ความคิดเห็นที่ 1   จังหวัด Miyagi เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาค Tohoku  ซึ่ง Miyagi นี้มีพื้นที่โอบล้อมไปด้วยทะเลและภูเขา ซึ่งบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคเป็นเขตการประมงที่มีชื่อเสียงอย่างมาก นอกจากนี้ Miyagi  ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ ทะเล และสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็คืออ่าว Matsushima ในเขตเมือง Sendai นอกจากนั้นตามแหล่งท่องเที่ยวของทิวเขา Zao , Funagata และ Kurikoma จะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมตลอทั้งปี ซึ่งพร้อมกันนั้นผู้มาเยือนทั้งหลายก็จะไม่ลืมที่จะไปลิ้มลองอาหารอันเลื่องชื่อที่ไม่สามารถไปกินที่ไหนได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสด ๆ โดยเฉพาะหอยนางรมอันเลื่องชื่อ  Tempura, Sukiyaki  และที่สุดยอดนิยมสำหรับคอทานเนื้อแล้วต้องไม่พลาดก็คือ ลิ้นวัวนุ่มๆ อร่อยๆ  ที่ย่างบนเตาถ่านร้อนๆ แล้วกินพร้อมกับสาเกหรือเหล้าญี่ปุ่นต่าง ๆ แบบสไตล์ชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ Miyagi ยังมีภูมิอากาศที่พอเหมาะ ผู้คนจะมีโอกาสได้ร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของจังหวัด ในทุกฤดู ทำให้ Miyagi คือสวรรค์บนดินที่น่าใช้ชีวิตอยู่อาศัยแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว   ผู้คนทั่วไปจะรู้จักเมืองๆ หนึ่งในจังหวัด Miyagi ไม่น้อยไปกว่ากรุง Tokyo หรือ Osaka หรือ Hiroshima ก็คือ เมือง Sendai เป็นเมืองหลวงของ Miyagi และเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่ผสมผสานความทันสมัย ขนบธรรมเนียมประเพณีและความงามของภูมิทัศน์ไว้ได้อย่างกลมกลืน   แต่วันนี้ผมจะยังไม่พาคุณผู้อ่านไป Sendai นะครับ แต่จะพาทุกท่านไปเยือน Naruko-onsen  เป็นเขตเล็กๆ ที่เมือง Osaki กันก่อน ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ ....แต่ผมขอบอกทุกท่านก่อนเลยว่าถ้าต้องการไปเยือนภูมิภาค Tokoku ในยามฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว   It’s a Must ! ที่จะต้องไม่ลืมใส่รายชื่อหุบเขา Naruko Gorge ไว้ในตารางท่องเที่ยว และคุณผู้อ่านจะตื่นตะลึงกับสีสันตลอดแนวเขาที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ออกมาอย่างงดงาม จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:38:08

ความคิดเห็นที่ 2   เช้าวันนี้เป็นวันที่สดใส ผมกินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ก็ออกเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Sendai แล้วมาลงที่สถานี JR Furukawa จากนั้นจับรถไฟสายท้องถิ่นต่อไปอีกเพื่อไปลงที่สถานี Naruko-onsen   กว่า 1 ชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างมองทิวทัศน์ด้านนอกขณะที่รถไฟวิ่งตัดผ่านทุ่งนาอันกว้างที่มีฉากเป็นทิวเขาใบไม้เปลี่ยนสีทอดยาวเป็นฉากหลัง ช่างเป็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและเกิดความอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด .......นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมชอบเดินทางท่องเที่ยวในชนบทมากกว่าเมืองใหญ่ๆ .... ความสุขที่ได้มานั้นมันมาพร้อมกับอากาศที่บริสุทธิ์ในบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยผู้คนและธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่ง และที่นี่ก็คือ Naruko-onsen   ผมลงรถที่สถานี JR Naruko-onsen   พอก้าวเท้าออกมาก็ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นเมืองเล็กๆ แห่ง Onsen ไม่ว่าจะเป็นภาพผู้คนที่แต่งตัวลำลองในชุด Yukata ต่างเดินผ่านไปมาในเมือง  หรือ บ่อแช่เท้าด้านหน้าสถานีรถไฟ ผมรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่เห็นการเตรียมพร้อมของนักท่องเที่ยวยามหยิบผ้าเช็ดเท้าที่พกมาด้วยออกมาจากกระเป๋าหรือกางเกงของตน ....ส่วนผมได้แต่ใช้กระดาษทิชชู่ในการเช็ดเท้า แต่ที่ผมประทับใจที่สุดก็คือรอยยิ้มต้อนรับอาคันตุกะต่างถิ่นของบรรดาเหล่าผู้อาวุโสที่มารับหน้าที่เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั่วเมือง ตั้งแต่การแจกข้อมูลการท่องเที่ยว จนถึงการอำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลงรถบัส แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นการเดินข้ามถนน ...... ถ้าไม่ติดแผนการเดินทางในวันอื่นๆ ผมอยากจะเปลี่ยนที่พักมาที่นี่สักสองคืน ....... ผมบอกคุณผู้อ่านเลยว่า.....  ผมได้ตกหลุมรักเมืองนี้อย่างเต็มหัวใจ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:38:39

ความคิดเห็นที่ 3   สิ่งหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของ Narugo Onsen ที่ตกแต่งอยู่ทั่วเมืองในรูปแบบของเสาบอกทางบ้าง เป็นรั้วกั้นบ้าง หรือในรูปสินค้าที่ระลึกที่วางขายกันทั่วเมือง ........ นั่นก็คือตุ๊กตา Kokeshi ตุ๊กตา Kokeshi เป็นตุ๊กตาของเล่นพื้นเมืองของผู้คนในภูมิภาค Tohoku มาตั้งแต่สมัย Edo กว่า 200 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการทำตุ๊กตา  Kokeshi เกิดขึ้นจากช่างไม้คนหนึ่งได้แกะไม้เป็นรูปตุ๊กตาทรงกระบอก ไม่มีแขนหรือขา แล้วจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบ่อน้ำร้อน  Togatta ในจังหวัด Miyagi  เพื่อให้ไว้นวดตัวยามลงแช่บ่อน้ำร้อน หรือ นำไปเป็นของฝากยามกลับบ้าน ต่อมาได้มีการพัฒนาใช้สีในการวาดแต่งแต้มให้เกิดหน้าตา จนเกิดกลายเป็นรูปตุ๊กตาและแพร่หลายไปทั่วภูมิภาค จนในปัจจุบันเราจะเห็นการประยุกต์และสร้างสรรค์การออกแบบ ตุ๊กตา Kokeshi ให้ออกมาหลากหลายทั้งแนวอนุรักษ์และแนวสมัยนิยม   ตุ๊กตา Kokeshi  ผลิตจากไม้เนื้อแข็งสีขาว โดยมีลำตัวเป็นทรงกระบอก หัวกลมโตกว่าลำตัว  ซึ่งในช่วงแรกๆ ลวดลายบนใบหน้าจะเป็นการลงสีและรายละเอียดให้เป็นเป็นรูปเด็กผู้หญิง แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาวาดตุ๊กตา Kokeshi นี้เป็นลายรูปหน้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Geisha ทหาร หรือ การ์ตูนต่างๆ ในประเพณีญี่ปุ่นนั้นการมอบตุ๊กตา Kokeshi ให้เด็กแรกเกิดนั้นเปรียบเสมือนเป็นการมอบพรให้เด็กคนนั้นมีสุขภาพแข็งแรงและเลี้ยงง่าย ตุ๊กตา Kokeshi ยังถือเป็นเครื่องรางที่ช่วยปกป้องบ้านจากไฟไหม้ เนื่องจากตุ๊กตาทำมาจากไม้เนื้อแข็ง นอกจากนี้ยังเชื่อว่า ตุ๊กตา Kokeshi จะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี ป้องกันภูตผีหรือความโชคร้ายไม่ให้เข้าในบ้าน อีกทั้งจะบันดาลให้พืชผลไร่นาได้ผลิตผลอย่างอุดมสมบูรณ์อีกด้วย เครดิตภาพ : http://vinsenjunior.wordpress.com จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:39:15

ความคิดเห็นที่ 4   ผมเดินต่อยังป้ายรถบัสที่อยู่ห่างไม่ถึงสิบก้าวจากสถานีรถไฟ วันนี้นักท่องเที่ยวแน่นขนัด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ใบไม้ได้เปลี่ยนสีอย่างเต็มที่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย  จากตารางรถบัสที่ผมได้รับมาจากคุณป้าอาสาสมัครท่านหนึ่งที่ได้อธิบายการเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โตรกผา Naruko Gorge ว่าประมาณ 4 ป้ายรถเมล์ คือลงที่ป้าย Tourist Center ใช้เวลาประมาณ 15 นาที บนรถบัสที่ผมโดยสารไปยังโตรกผา Naruko Gorge เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะผู้สูงวัย ผมลุกให้ที่นั่งคุณลุงท่านหนึ่ง  ซึ่งคุณลุงก็พยักหน้าเชิงบอกความหมายว่าไม่ต้อง  ผมรู้สึกทึ่งในความแข็งแรงของบรรดาผู้อาวุโสของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ไม่ว่าจะไปตรงไหน ลำบากอย่างไร ก็ไม่เคยที่จะเห็นใบหน้าเหน็ดเหนื่อย ซึ่งต่างจากผมอย่างมากมาย ที่เดินสักพักเกิดอาการหอบแล้ว จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:39:42

ความคิดเห็นที่ 5   รถบัสออกจากสถานี JR Naruko Onsen แล้วไต่เขาไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้เป็นที่สูงมาก เพียงเป็นทางลาดชัน ทำให้เราไม่รุ้สึกอะไรมาก เมื่อรถบัสจอดให้คนลงที่ป้ายทีสาม ผมเห็นคนจากรถเยอะมาก ผมก็คิดว่าหรือว่าผมจำผิด ต้องลงป้ายนี้..... ว่าแล้วสมองก็สั่งให้ผมลงป้ายนี้ ...ผมก็เลยลงบ้าง ผมหยิบคู่มือการท่องเที่ยว Naruko Gorge ออกมาดูภาพ แล้วเทียบกับสถานที่ตรงหน้าที่ผมลงรถบัส ..... ก็ไม่เห็นเหมือนเลย  ผมคิดว่าคงไม่ใช่แถวนี้ คิดเอาเองว่าน่าจะอยู่ข้างในลึกๆ ก็ได้ ก็เลยเดินตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:40:30

ความคิดเห็นที่ 6   ผมเดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ไปสุดทางที่น้ำตกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในใจก็คิดว่าไม่ได้การแล้ว เพราะต้องการมาถ่ายภาพรถไฟลอดอุโมงค์กลางหุบเขา  แต่เดินมากว่ากิโลเมตรแล้ว ยังไม่เจอเลย จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:40:56

ความคิดเห็นที่ 7   แต่ความสวยงามของธรรมชาติที่นี่ ก็ทำให้ผมเดินโอ้เอ้และเก็บภาพบริเวณนั้นไปเรื่อยอย่างมีความสุข ...... จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:41:26

ความคิดเห็นที่ 8   หลังจากสำรวจพื้นที่จนรอบ ....ผมคิดว่าแถวนี้คงไม่มีรางรถไฟหรืออุโมงค์อย่างแน่นอน ดังนั้นผมก็เลยใช้วิธีแก้ปัญหาที่ไว้ใช้ในการสื่อสารในการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในยามคับขันที่ทำเป็นประจำก็คือ.... การควักรูปภาพที่เป็นภาพถ่ายโปสเตอร์การท่องเที่ยวของ Naruko Gorge ซึ่งเป็นภาพรถไฟกำลังลอดอุโมงค์มาจากหุบเขาท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี แล้วเดินไปถามคุณลุงท่านหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบริเวณนั้น คุณลุงก็ชี้ไปทางบันไดขึ้นเขา เหมือนบ้านเราที่เวลาขึ้นไปเที่ยวน้ำตกตามต่างจังหวัด ผมมองตามนิ้วของคุณลุงที่ชี้ไป..... แล้วมองต่อไปยังจุดสูงสุดของเนินผา ... ยังไม่ทันเริ่ม ก็คิดอยากกลับไปนอนที่โรงแรมแล้วครับ  สุงจริงๆ .... แต่ในเมื่อภารกิจของผมในทริปนี้ก็คือภาพในฝันตามโปสเตอร์ ก็ต้องผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้   ตลอดทางผมก็เดินขึ้นเขา ก็หยุดไป พักไป หอบไป ถ่ายรูปไป  ถ้ามียาหอมมาด้วยคงได้ชงกินกันลมขึ้นทุก 5 นาทีเป็นแน่แท้ ผมใช้เวลาเกือบ 30 นาทีในการเดินขึ้นเขา ก็ถึงยอดผา .... จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:41:58

ความคิดเห็นที่ 9   พอไปถึงด้านบน ......ตรงหน้าผมที่คิดว่าเป็นยอดผานั้นก็คือถนนบริเวณกึ่งกลางระหว่างป้ายรถที่ 3 และที่ 4 ผมอยากเขกศีรษะตัวเอง พร้อมหัวเราะหึๆ ในกับความไม่สันทัดเส้นทาง .... อุตส่าห์ตะเกียกตะกายแทบตาย แต่กลับมายืนที่จุดเดิม ที่จริงแล้วการเที่ยวชม Naruko Gorge นั้นส่วนมากจะเที่ยวจากการชมที่สูงก่อนแล้วค่อยลงมาเที่ยวที่หุบเขาด้านล่าง  ก็คือเที่ยวจากป้ายรถที่ 4 แล้วเดินย้อนมาป้ายที่ 3 แต่ผมดันลงรถป้ายที่ 3  ก็เลยต้องเที่ยวย้อนศรคือเที่ยวจากหุบเขาด้านล่างแล้วเดินขึ้นเขาไปด้านบน....  แต่พอผ่านมาได้ ก็รู้สึกว่าชนะอุปสรรคได้อีกวันแล้ว .. แต่อีกนั่นแหละ..... ผมก็ได้บทเรียนมาฝากไว้เป็นประสบการณ์ให้คุณผู้อ่านไงละครับ  คุ้มสุดคุ้มเลยทีเดียว ผมเดินต่อไปยังป้ายรถที่ 4 ซึ่งด้านขวามือของผมเป็นถนนที่เต็มไปด้วยสารพัดรถ ทั้งรถส่วนตัวและรถบัส ส่วนทางเดินริมถนนตรงหน้าผมก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวซึ่งเดินไปได้ช้ามาก ผมคิดว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน  ผมลองชะโงกไปไกลๆ ว่าทำไมคนถึงเดินไปไม่ได้ ก็เห็นว่ามีสะพานปูนอยู่แห่งหนึ่งมีคนยืนเต็มไปหมด ผมก็เลยเดินออกมาที่ถนนแล้วเดินแซงนักท่องเที่ยวอื่นๆ ไป เพื่ออยากรู้ว่าบนสะพานเขามีอะไรกัน คนถึงมากมายขนาดนี้   เมื่อผมถึงสะพานเท่านั้นแหละครับ...... โลกแห่งความสุขก็กระจายไปทั่วไปหน้าของผม  ..... จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:42:39

ความคิดเห็นที่ 10   ภาพข้างหน้าผมคือ Naruko Gorge ที่ผมตามหาอยู่นั่นเอง Naruko Gorge เป็นโตรกผาขนาดใหญ่ที่มีความลึกถึง 100 เมตร มีความยาวตลอดแนวแม่น้ำ Arao-gawa กว่า  2.5 กิโลเมตร ผมยืนเกาะราวสะพานแล้วมองไปยังกลุ่มใบไม้สีแดง เหลือง เขียว ทอง ที่ต่างเปล่งปรกายสีสันของตนออกมาท่ามกลางอ้อมกอดของภูผา แล้วรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ได้ผ่อนคลายความกังวล  อีกทั้งยังได้บทเรียนที่สอนให้ผมรู้จักการเปลี่ยนธรรมชาติมาเป็นความสุขได้อย่างพอเพียงโดยไม่ต้องไขว่คว้าอะไรมาเพิ่มให้มันเกินความจำเป็น ภาพแห่งความสุขครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:43:39

ความคิดเห็นที่ 11   หลังจากดื่มด่ำกับความงามตรงหน้าแล้ว ... ผมไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว .....ว่าแล้วก็ยกกล้องถ่ายภาพข้างหน้าโดยไม่สนใจว่าจะถ่ายกี่ภาพ .....ตั้งใจว่าจะถ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมถ่ายภาพที่นี่ราวกับเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจแล้วเล่นเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ  ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ก็หายไปตั้งแต่วินาทีแรกที่สายตาผมได้สัมผัสกับ Naruko Gorge และผมก็ได้คำตอบแล้วว่าทำไมผู้คนถึงมาออกันอยู่บนสะพาน .... ทั้งตากล้อง หรือ นักท่องเที่ยวต่างรอเวลาเหมือนการรอ Count Down นับถึง 0 เพื่อฉลองและชมพลุดอกไม้ไฟในเทศกาลปีใหม่ ....... แต่ที่นี่.........พวกเขาและผมด้วย .....รอเวลารถไฟวิ่งออกจากอุโมงค์ครับ จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:44:13

ความคิดเห็นที่ 12   รถไฟนี้เป็นรถไฟสาย LEX Resort Minori (リゾートみのり) เมื่อรถไฟโผล่ขบวนออกมาจากปากอุโมงค์ รอบตัวผมจะมีอยู่สองเสียงเท่านั้น คือเสียงนักท่องเที่ยวต่างอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็น ว้าว.... สุโก้ย.... หรือของผมก็คือ โอโฮ  และอีกเสียงหนึ่งก็คือเสียงลั่นกดชัตเตอร์ที่รัวสนั่นลั่นก้องทั่วหุบเขาราวกับเป็นการแสดงการต้อนรับความสุขที่ได้มาเยือน ณ ที่นี่ และสำหรับผมนั้น ....เพียงสามนาทีที่รถไฟแล่้นผ่านหุบเขาแสนสวยนั้น ก็คือสามนาทีแห่้งการสัมผัสความสุขที่ไม่เคยได้รับจากการถ่ายภาพที่ไหนมาก่อน   ผมดีใจเหลือเกินที่ในทริปนี้ของผมที่มีโอกาสได้ฝึกถ่ายภาพมุมเดียวกับโปสเตอร์การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเพิ่มอีกภาพ และนี่คือของขวัญปีใหม่ 2553 ที่ผมนำมาฝากคุณผู้อ่านครับ ภาพรถไฟสาย  LEX Resort Minori  กำลังวิ่งออกอุโมงค์ที่ Naruko Gorge ผมลา Naruko Gorge ด้วยความอิ่มเอมใจ และเมื่อรถบัสมาส่งผมที่สถานี JR Naruko Onsen ก็ไม่ลืมที่จะลองใช้บริการออนเซ็นแช่เท้า ก่อนขึ้นรถไฟกลับ Sendai ผมจะกลับมาเพื่อสัมผัสความอบอุ่นในมิตรภาพที่นี่อีกสักครั้ง ..... Naruko Onsen พบกันใหม่ตอนหน้าที่เมือง Sendai & อ่าว Matsushima ครับ *********************************************** การเดินทางไป Naruko Gorge : ให้นั่งรถไฟสาย Shinkansen ลงสถานี JR Furukawa  ต่อรถไฟท้องถิ่นสาย JR Rikuu-tou Line ลงที่สถานี JR Narukoonsen  จากนั้นนั่งรถบัสประมาณ 15 นาที เพื่อลงที่ป้าย Naruko Tourist Information Center จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 23:45:03

ความคิดเห็นที่ 13   ตะลึงอีกเช่นเคยค่ะสำหรับภาพชุดนี้ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:05:24

ความคิดเห็นที่ 14   สวยมากๆ เลยค่ะ ^_^ จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 01:44:40

ความคิดเห็นที่ 15   สวยงามมากเลยค่ะ ทำให้อยากไปสัมผัสของจริงด้วยตาตัวเองมากมาย จากคุณ : mamminnie (mamminnie) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 16:26:41