 |
ความคิดเห็นที่ 15 |
สวัสดีครับคุณ..ย.ยิ้มแย้ม ไม่ได้คุยกันนาน...สบายดีนะครับ
ครูของฉัน ฉันรัก เป็นนักหนา ครูใส่ กระโปรงสั้น มันติดตา
สองบาทที่เขียนมา...ตรงกับชีวิตจริงครับ...จำได้ว่าตอนมัธยมต้น กำลังวัยรุ่น...ครูสาวก็เพิ่งจบมาอายุคง..22-23..มานุ่งสั้นแถมรัดรูปอีก... ไม่มีสมาธิเรียนเลยล่ะครับ......5555
๐ ปลายทาง......๐
๐ เมื่อตะวันลอยดวง..เผยช่วงแสง โลกทั้งแหล่งก็เริ่มต้นหมุนวนใหม่ เสียง-หัวร่อ, เว้าวอน, ทอดถอนใจ ระงมให้ยิน-เห็นไม่เว้นวาย
๐ โสตที่คอยพะเน้าพะนอเสียง ฤๅอาจเบี่ยงบ่ายรุดสู่จุดหมาย ตาหลังสบรูปชอบ..คอยลอบชาย ย่อมปัดป่ายใจอยู่ไม่รู้แล้ว
๐ พร่ำพลอดด้วยโอภาสพิลาสพิไล เพราะหวั่นไหวระยิบช่วงแห่งดวงแก้ว มอง-สับสน, เร้ารุก-ไปทุกแนว หากวี่แววอำไพ..กลับไร้ร้าง
๐ ก้าวย่ำลง-ย้ำรอย, อย่างหงอยเงื่อง เห็น-เชื่อเชื่องผ่านไป..จนไกลห่าง ตะวันเผา..ทุกข์เข็ญทุกเส้นทาง ก้าวยังย่างย่ำอยู่-ไม่รู้ร้อน
๐ ฉงน-อยู่ว่าแดดนั้นแผดเผา ไฉน-เฝ้ารับอยู่ไม่รู้ผ่อน ยังขวนขวาย, ใฝ่หา, ยังอาวรณ์ เส้นทางจรคลาคล่ำ-เสียงย่ำเท้า
๐ เมื่อตะวันเลื่อนดวง..กลางช่วงวัน เสียงทอดถอนใจนั้น..ยิ่งสั่นกระเส่า ไม่มีร่มบังแสงช่วยแบ่งเบา แดดแผดร้อนรุมเร้า..ยิ่งเผาซ้ำ
๐ จึงบ้างค่อยทรุดกายหอบหายใจ แววตาใต้ไอแสงก็แดงก่ำ ความมุ่งมั่นจับจองเคยส่องนำ เริ่มหมองมัวแอบอำ..อย่างจำนน
๐ ค่อยค่อยช้อนตามอง..ครรลองล่วง ทุกทุกช่วงลำดับ..หรือสับสน? หลับตาพลอยพิศวง..จำนงตน เที่ยววกวนลุ่มหลง-งุนงงนัก
๐ ที่ไหนกัน..จุดปลายความหมายมุ่ง แต่สางรุ่ง-เที่ยง-เย็นยังเข็ญหนัก ก้าวตามเส้นทางจรไม่ผ่อนพัก ยังไม่อาจรู้จัก..แม้สักครั้ง
๐ มีหรือ..มรคาที่ว่าไว้ เห็นอยู่เพียงเหงื่อไคล..ที่ไหลหลั่ง และแววตาปรากฎเงาบดบัง ที่ค่อยเลือนลบหวัง..เคยฝังใจ
๐ เมื่อตะวันคล้อยดวง..พ้นช่วงฟ้า ปรารถนามุ่งมั่นก็สั่นไหว เห็นแต่มืดเวิ้งว้างทุกทางไป ฟ้าสีทองอำไพ..ที่ไหนมี . .
จากคุณ |
:
สดายุ...
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ม.ค. 53 08:09:08
|
|
|
|
 |