ทักทาย : ขอบคุณ คุณเจียวต้าย และ คุณพีทคุง ที่ชอบนิทานของข้าพเจ้า
มีคนอ่านแล้ว ดีใจจัง
มาต่อนิทานอีก 4 เรื่องเลยดีกว่า....เริ่มเลย ณ บัด now
นิทานเรื่องที่ 4 : เจ้าชายที่หายไป
แหล่งที่มา : หนังสือนิทานสำหรับเด็กที่แม่ของข้าพเจ้าเอามาให้อ่านตอนอายุสัก 7-8 ขวบ ในบรรดานิทานเล่านั้น ข้าพเจ้าชอบเรื่องนี้ทีสุด
กาลครั้งหนึ่ง ภายในเรือลำใหญ่ที่กำลังจะจมลงเพราะพายุอันโหดร้ายกลางทะเลใหญ่ พระราชินีที่เพิ่งกลับจากอาณาจักรของพระองค์หลังจากประสูติพระโอรส ทรงกอดพระโอรสแนบพระอุระ ทรงตระหนักแล้วว่าพระองค์คงจะจมไปพร้อมเรือในไม่ช้า แต่กระนั้นทรงมีพระประสงค์จะให้พระโอรสมีชีวิตสืบไป ทรงประคองพระโอรสลงในหีบใบใหญ่ที่มีตราของราชวงศ์ พระราชินีผู้มีน้ำพระทัยอันกรุณา ทรงให้นางข้าหลวงนำบุตรที่เพิ่งคลอดของนางใส่ลงในหีบใบเดียวกันกับพระโอรส หีบใบใหญ่ถูกลอยไปกลางทะเลท่ามกลางพายุอันบ้าคลั่งก่อนที่เรือพระที่นั่งจะจมลงไม่นานนัก
เวลาผ่านไป 17 ปี พระราชาทรงสืบทราบว่ามีชาวประมงเก็บหีบใบใหญ่ที่มีตราของราชวงศ์ได้และเลี้ยงดูพระโอรสของพระองค์ไว้ เมื่อมหาดเล็กเดินทางไปหาครอบครัวชาวประมง เขาพบเด็กหนุ่มสองคน อายุพอๆกัน หน้าตาหล่อเหลาทั้งคู่ แล้วเด็กคนใดเล่าคือพระโอรสของพระราชา มหาดเล็กตัดสินใจพาเด็กหนุ่มทั้งสองเข้าวัง ไม่มีใครสักคนแม้แต่พระราชาที่จะตัดสินใจได้ว่าใครคือผู้ที่จะครองแผ่นดินในอนาคตเพราะทั้งสีผมสีตาและเค้าหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองดูคล้ายคลึงกัน
ร้อนถึงท่านอัครมหาเสนาบดีต้องตัดสิน ท่านเป็นชายชราท่าทางภูมิฐาน ท่านเดินอมยิ้มน้อยๆมายังเด็กหนุ่มทั้งสองพร้อมมอบผ้าคลุมขนสัตว์สีแดงสดใสให้แก่เด็กหนุ่มคนละตัว ท่านเสนาบดีบอกแก่เด็กหนุ่มว่า ผ้าคลุมนี้ทอจากขนสัตว์ชั้นเลิศ ราคาค่าควรเมือง พวกท่านต้องสวมผ้าคลุมนี้ติดตัวทุกวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก เป็นเวลาสามเดือน จงใช้ความระมัดระวังอย่าให้ผ้าคลุมนี้เปรอะเปื้อนแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มทั้งสองรับผ้าคลุมจากท่านเสนาบดี และกลับไปมาที่พักที่พระราชาจัดไว้ให้ในพระราชวัง
เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มนาม ลีโอ ได้ขี่ม้าไปเที่ยวเล่นนอกวัง เขาพบเด็กหญิงเดินร้องไห้อยู่ เมื่อสอบถามจึงได้ความว่าเด็กน้อยหลงทางกับพ่อ เขาจึงพาเด็กไปส่งที่บ้าน ขากลับพระราชวังตอนเย็น เขาพบว่าน้ำตาของเด็กน้อยทำเสื้อคลุมของเขาเลอะเสียแล้ว วันต่อมาลีโอไปช่วยชายชราเข็นเกวียนที่ติดหล่ม ว้า! เสื้อคลุมเลอะโคลนอีกแล้ว จะซักก็คงแห้งไม้ทันใส่ในวันรุ่งขึ้น เขาจึงสวมเสื้อคลุมที่เริ่มมอมแมมต่อไป
จากวันเป็นเดือนลีโอ ยังคงควบม้าออกจากวังตอนเช้าและกลับมาหลังพระอาทิตย์ตก เมื่อมีคนถามเขาว่าเหตุใด้จึงไม่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในวังเหมือน คาโล เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ลีโอได้แต่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนโดยไม่ตอบอะไร เขายังคงสนุกกับการพบปะผู้คนมีน้ำใจช่วยเหลือใครต่อใคร จนพรุ่งนี้จะครบสามเดือนเขาจึงนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้แก่ท่านเสนาบดี เขาทำใจแล้วว่าจะกลับไปหาพ่อแม่ที่หมู่บ้านชาวประมงที่เขารัก
ไหนๆก็ไหนๆวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ในเมืองหลวง ลีโอยังคงควบม้าออกจากวังเหมือนเช่นเคย เขาพบกับเด็กชายที่ชะเง้อมองขึ้นไปบนต้นไม้ เขามองตามและพบกับลูกแมวตัวสั่นร้องอยู่บนยอดไม้ เด็กชายบอกกับลีโอว่า พี่ชายครับช่วยแมวผมด้วย มันขึ้นต้นไม้ไปแล้วลงเองไม่ได้ เขาปีนขึ้นไปช่วยเจ้าลูกแมวจอมซน ขาลงกิ่งไม้เกี่ยวเสื้อคลุมของเขาขาดเป็นทางยาว เด็กหนุ่มเพียงถอนหายใจ เขาคืนเจ้าลูกแมวน้อยให้เด็กชายผู้เป็นเจ้าของพร้อมกับบอกเด็กชายว่า เจ้าดูแลเจ้าเหมียวให้ดี เพราะพี่จะออกจากเมืองในวันพรุ่งนี้ คงไม่ได้อยู่ช่วยเจ้าอีกแล้ว เขาเดินจากเด็กชายที่ยืนนิ่งจนลืมกล่าวคำขอบคุณ
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ท้องพระโรงของพระราชา ลีโอสวมผ้าคลุมที่เก่าและขาดวิ่น เลอะเทอะจนแทบจะจำสีเดิมของมันไม่ได้ เข้าเฝ้าพระราชา เขามองไปยังคาโลจึงพบว่าผ้าคลุมของคาโลยังคงใหม่เอี่ยมดังเช่นวันแรกที่ได้รับเมื่อสามเดือนก่อน เขาเริ่มอาย ผู้คนในท้องพระโรงที่ต่างหัวเราะเยาะเขา ท่านเสนาบดีเดินมาหาเด็กหนุ่มทั้งสองด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม ท่านถามลีโอด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ข้าเตือนท่านแล้วใช่หรือไม่ว่าให้ดูแลผ้าคลุมนี้ให้ดี เหตุใดมันจึงมีสภาพไม่ต่างจากผ้าเช็ดเท้าเช่นนี้ ใยจึงไม่ดูท่าน คาโล เป็นตัวอย่าง เขายังเชื่อฟังคำสั่งข้า
ลีโอเล่าเหตุการณ์ตลอดสามเดือน ให้ท่านเสนาบดีฟังพร้อมกับบอกท่านเสนาบดีอย่างสำนึกผิดว่า ข้าขอโทษที่ทำผ้าคลุมของท่านเสียหาย เมื่อข้ากลับบ้าน ข้าจะพยายามทำงานเก็บเงินส่งมาชดใช้ท่านภายหลัง ข้าให้สัญญา เด็กหนุ่มไม่ทันได้พูดอะไรต่อเพราะเขากำลังตกใจที่ท่านเสนาบดีหมอบลงกับพื้นของท้องพระโรง ก้มลงกราบลงแทบเท้าของเขาพร้อมกล่าวว่า เกล้ากระหม่อมคงไม่บังอาจหรอกพระเจ้าข้า ขอองค์ชายลีโอจงทรงพระเจริญ
ท้องพระโรงเสมือนไร้ผู้คนแม้จะมีคนอยู่เกือบร้อยคน หากมีเข็มสักเล่มหล่นคงได้ยิน ผู้ที่ทำลายความเงียบคือองค์ราชา พระองค์ถามท่านเสนาบดีว่า เหตุใดท่านจึงกล่าวว่าเด็กหนุ่มนี้คือโอรสของเขา ท่านเสนาบดีตอบพระราชาอย่างมั่นใจว่า ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ ขัตติยะนั้นย่อมต้องคำนึงถึงทุกข์สุขของอาณาประชาราษฏรมากกว่าความสุขของพระองค์เอง พะย่ะค่ะ
พระราชาทรงดีพระทัยที่ได้พระโอรสที่พลัดพรากเกือบ 20 ปีคืนมา งานเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นทั้วแว่นแคว้น ด้วยน้ำพระทัยอันงดงามและพระปรีชาสามารถของเจ้าชายลีโอ ในกาลต่อมาทรงเป็นพระราชาที่ผู้คนต่างรักใคร่.....ทั้งแผ่นดิน
Note
ไม่เพียงแต่พระราชาที่ควรคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง คนที่เป็นผู้นำองค์กรเองก็ควรคำนึงถึงทุกข์สุขของพนักงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเดียวกัน คนเพียงคนเดียวไม่อาจทำให้องค์กรใดประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกคน
แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 14:26:57
แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 11:44:25
แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 11:37:40
แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 19:15:57
แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 19:03:55