื่อเกริกเกียรติ เป็นเพื่อนผมเอง”

คนไม่รู้ความนัยในสายตาของฝ่ายตรงข้ามพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อย ผิดกับอีกคนที่ยกมือไหว้แบบแกนกว่าเพราะสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าของร้าน... ว่าไปแล้ว ปฏิกิริยาของเกริกเกียรติช่างเหมือนกับสามหนุ่มเมื่อครั้งที่เจอปั้นหยาตอนตัดผมใหม่ๆ ชนิดไม่มีผิดเพี้ยนทั้งดวงตาและท่าทาง ราวกับว่าสี่คนนี้ได้พบอะไรบางอย่างที่ผิดปกติจนน่าตกใจในตัวของเพื่อนเธอพร้อมกันอย่างนั้นแหละ

ทว่าอาการเช่นนั้นคงอยู่ไม่นานหลังจากชายหนุ่มได้กวาดตามองปั้นหยาอีกรอบ เกริกเกียรติเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางชำเลืองไปทางนครินทร์สลับกับยุคันต์

“เลขารึ”  

“ใช่... เลขา และตอนนี้พวกเราก็หิวแล้ว ช่วยพาไปที่โต๊ะเร็วๆ ได้ไหมครับคุณเจ้าของร้าน”

พลาดไปถนัดที่จ้องยุคันต์เพราะง้างให้ตายหมอนี่ก็ไม่มีวันเปิดปาก ถ้าอยากเล็งผลให้เห็นชัดเจนควรเลือกธรรม์เทพเป็นเป้าหมายดีกว่า แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว ดังนั้นเจ้าของร้านหนุ่มจึงเดินนำเพื่อนทั้งสามกับหญิงสาวอีกสองคนไปยังโต๊ะด้านหลังสวนซึ่งเป็นมุมค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัวที่เขาจัดเตรียมไว้ต้อนรับหลังจากได้รับโทรศัพท์ของนครินทร์

“ที่นี่ตกแต่งได้สวยจังเลยนะคะ”

ปั้นหยาออกอาการตื่นตาตื่นใจจนเห็นได้ชัด ประกายสดใสใต้แว่นแสดงอย่างไม่ปิดบังเลยว่าชื่นชมสถานที่นี้มากเพียงใด เล่นเอาเจ้าของร้านอดยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้

“ไอเดียสวนเป็นของคุณพ่อผมเองครับ ส่วนด้านในผมกับภรรยาช่วยกันดีไซน์ คุณปั้นหยาอยากชมรอบร้านระหว่างรออาหารหรือเปล่า”

พยักหน้าไปแล้วหนึ่งครั้งแต่พลันฉุกคิดได้ว่าเธอกำลังทำเรื่องไม่สมควรลงไปหรือเปล่า หญิงสาวจึงเหลือบมองท่านประธานหนุ่มอย่างหวาดๆ ทว่านครินทร์กำลังตั้งหน้าตั้งตาคุยกับยุคันต์คล้ายไม่ใส่ใจเธอนัก คำอนุญาตเลยออกจากปากของธรรม์เทพแทน

“ไม่เป็นไรครับ ไปเถอะ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้ม เป็นจังหวะเดียวกับช่อม่วงซึ่งคิดอะไรบางอย่างได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น

“ฉันไปด้วยสิ เปิ้ล”

ความจริงเธอกะไว้ว่าจะถามเรื่องหน้าตาของปั้นหยากับเกริกเกียรติ แต่คนฟังอีกคนกลับไพล่เข้าใจไปถึงเรื่องข้อความในมือถือ คำสั่งที่อาจเรียกว่าใช้น้ำเสียงได้ราบเรียบหากแฝงไว้ด้วยความพรั่นพรึงจนน่าขนลุกพอๆ กับใบหน้าโหดของท่านประธานบริษัทหนุ่มจึงออกจากปากเจ้านายโดยตรงของหญิงสาว

“คุณรออยู่ที่นี่เถอะครับ อีกเดี๋ยวคุณปั้นหยาก็กลับมาแล้ว”

จากคุณ : g_maru
เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 23:00:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com