Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จองจำ vote  

จองจำ

“แกร๊ก..........แอ๊ดดดดดด”

“เชิญครับ คุณลูกค้า”

ชายชราก้าวเท้าเข้ามาในร้านก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับคำเชื้อเชิญจากผู้ที่เขาเข้าใจว่าเป็นเจ้าของร้านซึ่งถึงแม้จะดูหนุ่มอยู่มากเกินกว่าที่จะทำให้ชายชราเข้าใจได้อย่างนั้น แต่จากช่วงเวลาที่ร้านเปิดอยู่นี้ก็ไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้

ชายชราหยุดฝีก้าวมองดูบรรยากาศโดยรวมภายในร้านหน่อยหนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้บริเวณเคาน์เตอร์ด้านตรงข้ามกับที่ชายหนุ่มเจ้าของร้านยืนอยู่

“ร้านนี้แปลกดีนะ”

ชายหนุ่มยิ้มให้กับคำทักทายอันคาดไม่ถึงก่อนจะโต้ตอบราวกับเป็นการหยั่งเชิงคู่สนทนา

“ยังไงครับ”

ชายชราจ้องมองดูใบหน้าและแววตาของชายหนุ่ม เป็นใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มตามแบบฉบับของคนทำมาค้าขาย หากแต่ในแววตาและรอยยิ้มนั้นกลับแฝงอะไรบางอย่างที่ชายชราอ่านไม่ออก

“ประการแรก จากรูปแบบธุรกิจ ร้านนี้เปิดดึกเกินไป ประการที่สองในซอยมืดๆ เล็กๆ แบบนี้ แม้แต่ผมซึ่งมาแถวนี้ประจำก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีร้านแบบนี้อยู่ด้วย”

“และที่สำคัญผมรู้สึกว่าร้านนี้มีบรรยากาศแปลกๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามาแล้ว มัน...”

ชายชราหยุดหน่อยหนึ่งราวกับพยายามหาคำอธิบายถึงความรู้สึกของเขา

“มันไม่น่าสนใจ แต่มันก็...อืมมม”

“มันดูไม่น่าสนใจ แต่ในทางตรงกันข้าม มันกลับดึงดูดคุณให้เข้ามา”

น้ำเสียงและคำพูดอย่างคนรู้ทันเปล่งออกมาจากใบหน้าเป็นมิตรเพื่อสรุปคำพูดและความคิดของชายชรา

“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกนะพ่อหนุ่ม”

“ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ลองเดินดูอะไรสักหน่อยมั้ยครับ เผื่อคุณจะอยากได้ของบางชิ้นติดกลับไป”

“ก็ดีเหมือนกัน ยังไงซะคืนนี้ผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว”

ชายชราลุกจากเก้าอี้และเดินไปตามซอกซอยต่างๆ ของร้านที่ถูกแบ่งโดยชั้นวางของและตู้แสดงสินค้าจำนวนนับไม่ถ้วน ร้านทั้งร้านไม่มีความสวยงามหรือดูโดดเด่นสะดุดตาเลยแม้แต่น้อย แต่ในความคิดของชายชราแล้วก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว

มีของหลายชิ้นที่ตั้งแต่เกิดมานับจนบัดนี้ชายชราไม่เคยเห็นเลยแม้สักครั้งในชีวิต บางชิ้นดูธรรมดาๆ ราวกับจะหาซื้อที่ไหนก็ได้ แต่มันกลับให้ความรู้สึกไม่เหมือนของชิ้นอื่นๆ ภายนอกร้านแห่งนี้

บางชิ้นดูวิจิตรพิศดารและสวยงามเกินกว่าที่ชายชราคิดว่าจะมีใครประดิษฐ์มันออกมาตั้งขายในสถานที่ซึ่งไม่น่าจะมีผู้แวะเวียนมาบ่อยแห่งนี้

หลังจากเดินดูอยู่ครู่ใหญ่ๆ ชายชราก็เดินกลับมายังที่นั่งเดิมซึ่งเขาลุกออกไป

“ได้ของที่ถูกใจมั้ยครับ คุณลูกค้า”

“ไม่ล่ะ”

เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่ชายชราเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าหลังจากตอบกลับ เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในสีหน้าและรอยยิ้มนั้น

...มันดูราวกับเป็นความปีติเหลือล้น แต่ก็ดูน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน...

“ผมไม่รู้ว่าจะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร อีกอย่างผมก็มีของทุกอย่างที่ผมควรจะมีอยู่แล้วซึ่งนั่นก็รวมถึงของทุกอย่างที่คนอื่นอยากจะมีด้วย”

ชายหนุ่มเจ้าของร้านนิ่งเงียบสบตากับคู่สนทนาอย่างเป็นผู้ฟังที่ดีในขณะที่มือกำลังใช้ผ้าทำความสะอาดขวดแก้วใสๆ ซึ่งภายในบรรจุของบางอย่างที่มีประกายสีเทาหม่นเอาไว้

“ทรัพย์สมบัติที่มากมายจนใช้อีกสิบชาติก็ไม่หมดของผมทำให้ผมไม่อยากได้อะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ ผมอยากได้อะไรก็ได้จนผมเบื่อที่จะอยากได้เสียแล้ว”

ชายชราก้มหน้าหน่อยหนึ่งขณะเล่าเรื่อง รอยยิ้มแห้งจางๆ ที่ไม่มีความหมายใดๆ ปรากฏที่มุมปากอันเหี่ยวย่น

“อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะพ่อหนุ่ม ผมว่าร้านนี้ก็ดูเข้าทีดีอยู่หรอก แต่หากอยากจะให้ของที่นี่ขายได้มากกว่านี้ คุณต้องมีการปรับปรุงอะไรบางอย่าง ชั้นวางพวกนี้น่าจะเอาเป็นตู้กระจกที่มีแสงไฟส่องเพื่อแสดงมิติของตัวสินค้า...”

ชายหนุ่มยังคงยืนฟังและทำความสะอาดขวดแก้วต่อไปจนหากใครๆ ได้เห็นก็คงจะคิดว่าเขากำลังเช็ดมันจนเกินความจำเป็น

“แล้วก็นะ ชื่อร้านน่ะ ผมว่ามันออกจะอ่านยากอยู่ เอาเป็นว่าผมคิดว่าผมอ่านไม่ออกเลยก็แล้วกัน คุณควรเปลี่ยนเป็นชื่อที่เรียกได้ง่ายๆ จะได้ติดปากคนที่เข้ามาจับจ่ายที่นี่”

“ขอบคุณนะครับที่กรุณาแนะนำเรื่องต่างๆ ในร้านให้ผม แต่ผมคงจะทำตามที่คุณแนะนำไม่ได้ล่ะครับ เพราะทั้งหมดที่คุณเห็นนี่ ล้วนเป็นความประสงค์ของเจ้าของร้านดั้งเดิม”

“หืมมม คุณไม่ได้เป็นคนทำร้านนี้ขึ้นมาหรอกหรือ พ่อหนุ่ม”

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมรับช่วงต่อจากเจ้าของร้านคนก่อนมาอีกต่อหนึ่ง และจากที่ผมฟังเจ้าของร้านคนก่อนเล่า เขาก็บอกว่ามีผู้รับช่วงต่อร้านนี้มาหลายสมัยแล้วครับ”

ชายชราอดที่จะทึ่งในประวัติของร้านนี้ไม่ได้ เขากวาดตามองรอบร้านอีกครั้งอย่างรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายและความเป็นมาเป็นไปอันยาวนานของร้านแห่งนี้

“ผมสงสัยในอุปกรณ์หลายๆ ชิ้นที่ผมเดินดูเมื่อสักครู่ คุณพอจะบอกได้มั้ยว่าพวกมันเอาไว้ใช้ทำอะไร”

“ต้องขอประทานโทษครับที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะมีเพียงผู้ที่นำมันกลับไปเท่านั้นที่จะทราบถึงวิธีใช้ของมัน”

ยิ่งคุยชายชราก็ยิ่งรู้สึกถึงความแปลกพิลึกของหนุ่มเจ้าของร้าน เขาไม่เคยเรียกร้องให้แขกหยิบสินค้าชิ้นนั้นชิ้นนี้กลับมาที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดเงิน อีกทั้งยังไม่ยอมบอกวิธีใช้หรือแสดงอาการจูงใจใดๆ เลย

“สินค้าเหล่านั้น ทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่มันจะเลือกผู้ที่เหมาะสมกับมันเองครับ”

ชายหนุ่มพูดราวกับรับรู้ถึงความในใจของชายชรา

“ถ้าคุณไม่ได้ยินเสียงหรือมีความรู้สึกใดๆ ต่อสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ นั่นก็แสดงว่าของที่นี่ไม่จำเป็นสำหรับคุณ”

ชายชรายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เวลาบ่งบอกว่าบัดนี้เขาควรจะเดินทางกลับเพื่อไปพักผ่อนได้แล้ว เขายันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งบิดตัวไปมาหน่อยหนึ่ง

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ไหนๆ คุณก็เสียเวลากับผมมานานโขอยู่ ผมจะซื้ออะไรอย่างหนึ่งกลับไปก็แล้วกัน”

รอยยิ้มอย่างมีไมตรีจิตยังคงแสดงอยู่อย่างนั้นราวกับหนุ่มเจ้าของร้านไม่สามารถแสดงสีหน้าอื่นใดได้นอกจากนี้

“ไม่ได้หรอกครับ ด้วยเหตุผลตามที่ผมบอกไปเมื่อสักครู่ ของบนชั้นเหล่านั้นไม่จำเป็นสำหรับคุณ”

ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกหน่อยหนึ่งราวกับจะบอกว่าต่อจากนี้ให้ชายชราฟังและใคร่ครวญให้ดี

“แค่คุยกับคุณเมื่อสักครู่ผมก็รู้ คุณผ่านเรื่องราวต่างๆ มาเยอะ คุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอยากได้แล้วอย่างที่คุณบอก แต่ผมคิดว่ายังมีอย่างอื่นอีกที่คุณอยากได้”

“คุณลองนึกดูดีๆ สิครับว่ายังมีอะไรอีกที่คุณยังปรารถนา ยังมีอะไรอีกที่คุณยังไขว่คว้ามันมาไม่ได้”

ชายชราฟังคำพูดของชายหนุ่ม เขาหยั่งเชิงไม่ออกจริงๆ ว่าคู่สนทนาต้องการอะไรกับคำพูดแบบนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งจะมีความรู้สึกอย่างนี้เป็นครั้งแรก

...ความรู้สึกที่ราวกับตัวของเขากำลังถูกไล่ต้อน หรือไม่ก็กำลังถูกรุกไล่อยู่ ทั้งๆ ที่การสนทนาที่ผ่านๆ มาก็เป็นเพียงคำพูดที่ไม่ได้มีความคุกคามใดๆ เลย...

“สิ่งที่ผมต้องการอย่างนั้นหรือ อืมมม...”

ถึงแม้จะรู้สึกอย่างนั้น แต่ชายชราก็ยังคงคิดหรือพยายามหาคำตอบต่อคำถามที่ชายหนุ่มตั้งไว้

“ผมได้ผมรู้ทุกอย่างที่เป็นสิ่งของที่จับต้องได้มาอยู่ในมือหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นหากผมยังจะต้องการอะไรอีก ผมคงอยากที่จะมีชีวิตอยู่ไปนานๆ เพื่อที่จะศึกษาสิ่งที่เรียกว่าจิตใจหรือความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ล่ะมั้ง”

เป็นอีกครั้งที่ชายชรารู้สึกได้ถึงรอยยิ้มอันชวนขนหัวลุกจากใบหน้ายิ้มแย้มนั้น

“การมีชีวิตเพื่อเฝ้ามองดูอนาคตของมนุษยชาติและของโลกใบนี้ไปอีกนานเท่านานนั่นล่ะคือสิ่งที่ผมอยากจะได้”

สิ้นประโยคสุดท้ายดูเหมือนบรรยากาศภายในร้านจะแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยในความรู้สึกของชายชรา

“คุณพูดจริงใช่มั้ยครับ นั่นเป็นความรู้สึกจริงๆ ของคุณใช่มั้ยครับ คุณลูกค้า”

ชายชราพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจนักในคำตอบที่เขาได้พูดออกไปก่อนหน้านี้

“ถึงจะไม่ทั้งหมดที่ออกมาจากใจจริงของคุณก็เถอะ แต่ผมถือว่านั่นคือข้อตกลงและเป็นพันธะสัญญาของคุณ”

ชายหนุ่มเดินออกจากบริเวณเคาน์เตอร์ หยิบหมวกสภาพคร่ำคร่าที่แขวนไว้มาสวมก่อนจะเดินผ่านชายชราไปท่ามกลางความแปลกใจของคู่สนทนาสูงอายุ

“แกร๊ก”

ชายหนุ่มบิดลูกบิดเปิดประตูก่อนจะหันกลับมายังชายชราที่อยู่ภายในร้าน

“ผมเห็นในสิ่งที่คุณบอกว่าอยากได้เมื่อสักครู่มามากจนเกินพอแล้ว มันมากจนจิตวิญญาณของผมไม่อาจจะทนต่อสิ่งเหล่านั้นได้อีกต่อไป”

“ต่อจากนี้คุณคือผู้รับช่วงคนต่อไป ร้านแห่งนี้และสิ่งของทั้งหมดเป็นของคุณแล้ว คุณจะได้มีเวลาศึกษาอุปกรณ์ทุกชิ้นในนี้รวมถึงทุกสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งที่คุณได้พูดออกมาเมื่อสักครู่และที่คุณไม่ได้พูดออกมา”

“อย่างที่ผมบอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่มันจะเลือกผู้ที่เหมาะสมกับมันเอง และร้านนี้ก็เลือกคุณ”

“หมายความว่ายังไงกันแน่ พ่อหนุ่ม”

“สิ่งที่คุณเห็นมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอกนะโดยเฉพาะสิ่งที่อยู่ที่นี่ อย่างน้อยเรื่องที่ความจริงแล้วผมมีอายุมากกว่าคุณหลายรอบนี่ก็เรื่องนึงล่ะ”

ทันทีที่เขาก้าวข้ามพ้นเขตประตูไป ร่างกายผิวพรรณที่ดูหนุ่มแน่นเมื่อสักครู่ก็เหี่ยวย่นและชราลงอย่างรวดเร็ว หากทว่ารอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าก่อนลมหายใจสุดท้ายของร่างตรงหน้านั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่สดใสและดูผ่อนคลายที่สุดเท่าที่ชายชราได้เห็นจากคู่สนทนา

หลังจากนั้นไม่ว่าชายชราจะพยายามเช่นไรเขาก็ไม่สามารถออกไปจากร้านแห่งนี้ได้ ด้านหลังประตูร้านก็คือร้าน ไม่ว่าเขาจะพยายามหนีออกจากร้านด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาก็จะพบว่าตนเองได้กลับมาอยู่ในร้าน

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ชายชราทำจนในที่สุดเขาก็สั่งให้ตัวเองหยุดทำเรื่องไร้ประโยชน์นี้และยอมรับมัน

.....................................................

“แกร๊ก”

เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ชายชราหลุดออกจากภวังค์ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงกลับมานึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมานมนานจนเขาเองคิดว่าแทบจะลืมไปแล้ว

...กับพันธะสัญญาที่ทำให้เขาไม่สามารถหลุดพ้นได้มาตลอดระยะเวลานานแสนนาน...

หากชายชราจะนับสิ่งที่เขาทำผิดพลาดแล้ว คำพูดที่เปล่งออกไปในวันนั้นคือความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดที่เขาเคยได้ทำมา เขาได้เห็นได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจริง แต่มันกลับเป็นวิธีการเรียนรู้ที่เขาไม่เคยคิดปรารถนาเลยแม้แต่น้อย

บัดนี้ชายชราหวังเพียงจะมีใครเดินผ่านประตูเข้ามารับช่วงร้านนี้และปลดปล่อยเขาไปสู่อิสระทางวิญญาณเท่านั้น

“สนใจของชิ้นนี้หรือครับ ตอนนี้มันเป็นของคุณแล้ว”

จากคุณ : KTHc
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 19:23:55




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com