ความคิดเห็นที่ 1 |
|
หาตอนเก่าไม่เจอซะแล้ว ขออนุญาตลงใหม่นะครับ
ตอนแรก เสพความฝัน
อืมมม...มมม จะว่ายังไงดี...ผมว่างานเขียนของคุณมันขาดอะไรบางอย่างไป...
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะยกมือขึ้นประสานกันพร้อมๆ กับนิ่วหน้าเป็นเชิงครุ่นคิดก่อนจะพูดต่อ
เอาเป็นว่า...คุณกลับไปแก้ไขงานของคุณมาก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยเอามาให้ผมดูใหม่นะ
...กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเข้าไปแล้วที่ถูกปฏิเสธงานแบบนี้...ทำไมไม่ยอมรับงานของเราซะทีเนี่ย...เซ็งโว้ย......ชายหนุ่มยกแก้วน้ำสีอำพันตรงหน้าขึ้นดื่ม สีหน้าแววตาขุ่นเคืองนั้นเหมือนลังเลในการตัดสินใจอะไรบางอย่าง
...จะอดทนต่อ หรือจะถอดใจ...วันนี้อาจต้องตัดสินใจแล้วกับชีวิตที่ตอนนี้ทุนรอนเริ่มร่อยหรอลงจนน่าวิตก
ภาพที่ชายหนุ่มเคยมองเห็นตัวเองกลายเป็นนักเขียนชื่อดัง ในวันนั้นมันดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทุกอย่างโรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่บัดนี้มันช่างดูห่างไกลจนน่าเหนื่อยใจเสียเหลือเกิน
...ใช่แล้ว...มันไม่ใช่เพียงแค่ทุนรอนหรอกที่ร่อยหรอลง แม้แต่กำลังใจของตัวชายหนุ่มเองก็เช่นกัน ตลอดระยะเวลาบนเส้นที่แห่งความฝันที่ผ่านมา มันถูกใช้จ่ายและถูกทำตกหล่นไปตามรายทางอย่างสุรุ่ยสุร่ายจนแทบจะหมดสิ้นแล้ว
แก้วถูกยกขึ้นอีกครั้ง หากแต่ในคราวนี้ชายหนุ่มได้ยินแต่เสียงน้ำแข็งกระทบกับแก้วเท่านั้น ชายหนุ่มมองแก้วที่อยู่ในมือก่อนจะวางแก้วลงที่เคาน์เตอร์อย่างเสียอารมณ์พร้อมกับลุกขึ้นและเดินออกมาจากร้านอย่างเลื่อนลอย
ท้องฟ้ามืดมิดครึ้มไปด้วยเมฆฝนที่ก่อตัวมาตั้งแต่ช่วงเย็น ส่งผลให้บรรยากาศภายนอกร้านในขณะนี้ยิ่งมืดมิดและวังเวงเป็นอย่างยิ่ง บนถนนไม่มีผู้คนหรือแม้แต่รถราแม้เพียงคันเดียว
...กี่โมงกี่ยามกันแล้วนะ...ตีสอง...หรือตีสาม...ช่างเถอะ...ไม่ได้รีบเร่งอะไรอยู่แล้ว...ชายหนุ่มคิดเรื่อยเปื่อยปล่อยให้เท้าทั้งสองทำหน้าที่ของมันอย่างเอื่อยเฉื่อยไปตามบาทวิถี
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินผ่านซอยเล็กๆ อันมืดมิดนั้น สายตาสะดุดเข้ากับแสงสีฟ้าเรืองๆ ที่ฉายรอดออกมา...มันเป็นแสงเรืองๆ ที่ดึงดูดใจอย่างประหลาด...ความมืดและเงียบสงัดทำให้ชายหนุ่มหยุดยืนชั่งใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่ความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งดึงดูดจะเป็นฝ่ายชนะ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปในซอยนั้น
ร้าน... ชายหนุ่มพึมพำพยายามอ่านข้อความจากหลอดไฟสีฟ้าที่ขดกันเป็นตัวหนังสือติดอยู่ที่ประตูไม้เก่าซอมซ่อซึ่งเขาคิดว่าเป็นหน้าร้านอะไรสักอย่าง แต่จนแล้วจนรอดก็อ่านไม่ออก
...ชื่อร้านที่อ่านไม่ออกแบบนี้จะมีคนสนใจได้ยังไงกันนะ...ว่าแต่ว่า คิดยังไงนะถึงมาตั้งร้านในที่แบบนี้ ขนาดเขาเองเดินผ่านที่นี่แทบทุกวันยังไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลย...ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจพร้อมๆ กันพยายามจินตนาการใบหน้าของเจ้าของร้าน
...เข้าไปดูเสียหน่อยก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้วนี่...ประตูถูกผลักออกพร้อมๆ กับก้าวเท้าเข้าไปในร้าน
ภายในร้านนั้นดูเหมือนจะกว้างกว่าที่ชายหนุ่มเห็นจากภายนอกมากนัก ข้าวของส่วนใหญ่อยู่ในสภาพกลางเก่ากลางใหม่ วางอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างกระจายๆ กันไปทั่วทั้งร้าน ถึงแม้จะไม่ถึงกับสะอาดสะอ้านแต่ก็ไม่รกรุงรังอย่างที่จินตนาการไว้แต่อย่างใด
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินดูของที่ชั้นแสดงสินค้าหลังจากกวาดสายตาไปมาอยู่รอบหนึ่งแล้วไม่พบว่ามีใครอยู่ในร้านนี้แม้เพียงผู้เดียว มันเป็นข้าวของที่ออกจะดูแปลกตาในความคิดของเขา หลายๆ ชิ้นดูเหมือนกับเพิ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตและหลายๆ ชิ้นที่เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไร
หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็สะดุดตากับอะไรบางอย่างจนทำให้เขาต้องหยุดยืนดูอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน มันเป็นขวดแก้วใสขนาดพอดีมือที่บรรจุอะไรบางอย่างซึ่งส่องแสงสีเทาหม่นๆ ออกมา ในความรู้สึกไม่ได้บ่งบอกว่าสวยงามแต่อย่างใด แต่แสงนั่นก็ทำให้เกิดแรงดึงดูดอย่างประหลาด
สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ เสียงทุ้มยานๆ ดังมาจากด้านหลังทำเอาชายหนุ่มซึ่งกำลังเพลิดเพลินอยู่กับแสงในขวดแก้วถึงกับสะดุ้ง หันกลับไปมองพบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายแก่ที่มีใบหน้าผอมตอบหากแต่ยิ้มแย้มแสดงความเป็นมิตรเป็นอย่างยิ่ง
คุณ...เอ้อ...
ผมเป็นผู้ดูแลร้านครับ ชายชราตอบคำถามของชายหนุ่มอย่างรู้ทันก่อนที่จะเริ่มทำหน้าที่ของตนเอง
คุณสนใจสินค้าชิ้นนี้อย่างนั้นหรือครับ น้ำเสียงและใบหน้ายิ้มแย้มบ่งบอกถึงทักษะอันยอดเยี่ยมในการทำการค้าของชายชรา
อืมม...มม ก็ไม่เชิง เพียงแต่ผมรู้สึกว่า...
...มันชวนดึงดูด มันน่าหลงใหล...ใช่ไหมครับ เป็นอีกครั้งที่ชายชราพูดขึ้นมาอย่างรู้ทันในความคิด
ใช่...มันชวนดึงดูด ชายหนุ่มพูดตอบแผ่วเบา สายตายังไม่ละออกจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณไม่นำมันกลับไปล่ะครับ ชายชราพูดยิ้มแย้มเช่นเดิม หากแต่น้ำเสียงกลับแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้
เอ่อ...เท่าไหร่ครับ คือผมเกรงว่าหากราคาแพงมากผมคงจะซื้อไม่ไหว ชายหนุ่มสอบถามอย่างชั่งใจ สายตายังคงจ้องอยู่ที่วัตถุนั้น ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นถึงความงดงามของมันจนดูเหมือนกับเขาไม่อยากละสายตาจากมันเลยแม้เพียงชั่วขณะหนึ่ง
คุณถือมันกลับไปได้เลยครับ ชายชราพูดก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
หือ ชายหนุ่มหันกลับมามองชายชราอย่างไม่เชื่อหู เมื่อกี้คุณว่าไงนะครับ
คุณถือมันกลับไปได้เลยครับ ชายชราทวนคำก่อนจะพูดต่อ ที่ร้านนี้คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินทองอะไรหรอกครับ
ชายชราเดินไปทางสินค้าแล้วหยิบมันขึ้นมาส่งให้ชายหนุ่มที่ยังคงยืนงง ที่นี่...สินค้าจะเลือกผู้ที่เหมาะสมและคู่ควรกับมันด้วยตัวเอง และก็ดูเหมือนว่าสินค้าชิ้นนี้จะเลือกคุณ ผมมีหน้าที่แค่คอยบริการเท่านั้น ชายหนุ่มรับขวดแก้วใสมาจากชายชราอย่างกระตือรือล้นราวกลับกลัวว่าชายชราจะเปลี่ยนใจ
ขอให้มีความสุขกับมันนะครับ ชายชราอวยพรตามหลังก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินพ้นประตูของร้าน
ใช่แล้ว...มันเลือกคุณ หากชายหนุ่มหันกลับมาตามเสียงพึมพำในลำคอของชายชรานั้น เขาจะพบกับรอยยิ้มประหลาดอันชวนขนหัวลุกที่อยู่เบื้องหลังของเขาในขณะนี้ เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มล้มตัวลงนอนยังฟูกนุ่มในทันที มือยกสิ่งที่เพิ่งได้มาให้อยู่ในระดับสายตา เพ่งพิศอย่างไม่รู้จักเบื่อ มันเหมือนกับยิ่งมองก็ยิ่งดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ...ไปสู่อีกโลกหนึ่ง...สว่าง...ผ่อนคลาย...ล่องลอย ไร้น้ำหนัก...
...จนในที่สุด...โลกทั้งโลกก็ดับวูบลง...
...............................
อืมม...มมม เอาเป็นว่าทางเราจะซื้องานเขียนเรื่องนี้ของคุณเอาไว้ก็แล้วกันนะ ชายวัยกลางคนผู้กุมชะตาชีวิตบนเส้นทางนักเขียนคนเดิมของชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเรียบเฉยหลังจากได้อ่านงานเขียนของชายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นจนดูเหมือนจะปิดไม่มิดที่แสดงออกมาจากแววตาของเขาได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณครับ คำพูดสั้นๆ หากแต่บอกอาการดีใจอย่างที่สุดของชายหนุ่มดังขึ้นทันทีหลังจากนั้น
เอาเป็นว่า ถ้ามีงานเรื่องอื่นๆ อีก ก็ส่งมาให้ทางเราดูได้ตลอดเวลาเลยนะ ชายวัยกลางคนบอกกับชายหนุ่ม
ครับ ยินดีครับ ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้อง
...ไชโย...ขายงานได้แล้ว...
หลังจากแวะร้านขายเครื่องดื่มและนั่งจิบกาแฟอย่างทอดถอนอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อเช้าที่ผ่านมากับงานเขียนของเขาที่เพิ่งขายออกไปเมื่อสักครู่
หากจะว่าไปแล้ว จะพูดว่าเป็นงานเขียนของเขาเองก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะอันที่จริงแล้วหลังจากที่ตื่นมาเมื่อเช้าเขาก็พบว่างานเขียนชิ้นนั้นวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาเรียบร้อยแล้ว
...สำนวนการเขียนหากดูเผินๆ อาจจะเหมือนกับของเขา...ใช่...หากดูเผินๆ มันใกล้เคียงมาก...หากเป็นคนอื่นต้องคิดแบบนั้น...แต่นี่เป็นเขาเอง...เขาย่อมรู้ว่างานเขียนชิ้นนั้นไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน...แต่กระนั้นหลังจากที่ได้อ่านงานชิ้นนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจนำมันมาขายในที่สุด
...ช่างเถอะ...ถึงยังไงมันก็อยู่ในบ้านของเรา...ถึงยังไงมันก็ขายได้...ชายหนุ่มคิดอย่างอารมณ์ดีและพยายามจะปัดความรู้สึกอื่นๆ ออกไปจากสมอง
ค่ำคืนนั้นชายหนุ่มแวะจิบเครื่องดื่มที่ร้านประจำร้านเดิมและคิดจะแวะไปยังร้านที่อ่านชื่อไม่ออกนั้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ชายหนุ่มกลับพบแต่ความว่างเปล่าที่สุดซอยตันนั้น
...............................
จากคุณ |
:
KTH (KTHc)
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ม.ค. 53 19:34:05
|
|
|
|