Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
:: ไร่รอตะวัน (21)::  

ลัลนาเดินมาเปิดประตูเมื่อเสียงเคาะดังขึ้นและพอเห็นว่าเป็นใครที่หน้าประตูเธอก็ส่งยิ้มจางให้ ปีเตอร์ยืนอึกอักอยู่ตรงหน้า เขาไม่ได้อยากจะรับหน้าที่นี้

“มาร์คมาครับ” เขาเอ่ยออกมาในที่สุด

“ขอบคุณที่มาบอกค่ะ” ลัลนาก้าวออกจากห้อง

“เขา...” เจ้าของบ้านพูดไม่ออกเมื่อจ้องไปในตากลมโตตรงหน้า เขาไม่อยากบอก ไม่อยากตั้งคำถามเพราะว่ากลัวคำตอบเหลือเกิน

“มีอะไรรึเปล่าคะ”

“เขาจะขอคุณแต่งงาน” ปีเตอร์พูดออกมารวดเดียวจบแล้วกลั้นใจฟังคำตอบ

“ค่ะ”

“คุณจะ...ตอบตกลงหรือเปล่าครับ” เขาถามออกมาเพราะทนท่าทีเก็บงำของเธอไม่ไหว ลัลนาไม่ตอบแต่กลับส่งยิ้มให้และนั่นยิ่งทำให้เขาประสาท

“แล้วคุณอยากให้ฉันตอบว่ายังไงล่ะคะ” เธอกล่าวทีเล่นทีจริงแต่เขาไม่รู้สึกสนุกด้วยเลย ปีเตอร์คว้าคนตรงหน้ามากอดอย่างแนบแน่นเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ไปไหนอีก

“คุณรู้ดีว่าผมอยากให้คุณตอบแบบไหน” เขากระซิบเบา ลัลนารีบดันตัวเองออกจากตัวเขาแล้วขยับออกห่าง

“แต่คำตอบของเราก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันใช่ไหมคะ” เธอตอบแล้วส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรอีก

“เห็นรึยังว่ายัยนี่ร้ายขนาดไหน เธอต้องช่วยฉันจัดการเขี่ยมันไปให้พ้นทางไม่งั้นทั้งมาร์คแล้วก็ทั้งปีเตอร์โดนมันปั่นหัวเล่นหมดแน่ๆ” ธัญญาที่ลากซาร่ามาทันเห็นเหตุการณ์รีบเป่าหูจนแม่บ้านอารมณ์ขึ้นตามไปด้วย

“มันจะเอาใครก็ไม่เอาสักคน ก็ดีแล้วเพราะมันก็ไม่คู่ควรกับนายหัวคนไหนทั้งนั้น”

“ถึงเวลาแล้วนะที่จะทำอะไรสักอย่าง”

“ไอ้อะไรสักอย่างที่ว่ามันอะไร”

“ที่เคยให้ไป..ยังเก็บไว้หรือเปล่า” ธัญญาถามถึงยาสูตรพิเศษที่เคยให้ไว้กับแม่บ้าน ซาร่าพยักหน้าหงึกๆ

“ดี งั้นคืนนี้จัดการให้มันกินซะ แล้วที่เหลือฉันจัดการเอง” ธัญญาออกคำสั่งเสียงเบาก่อนจะแยกตัวออกไป


ลัลนาเดินลงมาจากห้อง ตอนแรกเธอตั้งใจจะตอบตกลงทันทีถ้ามาร์ค แอนโทนี่เอ่ยปากขอแต่งงานเพื่อตัดปัญหา แต่เมื่อทบทวนอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ควรได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีตของเธอทั้งนั้น

“มาร์ค” หญิงสาวเอ่ยทักเมื่อเห็นเจ้านายนั่งนิ่ง

“ลิเลียน...นั่งก่อนสิครับ”

“วันนี้บ่ายๆคุณประวิทย์จะไปที่ไร่..ลิเลียนจะไปรับรองด้วยไหม” เขาเอาเรื่องงานมาก่อนเรื่องที่ตัวอยากพูด

“ไปสิคะ ถึงจะนอกเวลางานแต่ถ้าเป็นเรื่องงาน ยังไงก็ต้องไปทำอยู่แล้ว” หญิงสาวตอบแล้วเงียบไป เพราะรู้ว่าเขามีอีกเรื่องที่จะต้องพูดต่อ

“ผม...ผมว่าเราไปกันเลยดีกว่า ไปเตรียมตัวไว้ก่อนจะได้ไม่พลาด” มาร์คกล่าวขึ้นยังไม่กล้าเข้าตรงประเด็นเช่นเคย เมื่อสองคนออกจากบ้านไปแล้วธัญญากับซาร่าจึงเริ่มแผนการ

“ปีเตอร์คะ ทำไมปล่อยให้เขาออกไปกันง่ายๆแบบนั้น” ธัญญารีบเข้าไปในห้องทำงานใหญ่แล้วพูดออกไปโดยไม่สนใจคนอื่นๆที่นั่งทำงานรายล้อมนายหัวอยู่

“เขาเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันแล้วก็กำลังจะไปทำงาน...จะให้เอาเหตุผลไหนไปรั้ง” เขาพูดโดยไม่ยอมมองหน้า

“แต่ก็น่าจะทำอะไรบ้าง..ไม่ใช่นั่งเฉยทำงานแล้วก็งานแบบนี้”

“ดูท่าคุณธัญญาเป็นห่วงคุณนาเหลือเกินนะครับ ถ้าผมมีเพื่อนแบบนี้ล่ะก็ผมคงรักตาย” บิลลี่พรวดขึ้นกลางบทสนทนา ธัญญาหันไปมองเขาเขียวปัดเพราะจากน้ำเสียงมันคือการประชดประชัน

“ค่ะ ถึงเราจะไม่ค่อยถูกกันแต่เราก็เป็นเพื่อน ฉันก็อยากที่จะให้เพื่อนมีความสุขกับคนที่เขารักเพราะฉันรู้ว่ามันยังมีโอกาสที่จะสมหวัง”

“เมื่อคืนคุณเปิดตัวไปแล้ว...โอกาสของนายคงเหลือน้อยกว่าศูนย์แล้วล่ะครับ” บิลลี่ยังไม่ยอมเลิกกัด ทำเอาธัญญาโมโหเพราะถ้าเกิดปีเตอร์สนใจฟังคนสนิทมากกว่าจนไม่ยอมทำอะไรอีก สุดท้ายเธอก็ต้องเก็บกระเป๋าออกจากบ้านนี้ไปแน่ๆ

“โอกาสน้อยนิดก็ยังเรียกว่าโอกาส ขึ้นชื่อว่ามีโอกาสก็แสดงว่ายังมีความเป็นไปได้สูง ถ้าได้ลองเอาโอกาสนั้นมาใช้ให้เป็นะโยชน์ ถึงจะผิดหวังก็ยังไม่น่าเสียดาย”

“นั่นสิครับ แต่ก็แปลกที่คนบางคนมีโอกาสบ่อยจนน่าอิจฉา กลับไม่เคยใช้โอกาสที่มีในทางที่เป็นประโยชน์สักครั้ง” บิลลี่ยิ่งรู้ว่าเธอเสแสร้งแล้วต้องมานั่งฟังคำของเธอมันก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ

“หมายความว่ายังไง” ธัญญาถลึงตาใส่โมโหขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่มีความหมาย ผมพูดถึงคนอื่นทั่วไป คนที่ได้รับโอกาสบ่อยๆแต่ไม่ยอมใช้หัวคิดว่าจะเอามันไปทำอะไรให้ตัวเองดูดี ดูมีค่าขึ้น...เห็นเขาทำกับโอกาสแบบนี้มันน่าเสียดายแทนคนที่ไม่ได้รับ” ยิ่งฟังเขาพูดเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนตอกหน้าอย่างไรอย่างนั้น ธัญญาหันหน้ากลับไปมองปีเตอร์แล้วพูด

“ปีเตอร์คะ ยิ่งคุณช้าโอกาสก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ...คิดดูแล้วกัน” แล้วก็เดินออกจากห้องไป

“อันที่จริง...ถ้านายจะเชิญเธอกลับไปยังที่ๆเธอมาตอนนี้ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครข้องใจอะไรหรอกครับ” บิลลี่กล่าวออกมาไม่พอใจ นายหัวถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

“ใกล้จะถึงเวลานั้นแล้วใช่ไหมคุณเจมส์ ผมหวั่นใจยังไงก็ไม่รู้...รู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ...ถ้าไม่ติดที่เราตกลงกันไว้ ผมคงเชิญเธอกลับไปนานแล้ว” ปีเตอร์หันไปพูดกับเจมส์ ทนายหนุ่มที่ยังง่วนกับการทำงานในคอมพิวเตอร์ตรงหน้าละมือจากการทำงานชั่วครู่แล้วหันมาร่วมวงสนทนาเต็มตัว

“ตอนนี้ผมได้เครือข่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหม่าสงเรียบร้อยแล้ว”

“แล้วคุณบีล่ะ” นายหัวถามอย่างสนใจ อยากให้เขาบอกออกมาตรงๆชัดๆว่าธัญญามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่

“คุณบีเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของหม่าสงครับ” เจมส์ตอบแล้วพูดต่อในขณะที่ปีเตอร์นิ่งฟังพลางคิด

“แล้วสายก็รายงานมาแล้วว่าคืนนี้พวกมันจะเปิดคอนเทนเนอร์ พวกเราจะประสานงานกับตำรวจเพื่อปิดล้อม จับกุมมันพร้อมหลักฐาน รวมไปถึงเครือข่ายทั้งหมดด้วยซึ่งถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเรื่องยุ่งๆก็จะจบครับ”

“แล้วคุณบี..ต้องเจอกับอะไรบ้าง” ปีเตอร์ถามต่อเพราะว่าอดรู้สึกผิดไม่ได้ เขาพาเธอมาที่นี่เพราะเรื่องของเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวคนนี้ก็มีเรื่องที่น่าประหลาดใจมาให้เขารับรู้เรื่อยๆแถมไม่ใช่เรื่องที่ดีเอาเสียเลย ความคิดที่ว่าจะต้องปกป้องเธอให้ดีที่สุดในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ในเวลานี้กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้

“ต้องดูว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องแค่ไหนกับเรื่องนี้ถึงจะบอกได้ว่าโทษของเธอจะหนักหรือเบา”

“ก็ดี...จบเสียทีก็ดี ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตผมจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ วุ่นวายชะมัด” บิลลี่โพล่งออกมาเพื่อทำลายความตึงเครียดก่อนจะรีบหุบปากเมื่อโดนเจ้านายมองอย่างหมั่นไส้

“โธ่นายครับ...แค่ผมต้องบินข้ามฟ้าข้ามทะเลไปประเทศที่ไม่เคยไปแล้วยังต้องเสาะแสวงหาจนได้เจอคุณเจมส์แล้วพากลับมาเนี่ย ก็ถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากที่สุดในชีวิตผมแล้วครับ” พ่อหนุ่มรีบพูดแก้ตัวกับเจ้านายก่อนจะหันไปบอกขอบคุณเจมส์

“ขอบคุณคุณด้วยล่ะครับที่เข้ามาเสนอตัวไม่งั้นผมคนปวดหัวหนักเข้าไปอีก...เฮ้อ” สิ้นคำพูดเขาทั้งเจมส์และเจ้านายกันมามองพลางส่ายหัวอย่างเอือมระอา ทำเอาบิลลี่นั่งหน้าเจี๋ยมก้มหน้าทำงานต่อไป
       ด้านนอกห้องทำงานนั้นเองธัญญาที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ยังไม่ได้เดินไปไหน เธอยืนแอบหูฟังอยู่และได้ยินเรื่องราวทั้งหมดชัดเจน

“...ปีเตอร์คุณปล่อยให้เขามาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง...ถึงฉันจะร้ายกับใครก็ไม่เคยร้ายกับคุณ คุณไม่น่าทำแบบนี้กับฉันเลย” เธอกล่าวเบาๆมีความรู้สึกเสียใจปนความโกรธ น้ำตาซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“คุณเลือกที่จะร่วมมือกับเขา...ทำร้ายฉัน...งั้นก็อย่าว่าฉันใจร้ายเลยนะ” เธอกล่าวออกมา ความรู้สึกเหมือนถูกคนที่ไว้ใจหักหลังกลับมาอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากบริเวณหน้าห้องทำงานใหญ่ไปอย่างไวและเงียบที่สุด

...............
“มันเป็นพวกเดียวกับตำรวจ” ธัญญากดโทรศัพท์หาสามีมาเฟียทันทีที่เข้าไปอยู่ในห้องและก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาไม่มีน้ำเสียงตื่นเต้นใดใด

“ผมรู้แล้ว”

“แล้วมันก็รู้ว่าจะเปิดคอนเทนเนอร์คืนนี้”

“อืม” ก็ยังคงเป็นน้ำเสียงเรียบจนน่ารำคาญ

“แล้วไม่คิดจะทำอะไรบ้างหรือไง อย่างน้อยก็เลื่อนเป็นวันอื่นก็ยังดี”

“คุณจะบ้าหรือ...ผมมีนัดส่งของให้ลูกค้าทันทีที่คอนเทนเนอร์เปิดดังนั้นผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสอีก”

“โอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในคุกล่ะสิ”

“นี่ ถ้าผมไม่รู้จักว่าคุณเป็นคนที่รักตัวเองขนาดไหน ผมต้องเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงผมแน่ๆ” หม่าสงตอบกลับ รู้ดีว่าที่ธัญญาวิ่งวุ่นแบบนี้เพราะกลัวโดนร่างแหไปด้วย

“ไม่ต้องวิตกไปหรอก ผมมีวิธีที่จะทำให้เราทำงานคืนนี้กันอย่างสบาย ไม่เร่งรีบ ไม่ต้องคอยกังวลกับคนที่ไม่ได้รับเชิญด้วย”

“จะทำยังไง”

“บอกก็ไม่สนุกสิ คุณคอยดูเอาดีกว่า แต่เชื่อเถอะ...คนที่ไม่อยากให้ใครได้มีความสุขเกินหน้าอย่างคุณ ต้องชอบแผนการนี้ของผมแน่ๆ”

“ให้มันแน่เถอะ ฉันไม่อยากติดคุกนะ ทำก็ไม่ได้ทำแล้วยังมีแววต้องมาซวยด้วยอีก...” ธัญญาบ่นออกมา

“เออน่า...แค่นี้นะ...ผมต้องเตรียมตัว” หม่าสงตัดสายไปดื้อๆ มาเฟียหนุ่มเดินไปที่ตรงมุมห้องสุดหรูเพื่อดูเหยื่อผู้เคราะห็ร้ายนั่งหมดสภาพคอตกอยู่ ถ้าไม่ติดว่ามีโซ่เหล็กเส้นใหญ่ที่ต่อมาจากกำแพงมัดมือทั้งสองข้างเพื่อพยุงร่างไว้เธอคงจะลงไปกองอยู่กับพื้นทั้งตัวแล้ว

“ตายรึยังล่ะนังตัวดี” เขานั่งลงตรงหน้าพลางเอามือเชยคางสาวตรงหน้าให้ขึ้นมามอง ลิซ่ามองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวแต่ก็ไม่ยอมปริปากพูด

“ยังไม่ตายก็ดีแล้ว ไม่งั้นแกคงเสียดายแน่ถ้าไม่ได้เห็นว่าคนที่แกรักจะตายยังไง”

“แกพูดเรื่องอะไร” เธอแค่นเสียงถามออกมาอย่างยากลำบากเพราะแค่ขยับก็เจ็บระบมไปหมด หม่าสงแค่นยิ้มออกมา รู้สึกสมเพชคนตรงหน้ายิ่งนัก

“ขอทีเถอะนะ...ขอให้ฉันได้ฟังภาษาไทยจากปากเธอชัดๆ...ภาษาแม่ของเธอน่ะ” เขาพูดพลางจ้องหน้าคนฟังที่เบิ่งตาโตด้วยความตกใจ

“แปลกใจมาเลยสิที่ฉันรู้ความลับของเธอเข้าให้...ฮึ...ต้องยอมรับว่าฉันมันโง่ที่โดนเธอหลอกเอาเสียสนิท แต่จากนี้จะไม่มีอีกแล้ว..อยากแก้แค้นให้พี่ชายมากถึงขนาดยอมทุ่มตัวเองแบบนี้...น่ายกย่องจริงๆ” คำพูดนี้ยิ่งทำให้คนฟังตกใจมากขึ้นอีก

“สารเลว..คนอย่างแกจะต้องโดนจับเข้าตารางแน่นอน” ลิซ่าด่ากลับเป็นภาษาไทยชัดคำ หม่าสงหัวเราะออกมาเพราะในที่สุดก็ยั่วอารมณ์เธอได้

“ฮึฮึ...จะตายแล้วยังปากดี...แต่ช่างเถอะ ฉันจะยกโทษให้เธอก็ได้ ในฐานะที่เธอกำลังจะตาย...ตอนนี้..เรามาทำอะไรสนุกๆกันดีกว่า” มาเฟียพูดจบก็เอาสายยางเส้นเล็กมารัดรอบแน่นที่ต้นแขนของคนไม่มีแรง ซึ่งลิซ่าก็พอจะเดาออกมาเธอกำลังจะเจอกับอะไร

“ไอ้เลว อย่านะ” พูดพลางก็พยายามถอยหนีแต่ก็ไปไหนไม่ได้ หม่าสงเห็นอาการก็ยิ่งชอบใจ

“ไม่อยากรู้หรือว่าพี่ชายที่รักของแก...รู้สึกยังไงก่อนตาย” เขาพูดแล้วลุกขึ้นดินกลับไปหยิบของบางอย่างจากโต๊ะทำงานแล้วเดินกลับมาหาเธอ ลิซ่าเบิกตากว้างหวาดกลัวกับสิ่งที่เขาถือในมือ

“ไม่นะ...อย่าเข้ามานะ..อย่า...” ลิซ่าทั้งร้องทั้งดิ้นพยายามจะถอยห่างจากเข็มฉีดยาซึ่งของเหลวในนั้นก็คือยาตัวใหม่ของหม่าสงนั้นเอง

“ยืนทำบ้าอะไรเล่าเข้ามาจับมันไว้สิ” หม่าสงตะโกนสั่งลูกน้องที่ยืนนิ่งอยู่ เมื่อโดนจับแน่นจนขยับไม่ได้หม่าสงจึงบรรจงกดปลายเข็มลงพอดีกับเส้นเลือดที่ปรากฏขึ้นมา ทันทีที่ของเหลวเริ่มเข้าสู่ร่างกายความเจ็บปวดก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่ว หญิงสาวสัมผัสได้ถึงร่างกายที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เรี่ยวแรงที่ไม่มีอยู่แล้วเมื่อเจอยานี้เข้าไปยิ่งหดหายและในที่สุดประสาทตาก็พร่ามัวพร้อมกับความรู้สึกต่างๆหายไปด้วย

“สงบไปแล้วครับนาย” ลูกน้องตรวจดูอาการแล้วหันมารายงานนาย

“ดี เลือกรูปสวยๆสักชุดส่งไปให้ไอ้ทนายจอมแส่นั่น บอกมันให้อยู่ห่างๆจากงานคืนนี้ซะ ไม่งั้นนังนี่ตาย” ลูกน้องรับคำแล้วรีบทำตามทันที หม่าสงหันไปมองร่างที่ไม่มีสตินั่นอีกครั้ง

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีทางปล่อยให้แกตายไปง่ายๆหรอก”

จากคุณ : รีโหมดไม่มีถ่าน
เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 01:59:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com