ความคิดเห็นที่ 1 |
ฮี่ๆ แต่พอผมเข้ามหาวิทยาลัย ก็ไม่มีใครเรียกผมว่า เม เลยครับ ผมได้ชื่อใหม่เป็นภาษาอังกฤษ นั่นคือ
ONE C.C.
หรือ 1 ซีซี นั่นเอง ตอนหลังมันลดลงเหลือแค่คำว่า ซีซี แฮ่ะๆ มันมีที่มาครับ ก็ผมถูกเลี้ยงมาอย่างดี อันแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดนั้น แม่สั่งว่าให้ห่าง อย่าไปแตะมัน ให้แก่เท่าพ่อก่อนแล้วค่อยหัดดื่ม ผมก็เชื่อแม่ครับ ลูกรักของแม่นี่นา แต่รุ่นพี่มันบอกว่า เชื่อแม่ก็โง่ตายชัก ผมก็ไม่อยากโง่ ผมลองครับ
ผมจิบได้นิดเดียว ผมก็เวียนหัวฮับ หัวหมุนติ้วๆ ร่างกายอ่อนแรง บอกเพื่อนให้ส่งกลับหอด่วน
นั่นแหละ ที่มาของชื่อผม คือ จิบเหล้าแค่ 1 ซีซี ก็เมาฮับ
เรื่องนี้ทำให้ผมอายเหมือนกัน แต่ถ้าใครไม่รู้ที่มาของชื่อรวมกับหน้าตาออกฝรั่ง(หน่อยนึง)ของผมมันทำให้กลายเป็นชื่อเท่ๆ ไป พอขึ้นปี 2 น้องใหม่เรียก พี่ซีซี เพื่อนสาวที่ใจแตกท้องมีลูกไปพอเจอผมก็ให้ลูกเรียกว่า อังเคิ่ลซีซี ชื่อโคตรเท่ แต่เท่ได้แค่ปีเดียว นามสกุลของชื่อเล่นก็ตามมา เฮ่อ เป็นหนุ่มหล่อคนเดียวที่มีชื่อเล่น และนามสกุลเล่นด้วย ทั้งหมดเพื่อนตั้งให้
คือตอนปิดเทอมปี 2 ก่อนขึ้น ปี 3 มันมีงานเลี้ยงระหว่างคณะ คล้ายๆ โต๊ะจีน ผมจำไม่ได้ว่างานเลี้ยงบ้าบอนั่นทำขึ้นเพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ มันมีไก่ครับ ไม่รู้ไก่ต้มหรือตุ๋น มันมาทั้งตัว และผมก็เป็นหนุ่มฮอท หนุ่มฮอทที่ไหนจะนั่งกับผู้ชายด้วยกัน ผมนั่งกับสาวรุ่นน้องโต๊ะหนึ่ง โต๊ะละเกือบสิบคน ตอนไก่มาเสิร์ฟทุกคนมองไก่ทั้งตัวนั้นอย่างงงๆ ว่าจะรับประทานยังไง ก็แม่ผมสอนให้เป็นสุภาพบุรุษ ให้เทคแคร์ดูแลเพศหญิง ผมจึงใช้ช้อนและส้อมในมืออันแข็งแรงของผมแงะไก่...แทนมีด ผมทำได้อย่างคล่องแคล่ว อยู่บ้านผมกินช้างทอดยังได้เลย
สาวๆ บนโต๊ะ ได้แทะไก่กันบนโต๊ะเพราะฝีมือผม...! ในขณะที่ผมไม่รู้เลยว่าโต๊ะอื่นๆ นั้น ชายหนุ่มประจำโต๊ะเขาใช้วิธีเอาไก่ใส่ถุงให้สาวๆ พากลับไปแทะกันเองที่หอ เพื่อนปากเปราะคนหนึ่งมาเห็นกระดูกไก่ในจานสาวๆ มันถามว่า ใครสับไก่ให้ เก่งจัง ได้ชิ้นเท่าๆ กัน เรี่ยมมาก
ทุกคนชี้มาที่ผม พี่ซีซีค่ะ
เพื่อนผีๆ ของผมมันก็เอาไปชื่นชมท่ามกลางคนหมู่มากกันครื้นเครง สาวๆ รุ่นน้องโต๊ะนั้นก็ซาบซึ้งกับบุญคุณ ไปคุยโม้โอ้อวดด้วย เมื่อคืนเรานั่งโต๊ะพี่ซีซี ที่หล่อโคตรๆ แกสับไก่ให้พวกเรากินด้วย น่ารักมากๆ พอปี 3 ผมก็ได้เป็น ซีซี หล่อสับไก่ ใครๆ ก็รู้จัก
แม่ค้าข้าวมันไก่หลังมหาวิทยาลัยยังให้เกียรติผมทุกครั้งที่เข้าร้าน ซีซี จะสับไก่เอง หรือให้ป้าสับให้จ๊ะ ครับ... นั่นคือความโด่งดังของผม
อืม แต่เชื่อมั้ยฮะ จริงๆ แล้วตอนนั้นผมไม่คิดว่าผมจะดังขนาดนั้น แต่มามั่นใจว่าผมเด่นเอาจริงๆ ก็จบมหาวิทยาลัยมาสิบชาติแล้วก็ยังมีคนทักผมและรู้เรื่องนั้นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์บางคน รุ่นพี่ รุ่นน้องต่างคณะ นี่แหละ... แสดงว่าผมคงดังเอามากๆ ขนาดผมเคยป่วยหนักอยู่บนเขียงเตรียมผ่าตัดมะรอมมะร่ออยู่แล้วหมอวิสัญญีสาวรุ่นพี่คนหนึ่งยังอุตส่าห์มาตะโกนถามดังลั่นห้องว่า
เฮ่ย นี่ตาซีซีนี่หว่า ว่าไง ไปสับไก่ที่ไหน ถึงเดี้ยงขนาดนี้ แล้วหมอศัลย์หนุ่มอีกคนซึ่งคงจบคนละสถาบันกับพวกเรา ก็พากันคุยเรื่องนี้ แล้วตาหมอบ้านั่นยังอุตส่าห์พยักหน้าหงึกหงักเหมือนเคยรู้เรื่องผมแล้ว อ๋อๆ แฟนผมเคยพูดถึงเหมือนกัน ใช่คนที่เป็นนักบอลด้วยมั้ย
โชคดีที่ฤทธิ์ยาสลบเริ่มทำงาน ไม่งั้นการผ่าตัดคงถูกเลื่อนออกไป หมอคนจะรุมสัมภาษณ์หมอหมาผู้โด่งดัง
อิอิอิ ผมมีเรื่องดังๆ อีกมากนะ แต่ส่วนใหญ่น่าอายทั้งนั้น บางทีผมเองก็ไม่รู้ว่ามันน่าอาย แต่มาคิดตอนนี้ มันก็น่ารักดี ผมไม่มีเรื่องน่ากลัว ชวนรันฟันแทงแบบผู้ชายคนอื่นเขา เหมือนไม่ค่อยแมน ก็สังคมผมเป็นแบบนี้ ยูโทเปียชัดๆ
จากคุณ |
:
zuzazu
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ม.ค. 53 10:44:20
|
|
|
|