Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า ตอน เตียงข้างตัว  

สามารถติดตามอ่านเรื่องเล่าสยองของข้าพเจ้า
และนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ blog ของมูนนี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever

ตอน เจ้าที่หัวดื้อ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8595226/W8595226.html
ตอน จะสั่นทำไม
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8621519/W8621519.html
ตอน หัวผีที่ฮ่องกง
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8642575/W8642575.html
ตอน ผีไหม้ในโรงแรม
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8669989/W8669989.html
ตอน วิญญาณมาทดสอบ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8697922/W8697922.html

เรื่องที่ 48

เตียงข้างตัว

ความจริงแล้วครั้งนี้ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องผีในหอพักที่น้องนกเคยประสบมาในสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่เมื่อคืนนี้ได้ดูภาพยนต์ชุดของต่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานของแพทย์วินิจฉัยเลยทำให้นึกถึงเรื่องระทึกขวัญในสมัยเรียนขึ้นมาได้

ตอนเราเป็นเด็ก คงได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าสยองในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยกันมาบ้าง บางคนอาจตั้งกลุ่มพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า พี่เองก็เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น ผลที่ได้รับคือการเจ็บตัว

เรื่องแรกเกิดขึ้นสมัยเป็นนักเรียนประถม โรงเรียนของพี่เป็นโรงเรียนสตรีชื่อดังแถวย่านพหลโยธิน ตอนนี้พี่ไม่รู้ว่าที่นั่นพัฒนาไปถึงขั้นไหน แต่ในสมัยราวสามสิบกว่าปีก่อนโรงเรียนแห่งนี้จะมีทั้งนักเรียนประจำและไปกลับ อาคารเรียนจะมีทั้งแบบสร้างด้วยไม้และเป็นตึก ที่สูงเด่นเป็นสง่ามากที่สุดก็คือตึก 5 ชั้น เป็นตึกสูงที่สุดในเวลานั้นเลยก็ว่าได้

ด้วยความที่เป็นทั้งโรงเรียนเก่าแก่และมีนักเรียนประจำ หอนอนจึงอยู่บนชั้นที่สามของอาคารเรียนเก่าหลังหนึ่งซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังห้องประชุม เจ้าหอนอนนี่แหละคือต้นเหตุของข่าวลือเรื่องผีผู้หญิงในชุดนอนสีขาวที่ชอบออกมาเดินเล่นกลางดึก บางครั้งเจ้าหล่อนยังลอยละล่องไปยืนชมวิวบนดาดฟ้าของห้องประชุม

นอกจากเรื่องผีในหอนอนแล้ว ยังมีผีในห้องส้วม ซึ่งลือกันว่าเป็นเด็กที่ตายเพราะหัวใจวายแล้วเอาหน้าทิ่มลงไปในอ่างน้ำ ว่ากันว่าถ้ามีคนไปใช้ห้องนั้นในเวลาเย็น เด็กคนนั้นจะโผล่พรวดขึ้นมาจากอ่างแล้วร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เล่นเอากลัวกันจนขนาดไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำคนเดียวเลยล่ะ

กลับมาที่หอนอน เรื่องผีบนหอนอนเริ่มพูดกันหนาหูขึ้น มีเด็กหลายคนจัดกลุ่มขึ้นไปพิสูจน์ซึ่งก็เจอบ้าง ไม่เจอบ้าง บางกลุ่มวิ่งตับแล่บลงมาทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นอะไร โดนครูทำโทษก็ไม่เข็ด แหม ก็มันเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กอย่างเรานี่นา หลังจากกลุ่มสุดท้ายโดนทำโทษ ขบวนการนักสืบผีก็ซากันไปพักใหญ่ แต่ข่าวลือก็ยังไม่ยุติ ในที่สุดเพื่อนๆในห้องของพี่ก็รวมกลุ่มกันประมาณสิบคนได้ นัดเจอกันตอนเที่ยงที่ตึกเรียนนั่นแหละค่ะ พอมากันครบหัวโจกก็นำกลุ่มขึ้นไปด้านบน ทั้งหมดผ่านชั้นสองไปอย่างไม่ยากนักแต่พอเริ่มเดินขึ้นบันไดชั้นที่สาม หลายคนก็เริ่มลังเล ตัวพี่อยู่ตรงกลางของกลุ่มก็เดินตามเพื่อนไปเรื่อยๆ อารมณ์ตอนนั้นกลัวทั้งครูและผี ตาก็คอยมองไปยังด้านล่างว่าจะโดนจับได้ไหม ตอนที่กำลังพะวักพะวนอยู่นั่นเอง ใครไม่รู้ก็ตะโกนขึ้นมาว่า

เฮ้ย ผีมาแล้ว

เท่านั้นแหละค่ะ พวกที่อยู่ด้านหน้าก็วิ่งกรูกันลงมา คนด้านหลังยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนชนจนเซไปกระแทกกำแพงบ้าง คนไหนไหวทันก็วิ่งตามเพื่อน แต่ตัวพี่ซึ่งอยู่ตรงกลางพอดีโดนหนักที่สุดเพราะเพื่อนวิ่งชนแบบเต็มเหนี่ยวเล่นเอากลิ้งตกลงมานอนแอ้งแม้ง ดีที่หัวไม่กระแทก พอลุกขึ้นได้ก็โกยอ้าวตามเพื่อนไป

วันนั้นพวกพี่โดนคุณครูหวดกันคนละสามป้าบแถมโดนสั่งให้ทำความสะอาดห้องหนึ่งอาทิตย์ฐานเล่นซนไม่เข้าเรื่อง ยังดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมากนอกจากฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนข่าวลือก็ยังคงเป็นข่าวลือต่อไป

เพราะมันเป็นสิ่งคลาสสิคที่คู่กับโรงเรียน

จบเรื่องตื่นเต้นในวัยเด็ก เร่งนาฬิกาให้เร็วขึ้นอีกนิดมาหยุดที่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย อย่างที่เคยเล่าไว้ก่อนหน้านี้คือพี่เรียนอยู่ต่างจังหวัดและต้องพักในหอ ความที่อยู่ห่างไกลครอบครัว เด็กหออย่างเราจึงต้องดูแลเอาใจใส่ตัวเอง

แต่ถึงจะดูแลตัวเองดีแค่ไหนความเจ็บป่วยมันก็ต้องหาทางมาเยี่ยมเยียนเราจนได้ และโรคยอดนิยมของเด็กมหาวิทยาลัยก็คือ โรคกระเพาะ

พี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น อาการจะกำเริบในช่วงก่อนสอบหรือต้องทำรายงาน แรกๆก็ทานยาเคลือบกระเพาะซึ่งพอประทังไปได้ แต่พอนานวันอาการปวดมันเริ่มรุนแรงขึ้น มันเหมือนมีใครกำลังดึงกระเพาะเราเล่นอย่างเมามันจนบางครั้งพี่ถึงกับนอนตัวงอ เพื่อนๆก็บอกให้ไปหาหมอแต่เพราะอาการมันมาแบบเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายพี่เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก กินยาไปแบบนี้แหละ อีกอย่างไม่อยากไปโรงพยาบาลด้วยล่ะ ก็มันน่ากลัวนี่นา ลองนึกภาพโรงพยาบาลประจำจังหวัดเมื่อสามสิบปีก่อนดู ตึกเก่าๆบรรยากาศอึมครึม คนป่วยที่ยอมไปหาหมอคือพวกอาการเพียบหนัก ลิฟท์ที่ขึ้นลงแต่ละทีสั่นเหมือนเจ้าเข้า แถมต้องนั่งรถไปตั้งไกล

นอนทนเจ็บมันไปแบบนี้ดีกว่า

แต่ความอดทนมันก็มีจุดสิ้นสุด เพราะคืนหนึ่งหลังจากที่ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วอาการของพี่ก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง แรกๆก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากลุกขึ้นมาซัดยาไปสองเม็ดแล้วนอนต่อแต่มันไม่หายเหมือนทุกครั้ง ความปวดมันรุนแรงมากขึ้นจนพี่ต้องนอนงอตัว เหงื่อออกที่มือจนชุ่ม ไอ้ที่เคยรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงกระเพาะกลายเป็นบิดแล้วกระชาก ตอนนั้นใจมันคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ที่สุด ถ้าเราเป็นอะไรไปตอนนี้ท่านจะรู้ไหม ใครจะไปบอก สารพัดจะคิดเลยล่ะ พี่ร้องไห้พลางคิดพลางจนเพื่อนร่วมห้องดิ้นเสียงสะอื้นเลยลุกขึ้นมาดู พอเห็นหน้าพี่เขาตกใจมากรีบไปปลุกคนอื่นและหามพี่ไปส่งโรงพยาบาล

โชคดีที่เวลานั้นยังไม่ดึกมาก พอมีรถตุ๊กๆวิ่งอยู่บ้าง รถที่นั่นจะมีสองเส้นทางค่ะคือวิ่งเข้าตลาดกับไปที่แหลมสมิหลาซึ่งจะผ่านหน้าโรงพยาบาล คันที่เพื่อนพี่เรียกเป็นคันที่ต้องวิ่งเข้าตลาดแต่พอคนขับรู้ว่ามีเด็กป่วยเขาก็มีน้ำใจพาไปส่งถึงหน้าโรงพยาบาล ขอบคุณคุณลุงมากๆ

เมื่อไปถึงพี่ถูกจับนอนบนเตียงและเข็นไปที่ห้องฉุกเฉินแต่ยังไม่ได้รับการรักษาเพราะตอนนั้นแพทย์และพยาบาลกำลังวุ่นอยู่กับคนที่ด้รับบาดเจ็บจากรถคว่ำที่มาถึงก่อนหน้าไม่กี่นาที บุรุษพยาบาลเลยเข็นพี่ไปไว้มุมหนึ่งของห้องข้างเตียงผู้ป่วยอีกคน ส่วนเพื่อนต้องไปนั่งจับกลุ่มรอกันอยู่ด้านนอก ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก มองไปทางไหนก็ดูมัวๆมึนๆไปหมด ปวดท้องก็ปวด แถมเสียงร้องครวญครางของคนเจ็บก็เสียดแทงเข้าไปในความรู้สึกตลอดเวลาจนเราอยากจะแหกปากตะโกนตามบ้าง ตอนที่กำลังจะสติหลุดอยู่นั้นก็มีเสียงถามมาจากเตียงที่ตั้งชิดกำแพงด้วยสำเนียงท้องถิ่นว่า

เป็นอะไรเหรอ

พี่ตอบไปว่าปวดท้องแล้วหันไปมองหน้าคนพูด ถึงตอนนั้นจะเห็นไม่ชัดนักแต่พอดูออกว่าแกเป็นผู้ใหญ่อายุราว 40 ปี หน้าผอมซีดเซียว พอจะพูดต่ออาการปวดกระชากก็กลับมาอีก ตอนนั้นพี่คิดว่าเราคงตายแน่ แต่แกกลับยิ้มให้แล้วบอกว่า

ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย

พี่อยากจะถามว่ารู้ได้ยังไงแต่บุรุษพยาบาลเข้ามาเข็นเตียงพี่ไปจากแกเสียก่อน จากนั้นแพทย์เวรก็เข้ามาดูอาการแล้วฉีดยาให้หนึ่งเข็ม นอนพักดูอาการราวหนึ่งชั่วโมงจึงอนุญาตให้กลับบ้าน ตอนที่บุรุษพยาบาลเข็นเตียงออกจากห้องฉุกเฉินพี่หันไปทางคุณลุงคนนั้นด้วยความเป็นห่วงเพราะแปลกใจที่ทำไมไม่มีใครไปดูแกเลย พี่หลุดปากถามคนเข็นเตียงออกไปว่าลุงคนนั้นเป็นอะไร ทำไมเข็นเตียงแกไปแอบไว้แบบนั้น บุรุษพยาบาลหันหน้าไปมองพร้อมกับตอบว่า

อ๋อ แกตายแล้วน่ะ หัวใจวายตายในห้องนั้นแหละ

พี่ตัวเย็นวาบเลยค่ะ งั้นที่คุยกับเราเมื่อกี้นี้ก็ไม่ใช่คนน่ะสิ คิดแบบนี้เท่านั้นไม่รู้เรี่ยวแรงมาจากไหน พี่โดดลงจากเตียงไปหาเพื่อนแล้วรีบชวนกลับหอทันที ถึงในใจจะนึกขอบคุณความห่วงใยของคุณลุงที่มีต่อเรา

แต่ไม่ต้องตามไปส่งถึงหอนะคะ หนูกลัว

*/*/*/*/*

สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกท่าน ไม่ได้เจอกันเกือบสองอาทิตย์เป็นยังไงกันบ้างคะ วันนี้เรื่องเล่าของมูนนี่ไม่ค่อยน่ากลัวนักเพราะเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงมึน คิดว่าเป็นการประเดิมเรื่องแรกของปีในแบบ เรียกน้ำย่อย ก็แล้วกันนะคะ

ส่วนนิยายเรื่องอื่นมูนนี่จะทะยอยนำมาลงให้จนครบค่ะ

คิดถึงผู้อ่านทุกท่านนะคะ ^_____^

รับต้นปีด้วยดอกไม้สวยๆดีกว่า

 
 

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:57:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com