Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
--------Sweet Intoxication----------[เรื่องสั้น]  

ลองเอาเรื่องสั้นมาให้อ่านกัน
มีอะไรแนะนำ เชิญได้เลยนะคะ

ขอบคุณค้า^^






                                                                                           Sweet Intoxication

          “ได้ค่ะ เดี๋ยวหวานจะแก้ให้ตามนี้เลยค่ะ สวัสดีค่ะ”
          ...นี่เป็นครั้งที่ร้อยแล้วนะยะ กับการมานั่งแก้งานตามใจไอ้ลูกค้าหน้าเลือดคนนี้ มีอย่างที่ไหน สีตัวหนังสือบนหน้าเว็บเล่นเปลี่ยนมันวันละสี โลโก้เปลี่ยนอาทิตย์ละครั้ง แถมยังเปลี่ยนธีมกลับไปกลับมาจนแทบจำหน้าเพจเดิมไม่ได้ ชั้นเป็นเว็บดีไซเนอร์นะยะ ไม่ใช่กระโถนสั่งเอาอย่างกับคนใช้ มันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ไอ้บ๊วยเค็ม!...

           แต่จนแล้วจนรอดอีกสามวันให้หลังร่างบางๆของเว็บดีไซเนอร์สาวที่สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนสีขาวกับกางเกงยีนส์ดูทะมัดทะแมงก็เข้ามานั่งคอยใครบางคนอยู่ในห้องทำงานส่วนของเจ้าของห้องที่ยังติดประชุมอยู่ตั้งแต่เช้า
           “เอ่อ...น้องหวานต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ เดี๋ยวพี่ไปจัดมาให้” เสียงผู้หญิงในชุดสูทกระโปรงดังขึ้นตรงประตูหน้าห้อง เรียกสติของคนที่เผลอนอนหลับอยู่บนโซฟายาวให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาทำตาแป๋ว
           “อะ อ๋อ พี่รีเหรอคะ ไม่เป็นไรคะ หวานเรียบร้อยมาจากคอนโดแล้วค่ะ เชิญพี่รีตามสบายเถอะค่ะ” พลางยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวให้กับเลขาสาวที่ยืนจ้องอยู่หน้าประตู เมื่อแขกไม่ต้องการอะไรเพิ่มหน้าที่ผู้ดูแลอย่างเธอก็คงจะหมดลง สุรีรัตน์อดยิ้มขำๆไม่ได้ เมื่อเห็นหน้าหมดจดของสาวน้อยคนนี้บ่อยๆในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอถือว่าสาวน้อยน่ารักคนนี้ช่างมีความอดทนที่สูงมากเมื่อเทียบกับรายก่อนๆ เพราะแค่เจอเจ้านายหน้ายักษ์ของเธอไปไม่กี่ครั้ง พวกนั้นก็เผ่นแนบทิ้งงานเอาไว้เฉย จนกระทั่งได้แม่หนูคนนี้เข้ามาสานต่อ เว็บไซด์เปิดตัวบริษัทร่วมทุนของเจ้านายหน้ายักษ์จึงใกล้จะเป็นผลสัมฤทธิ์เต็มแก่
            “ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่กวนแล้วนะคะ เชิญน้องหวานตามสบายค่ะ” ขยิบตาให้กับสาวน้อยเป็นเชิงรู้กัน เพราะดูแล้วเมื่อคืนชาลิษาคงจะไม่ได้นอนซักเท่าไหร่ แถมอีกตั้งชั่วโมงกว่าเจ้านายของเธอจะประชุมเสร็จ ปล่อยให้แม่สาวหัวยุ่งหลับตาเอาแรงอีกซักหน่อยคงจะไม่เป็นไร
            “ไอ้บ๊วยเน่าเอ๊ย! นี่เห็นชั้นเป็นอะไรเนี่ย คิดจะนัดมาคุยงานก็ไม่เคลียร์งานของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ปล่อยให้คนอื่นเค้ามานั่งรอ เสียมารยาทจริงๆเลย” คนตัวเล็กบ่นเป็นหมีกินผึ้งเมื่อนึกถึงเสียงทุ้มๆของเจ้าของห้องที่โทรไปปลุกเธอเมื่อวานได้
“สวัสดีครับคุณชาลิษา พรุ่งนี้ที่เรานัดคุยงานกันตอนบ่ายผมขอเลื่อนมาเป็นตอนเช้าก็แล้วกัน พอดีช่วงบ่ายผมมีประชุม คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่คุณจะตื่นมาพบผมนะครับ” น้ำเสียงที่ดูเหมือนเยาะๆของคนพูด เล่นเอาคนฟังที่กำลังงัวเงียอยู่หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง พลางมองนาฬิกาที่ตีเวลาสิบเอ็ดโมงเช้าแล้วก็นึกโมโห
           ...โทรมาปลุก แล้วยังมากวนอีกนะ พ่อคนไร้มารยาท...
           “มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงหวานหรอกค่ะ คุณอชิตะ คุณตื่นได้หวานก็ตื่นได้ และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกันนะคะ” หญิงสาวพูดแกมประชด
           “อันนี้ผมตอบไม่ได้หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับผลงานของคุณว่ามันทำให้ผมพอใจได้รึเปล่า เพราะถ้าผมไม่พอใจ วันพรุ่งนี้ก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน” พูดเสร็จก็วางหู ปล่อยให้คนฟังฟุบหน้าลงกับหมอนแล้วปล่อยกรี๊ดออกมาดังๆอย่างกลั้นไม่อยู่
           ...พอกันที กับความอดทนของชั้น ถ้าวันพรุ่งนี้นายไม่ชอบก็เตรียมหาคนใหม่ได้เลย!...
            เสียงปิดประตูเบาๆ ไม่มีผลต่อโสตประสาทของคนที่เผลอเอนตัวหลับอยู่บนโซฟาแต่อย่างใด ขายาวๆของเจ้าของห้องก้าวเข้ามาอย่างเงียบกริบ ตรงไปหาร่างเล็กๆของหญิงสาวที่ยึดห้องทำงานเขาเป็นห้องนอนส่วนตัว
เขาไม่ได้ตั้งใจแกล้งแม่สาวแก้มใสคนนี้แต่อย่างใด แต่ที่ต้องเลื่อนประชุมด่วนก็เพราะผู้ถือหุ้นรายหนึ่งต้องรีบบินไปผ่าตัดที่ต่างประเทศบ่ายนี้ การประชุมผู้ถือหุ้นจึงต้องเลื่อนเวลาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ และกว่าจะประชุมกันเสร็จก็ลากยาวมาจนถึงบ่ายโมงกว่าๆ จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าแม่สาวปากเก่งจะหนีกลับไปซะก่อน แต่เมื่อมาเห็นสภาพสิ้นฤทธิ์ของเธอตอนนี้ก็อดยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้
           ...ไม่เสียแรงที่เร่งการประชุมให้เร็วขึ้น...
           อชิตะค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งตรงโซฟาข้างๆพร้อมใช้สายตาคมกริบจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ก่อนจะไล่สายตานั้นลงมาตั้งแต่เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนดูนุ่มนวล ที่เจ้าของรวบมันไว้เป็นหางม้าอย่างลวกๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยที่เคยเห็นจนชินตาบัดนี้มันถูกบดบังด้วยเปลือกตาที่ปิดอยู่พร้อมกับขนตายาวเป็นแพที่ทาบทับไปบนพวงแก้มใส เมื่อชายหนุ่มไล่สายตามาหยุดตรงจมูกรั้นๆของเธอก็อดยิ้มน้อยๆออกมาไม่ได้ ...มันช่างเข้ากับตัวจริงๆ รั้นทั้งจมูก รั้นทั้งนิสัย... แต่แล้วสายตาของเขาก็หยุดกึ่กเมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเอง
           ...นี่เรามาทำบ้าอะไรอยู่นะ อย่างกับพวกโรคจิต...
เมื่อคิดได้ดังนี้ร่างสูงก็ดันตัวขึ้นเป็นยืนตรง ปรับสีหน้าให้เรียบเฉยพร้อมกับกระแอมออกมาเสียงดัง
          “คุณชาลิษาครับ นี่มันห้องทำงานผม ไม่ใช่ห้องนอนใคร” คนที่กำลังเคลิ้มอยู่ในความฝันสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รีบขยี้ตาไล่ความง่วงงุนออกไปให้หมดเตรียมพร้อมรับมือกับยักษ์ที่ยืนจังก้าอยู่ตอนนี้
          “ขอโทษค่ะ พอดีเมื่อคืนหวานยังไม่ได้นอน ก็เลยเผลอหลับไป เอาเป็นว่าเรามาคุยกันเรื่องงานเลยดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา” หญิงสาวพยายามทำตัวเป็นการเป็นงานเพื่อกลบเกลื่อนความอายที่มันแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ขณะถูกเจ้าของห้องจับได้ว่าแอบใช้โซฟาแพงระยับของเขาเป็นเตียงนอน
           คนฟังแอบยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นใบหน้าใสที่ทำเป็นง่วนหยิบงานออกจากกระเป๋าเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อขึ้นมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกตัวเขาก็ปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย และพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
           “แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะคุยเรื่องงาน” อชิตะพูดหน้าตาเฉย จนชาลิษาหน้าเหวอ ตวัดสายตาขึ้นมามองใบหน้าคร้ามของเจ้าของห้องอย่างมีอารมณ์
           “แล้วคุณพร้อมที่จะคุยเมื่อไหร่ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือว่า ชะ...” หยุดไว้แค่นั้น ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ลงไปกว่านี้ หญิงสาวไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายหน้าตาดีอย่างอชิตะจะไม่มีมนุษยสัมพันธ์เข้าขั้นวิกฤต ไม่รู้พี่รีทนคนอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าเป็นเธอคงขอลาออกตั้งแต่วันแรกที่ทำงานแน่ๆ
           “ไม่พูดต่อเหรอครับคุณชาลิษา” เสียงขุ่นของคนที่เธอแอบนินทาในใจดังขึ้น หญิงสาวมองคนหน้ายักษ์ด้วยแววตาไม่พอใจเป็นที่สุด
           “ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ และถ้าคุณไม่คุยกันเรื่องงานตอนนี้ หวานก็คงจะไม่ทนอีกแล้วค่ะ” พูดพลางเก็บของที่นำขึ้นมาจากกระเป๋าเอาไว้ที่เดิมโดยไม่สนใจหันกลับมามองใบหน้าร้อนรนของคนที่เริ่มกระสับกระส่ายอยู่ตอนนี้
           “ผมหิวข้าว” ในที่สุดพ่อคนหน้านิ่งก็ทนวางเฉยไม่ได้จนต้องแสดงอาการออกมา คนที่กำลังเก็บของอยู่หยุดกึ่ก พร้อมกับหันหน้ามามองใบหน้าคมของคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา
           “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ” ชาลิษาพูดย้ำอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ
           “ผมหิวข้าว” อชิตะพูดเน้นๆ เรียบๆ จนคนฟังแอบอมยิ้ม
           “นึกว่าจะกินไม่เป็นซะแล้ว” หญิงสาวพูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับหนุ่มร่างสูงที่ยืนบังอยู่ตอนนี้
           “หิวแล้วไม่กินข้าวเหรอคะ อิ่มทิพย์รึไง” คำพูดยอกย้อนของคนหน้าหวานแต่นิสัยกลับไม่หวานดังขึ้น เรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผุดพรายขึ้นมา
           “ผมไม่มีเพื่อนกิน ผมรู้ว่าคุณก็ยังไม่ได้กินอะไร” พลางจ้องไปยังใบหน้าสวย จนคนถูกจ้องรู้สึกร้อนๆหนาวขึ้นมาทันที
           “ก็ได้ๆ หวานไปส่งก็ได้ จะได้รีบๆกิน แล้วกลับมาคุยเรื่องงานซักที” พูดเสร็จก็เดินฮึดฮัดออกไป ปล่อยให้เจ้าของของห้องเดินตามออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม



           “นี่คุณจะบ้าเหรอ มากินข้าวที่นี่เนี่ยนะ!” เสียงแหลมของคนที่นั่งข้างๆดังขึ้นเมื่อพบกับจุดหมายปลายทางตรงหน้า
           “...........” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัยออก ชาลิษาจิกตาไปมองคนเจ้าเล่ห์อย่างเอาเรื่อง ใบหน้าที่เคยเห็นว่าหล่อเหลา ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคม จมูกโด่ง หรือแม้แต่ริมฝีปากหยักน่าจูบ ที่แปรเปลี่ยนเป็นน่าตบในทุกทีที่คุยกัน บัดนี้ไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้ให้ชื่นชมอีกแล้ว เพราะคำว่า ‘โมโห’ มันจุกอยู่ในอกเธอจนหน้ามืดตาลาย
          “จะลงหรือไม่ลง” อชิตะหันมามองท่าทางลุกลี้ลุกลนของตุ๊กตาหน้ารถ พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้สุดฤทธิ์ เมื่อนึกถึงร้านอาหารที่เขาพายัยปากเก่งมา
           ...อยากจะงีบหลับดีนัก คราวหลังจะได้รู้ซักทีว่าอย่ามาเผลอหลับบนรถของผู้ชายโสด...
           “ไม่ลง! คุณต้องพาหวานกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้ อย่ามาตุกติกลีลาไม่งั้นหวานเอาเรื่องจริงๆด้วย” ชาลิษานั่งตัวแข็ง เมื่อรู้ว่าจุดหมายปลายทางที่คนเจ้าเล่ห์พามานั้นไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดา แต่มันกลับอยู่ไกลถึงพัทยา... แม่เจ้า!...มันเป็นความผิดของเธอเองที่เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว จนไม่สามารถคัดค้านอะไรได้เลย
           “งั้นก็ตามใจ คุณนั่งรอผมไปก่อนก็แล้วกัน ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว” พูดเสร็จก็เปิดประตูรถออกไป เดินอ้อมกลับมาทางด้านผู้โดยสารอีกรอบพร้อมกับพูดยั่วยวน
           “แต่ถ้าคุณเปลี่ยนใจคุณก็ตามผมไปก็ได้นะ ผมไม่ว่า” แล้วก็เดินจากไปปล่อยให้คนที่นั่งคอแข็งอยู่บนรถ แทบกรี๊ดออกมาดังๆที่เสียเหลี่ยมให้กับไอ้ผู้ชายหน้าหยกคนนี้
ซักพักคนทิฐิสูงก็ทนความหิวไม่ไหว ค่อยๆย่องออกมาจากรถมองซ้ายมองขวาหาร้านอาหารที่พอจะนั่งได้ แล้วรีบปรี่เดินเข้าไปทันที แต่ก็ต้องชะงักค้างเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆของคนที่เธออยากจะตั๊นหน้าดังขึ้น
           “ผมกำลังจะมาเรียกพอดี ไหนๆก็ออกมาแล้วไปกินพร้อมกันซะเลยสิ” ไม่พูดเปล่ากลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของคนหน้าเชิด พาเดินไปยังร้านอาหารฝั่งตรงข้ามกับที่เธอตั้งเป้าหมายเอาไว้ ชาลิษาตวัดสายตาเขียวปั้ดไปให้คนเอาแต่ใจ พร้อมกับบิดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม หากแต่มือที่คว้าแขนเธอเอาไว้นั้นกลับเพิ่มแรงจับขึ้นไปอีกจนเธอไม่สามารถที่จะสลัดออกได้อย่างใจคิด
           “ปล่อยหวานนะคะคุณอชิตะ!” น้ำเสียงขุ่นบอกความไม่พอใจของเจ้าของ แต่อชิตะกลับไม่สนใจ หันมาอมยิ้มให้กับหญิงสาวที่ทำหน้าบูดบึ้ง
           “ถ้าอยากให้ปล่อยก็ตามผมมาสิครับ แล้วผมจะปล่อย” ชาลิษาจ้องดวงตาคู่คมนั่นพักหนึ่งก่อนจะ ยอมอ่อนข้อให้เพราะรู้สึกแปลกๆกับสายตาของผู้คนรอบๆข้างเต็มแก่
          “งั้นก็ปล่อยสิคะ หวานจะตามคุณไปเอง”



แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 53 16:22:12

จากคุณ : Miss-Anonymous
เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 53 16:21:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com