Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
^^ก่อนวันสิ้นปี กับความรัก...ที่ไม่เคยจางหาย^^  

เหนื่อยชะมัด นี่มันอะไรกันนะ ทำไมโลกถึงได้วุ่นวายขนาดนี้

ตรงหน้าฉันมีแต่กองหนังสือ ด้านขวามีพอมีพื้นที่เล็ก ๆ ให้วางโทรศัพท์มือถือ ส่วนโต๊ะเล็ก ๆ ด้านซ้ายวางคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่กำลังรันโปรแกรมอย่างเชื่องช้า

หนังสือเล่มหนาเปิดวางไว้ตรงหน้า ปากกาหลากสีกองกระจายอยู่บนโต๊ะ รอคอยให้ฉันหยิบขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไป แต่น่าเสียดายที่สมองที่เคยโลดแล่นกลับไม่ทำงานเอาดื้อ ๆ โลกที่ฉันเคยสร้างขึ้นในหัว เวลานี้มันว่างโพลงจนน่าตกใจ

ไม่มีชีวิต ไม่มีสีสัน ไม่มีแม้กระทั่งความฝันใด ๆ

อย่างเดียวที่รู้คือตอนนี้ฉันอยากร้องไห้ มันอาจจะเป็นอารมณ์เปลี่ยวของสาวโสด หรือความรู้สึกแย่ ๆ ของสาวโฉด แต่ที่แน่ ๆ ฉันว่าฉันกำลังอ่อนไหว...มาก ๆ เสียด้วย

สายตาฉันมองไปที่นาฬิกาดิจิตอลที่ติดผนัง ตัวเลขสีแดงบอกว่าวันนี้คือวันก่อนสิ้นปี วันเวลาที่ใครหลายคนอยากจะฉลองกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง แต่สำหรับฉันแล้ว...บางทีคงต้องฉลองกับความทรงจำที่ไม่เคยลืมเสียมากกว่า
30 ธันวาฯ...วันก่อนสิ้นปี

วันที่ใครคนนั้นเลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตของฉัน

‘ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมไม่สัญญาว่าเมื่อกลับมาเราจะเหมือนเดิม...ผมจึงไม่ขอให้คุณรอ’

‘อย่าห่วงเลย...เราไม่รอหรอก’ วันนั้นฉันตอบได้หน้าตาเฉยราวไม่รู้สึกอะไรเลยกับการลาจากไปแสนไกล

แล้วเขาก็ยิ้ม รอยยิ้มที่แสนเศร้า ทรมานเราทั้งคู่ได้อย่างน่าขัน

‘เราจะไม่เสียเวลาไปกับอดีต แต่จะเดินต่อไปเรื่อย ๆ ทุกวินาที...ดังนั้น เราไม่มีทางรอเด็ดขาด’ นั่นคือความมุ่งมั่นที่เจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่บอกว่าตัวเองเข้มแข็งนัก

เขาแค่หัวเราะ ก้มหน้าลงมาใกล้แล้วถามด้วยรอยยิ้ม ‘ขอกอดหน่อยได้ไหม...’

ฉันไม่ได้ตอบ แต่เขาก็คว้าเอวฉันเข้าไปใกล้ กอดรัดไว้หลวม ๆ ไม่ได้อึดอัด แต่อบอุ่น ก่อนที่เขาจะปล่อยมือ แล้วก้มลงจูบหน้าผากฉันเบา ๆ ‘ผมไปแล้วนะ’

‘อืม...โชคดีนะ’ ฉันบอกง่าย ๆ แล้วเราก็หันหลังให้กัน เดินแยกไปโดยไม่มีใครหันไปมองด้านหลัง

เราต่างรู้ว่าชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า และเมื่อเลือกที่จะจากแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องอาลัยอาวรณ์ เราปลดพันธะที่ผูกมัด มีเพียงสายใยบาง ๆ ของความทรงจำที่เรียกความความผูกพันเท่านั้นเอง

ใช่...มันก็แค่ความผูกพันที่ไม่เคยผูกมัด มันคือความต้องการของฉันที่เขาก็เข้าใจและยอมรับ เพียงแต่เวลานี้...ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่คิดถึงวันเวลาที่เราต้องจากกัน

กี่ปีแล้วนะนับจากวันนั้น...สอง หรือสาม

ไม่มีโทรศัพท์หากไม่จำเป็น ไม่มีจดหมาย ไม่มีอีเมล์ ไม่มีข่าวคราวใด ๆ นอกจากคำบอกเล่าของเพื่อนที่ไปเยี่ยมเยียนเขาเท่านั้น

เราคง...ห่างเหินกันเกินไปสินะ

“ถ้าวันนั้น...ฉันบอกว่าจะรอ นายจะกลับมาหรือเปล่า” ฉันคงบ้าหนักจึงหันไปถามกับรูปคู่ของเรา รูปที่ฉันเพิ่งเอาใส่กรอบมาตั้งที่โต๊ะหลังวันที่เขาจากไป
มือฉันยกขึ้นคว้าปากกา สายตาจ้องมองตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ พยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บเอาสิ่งที่อ่านไว้ในหัว แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ยังอวลขึ้นมา
มันเป็น...ความเศร้า ใช่ เศร้าและอึดอัดจนทรมาน

หัวใจฉันคล้ายจะไหวเบา ๆ อยู่ในอก ก้อนเนื้ออ่อนนุ่มที่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในตัวนั้นคงทำงานไม่ค่อยดี และบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกประหลาดแบบนี้

ใช่...อาจเป็นความผิดปกติของหัวใจนั่นละ

ฉันพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อจะทำงานต่อ แต่ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็ทำให้ฉันเผลอหลับไป กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อตัวเลขที่หน้าจอดิจิตอลของนาฬิกาบอกเวลาเกือบเข้าวันใหม่แล้ว

ฉันก้มลงมองบางอย่างที่อยู่บนตัว ผ้าห่มสีขาวนุ่ม เนื้อผ้าคล้ายกำมะหยี่แบบที่ฉันชอบนัก กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นด้วยจังหวะที่ดีขึ้น ความสงสัยแว่บเข้ามาในหัวทำให้ฉันลุกขึ้นยืนช้า ๆ เสียงบางอย่างดังแผ่วเบาออกมาจากห้องข้าง ๆ อาจจะเป็นเสียงคีย์บอร์ดที่ฉันตั้งไว้ในห้องนอน

แปลว่ามีใครบางคนอยู่ในห้องฉัน

พระเจ้า...ผู้บุกรุกที่ไหนกันสิ้นคิดขนาดมาเล่นคีย์บอร์ดในห้องนอนเจ้าของบ้าน

ฉันก้าวไปหน้าประตูห้องนอน เสียงเพลงดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สิ ไม่ใช่เพลง แต่เหมือนการไล่เสียงเล่นเสียมากกว่า

ประตูถูกเปิดแง้มเอาไว้ ฉันค่อย ๆ ผลักเข้าไปโดยไม่ให้มีเสียง แต่เมื่อประตูเปิดออกจนกว้างพอที่จะเห็นภาพในห้องแล้ว ฉันก็ทำได้แค่ยืนมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

คีย์บอร์ดอยู่ตรงนั้น ติดมุมห้องตรงหน้าฉัน ตรงที่ที่เขาอยู่

ใช่...เขาอยู่ที่นั่น ผู้ชายที่มีรอยยิ้มให้ฉันเสมอ เหมือนเวลานี้ที่เขาหันมามองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน กับเสียงที่ฉัน...คิดถึง

“ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า”

“เรา...ตื่นอยู่จริง ๆ เหรอ” คำถามโง่ ๆ หลุดออกจากปากฉันที่กำลังงุนงง
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าคีย์บอร์ด เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน ร่างสูงนั้นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา

“ขอกอดหน่อยได้ไหม”

“นายจะขอแถมแบบตอนนั้นหรือเปล่าละ”

เขายิ้ม ยิ้มที่ทำให้ฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่เห็น “อืม...ถ้าคุณอนุญาต” แล้วเขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปกอด ก่อนจะคลายแขนออกแล้วก้มลงจูบหน้าผากฉันเบา ๆ
“นอนต่อเถอะ...ขอโทษที่มาหาดึก ๆ”

เขาดันตัวฉันไปที่เตียงนอน ผลักเบา ๆ ให้นั่งลงแล้วจับหลังให้เอนนอนเหมือนที่เคยทำเมื่อนานมาแล้วในตอนที่ฉันป่วย “นอนเถอะนะ...”

“ถ้าเราตื่นมา...นายจะยังอยู่ไหม” ฉันถามอะไรโง่ ๆ ออกไปอีกแล้ว

“ถ้าคุณอยากให้ผมอยู่ ผมก็จะอยู่”

“ร้องเพลงกล่อมหน่อยสิ...” คำขอของฉันทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

“เอาอย่างนั้นเหรอ...ก็ได้” เขาจับมือฉันวางลงบนเตียง ก่อนจะเดินไปหน้าคีย์บอร์ด แล้วเริ่มกรีดนิ้วลงบนคีย์

เสียงดนตรีแว่วหวานให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขสบายเหมือนอยู่ในความฝัน ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มที่เป็นเอกลักษณ์นั้นจะดังขึ้นตาม

จากคุณ : Argent
เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 16:29:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com