[ต่อ]
หลังจากที่เดินเป็นเพื่อนเลือกซื้อชุดจนขาลากเพราะคุณเธอเล่นเบ้ปากใส่แทบทุกชุดที่พนักงานร้านเสนอขาย ชุดนั้นโป๊ไป ชุดนี้สั้นไป จนในที่สุดเธอก็ต้องจำยอมซื้อเป็นชุดแส็กสั้นคล้องคอผ้าพลิ้วๆลายดอกไม้มาจนได้ เหตุก็เพราะร้านทั้งร้านมันเป็นแนวชาวเกาะ ไอ้ที่มีอยู่ก็จะเป็นเกาะอกเสียส่วนมาก จึงต้องทำใจเลือกชุดนี้มาด้วยความจำยอม
ถ้างั้นเดี๋ยวคุณหวานไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยแล้วกันครับ เสร็จแล้วจะได้หาอะไรกินกัน พูดเสร็จก็คว้ากุญแจมาเปิดประตูห้องทันที
เดี๋ยวก่อนค่ะคุณบ๊วย! อชิตะชะงักกึ่ก หันมามองคนพูดด้วยความฉงน
มีอะไรเหรอครับ
เอ่อ...คือหวานกลัวตอนที่หวานอาบน้ำแล้วโจรมันจะเข้ามาขโมยของน่ะค่ะ ยังไงหวานรบกวนคุณบ๊วยช่วยเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนหวานตอนหวานอาบน้ำได้มั๊ยคะ? พูดไปด้วยใจระทึก เกิดมาตั้งยี่สิบห้าปียังไม่เคยชวนผู้ชายเข้าห้องมาก่อนในชีวิต แต่ครั้งนี้ขอซักครั้งเถอะ ถ้าให้อยู่คนเดียวชีวิตเธอคงจะลาลับแน่ๆ
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นเชิงตรึกตรองก่อนจะคลายมันออกแล้วยิ้มบางๆให้กับหญิงสาว
ได้สิครับ แต่อย่านานนักนะผมชักหิวแล้วสิ อชิตะพูดเสร็จก็รีบถอนมือออกจากลูกบิดประตู ก้าวตามร่างเล็กๆเข้าไปยังประตูอีกฝั่งที่เปิดรออยู่ก่อนแล้วด้วยความรู้สึกขำๆ
...กลัวคนหรือว่ากลัวผีกันแน่ครับ คนสวย...
ไม่นานนักหลังจากที่ร่างบางๆหายเข้าไปในห้องน้ำ เขาก็เผลอหลับไปบนเตียงนุ่มๆจนกระทั่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่โชยมาแตะที่จมูก อชิตะค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย แต่แล้วก็สายตาก็ถูกสะกดด้วยภาพเบื้องหน้าจนแทบไม่อาจถอนได้
...ผุดผ่องมองยั่วเย้า ไหลหลง
ครวญใคร่หมายโฉมยง หน่อน้อง
เปรียบปรานดั่งนางหงส์ ลงสู่ แดนดิน
งามยิ่งงามแช่มช้อง เพริศพริ้ง พรรณนา...
เสร็จแล้วค่ะคุณบ๊วย เราลงไปหาอะไรทานกันได้รึยังคะ เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นมา เรียกสติของชายหนุ่มให้คืนมากลับมา ก่อนจะลอบถอนหายใจเพื่อปรับอารมณ์แปลกๆที่มันพุ่งขึ้นมาทิ้งไป
ไปสิครับ อชิตะยืดตัวเต็มความสูง พร้อมกับเดินเคียงคนร่างเล็กออกไปสู่ห้องอาหารชั้นล่างทันที
ถึงแม้ใบหน้าสวยจะแต่งแต้มเพียงบางๆ แต่ทว่ากลับสะกดสายตาหลายต่อหลายคู่ให้จ้องมองมาอย่างไม่วางตา เรียวขาเกรดเอก้าวฉับๆไปข้างหน้าอย่างมั่นคง สาวสวยในชุดแส็กคล้องคอแนวชาวเกาะเผยผิวผ่องยังคงไม่รู้สึกรู้สากับสายตาที่จ้องมาเป็นมัน อชิตะรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างไรบอกไม่ถูก หรือว่าเขาจะผิดเองที่เลือกชุดนี้ให้ อันที่จริงเขาน่าจะเลือกชุดคอเต่าสีแดงนั้นให้ท่าจะดี จะได้ไม่ต้องมาคอยกันท่าใครต่อใครมากมายขนาดนี้...
ไวเท่าความคิดมือหนาก็ตวัดเอวบางมาไว้ในอ้อมแขนหลวมๆ ชาลิษาตัวเกร็งขึ้นมา รีบหันมามองใบหน้าเข้มอย่างตกใจ
คุณบ๊วยจะทำอะไรหวาน! อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้านิ่งๆ ก่อนจะบุ้ยปากไปทางสายตาพญาเหยี่ยวทั้งหลายที่จ้องตาเป็นมัน หญิงสาวเข้าใจในบัดดล แต่ก็ยังพยายามแกะมือปลาหมึกที่รวบเอวเธอเอาไว้ไม่ยอมหยุด
เค้าก็แค่มอง ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย คราวนี้คุณบ๊วยปล่อยหวานได้รึยังคะ ใบหน้าสวยเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทีแปลกๆของผู้ชายตรงหน้า ไออุ่นจากปลายนิ้วที่ทาบทับอยู่ตรงช่วงบั้นเอว รู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าพาดผ่าน มันทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ตอนนี้
แค่มองผมก็ไม่ชอบ ใบหน้าเข้มยังคงเรียบเฉยไม่ไหวติง ผิดกับคนฟังที่พวงแก้มใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ คำพูดของเขามันตีความได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ...
เอ่อ...หวานว่าเราหาที่นั่งดีกว่าค่ะ อยู่อย่างนี้มันอึดอัดยังไงไม่รู้ พูดพลางรีบจ้ำอ้าวไปข้างหน้าโดยไม่รอคนที่กำลังยืนยิ้มน้อยๆอยู่ซักนิด
...เออแน่ะ บทจะเขินก็เขินขึ้นมาซะดื้อๆอย่างนี้ สงสัยต้องรุกฆาตเสียแล้วล่ะมั้ง...
บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย เสียงเพลงเพราะจากนักร้องหญิงชายคู่หนึ่งบนเวทีที่กำลังขับขานบทเพลงท่ามกลางเสียงฝนข้างนอกได้อย่างเข้ากัน เทียนจำนวนมากที่จุดอยู่ภายในร้าน ขับให้บรรยากาศดูคลาสสิกขึ้นมาอีกเท่าตัว
เค้าแต่งร้านสวยจังนะคะ หญิงสาวมองด้วยสายตาปลาบปลื้ม เธอเป็นคนชนิดที่เห็นการตกแต่งสวยๆจะอดสังเกตไม่ได้ เพราะงานของเธอก็ต้องใช้แรงบันดาลใจจากสิ่งพวกนี้เหมือนกัน
อชิตะเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชาลิษาที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างลืมตัว จนกระทั่งเจ้าของใบหน้าสวยหันมามอง สองสายตาประสานกันในทันใด และคนที่ต้องเป็นฝ่ายปราชัยหลบสายตาก่อนก็เห็นจะเป็นหญิงสาวพวงแก้มแดงระเรื่อคนนี้
มีอะไรรึเปล่าคะ พูดเสียงอ้อมแอ้มไม่กล้าหันขึ้นมาสบสายตาคมที่จ้องเอาจ้องเอา ราวกับว่าภาพตรงหน้าเป็นสมบัติล้ำค่าเสียอย่างนั้น
สวยมากเลยครับ สิ้นเสียงชายหนุ่ม ชาลิษาก็รู้สึกใจเต้นโครมๆ เกิดมายังไม่เคยมีใครมาชมกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้มาก่อนให้ตาย...
คุณบ๊วยพูดอะไรน่ะ หญิงสาวอดหวั่นไหวไปกับคำพูดของพ่อหนุ่มหน้าหยกคนนี้ไม่ได้ แต่ก็ต้องวางฟอร์มจนถึงที่สุด
ผมหมายถึงบรรยากาศที่นี่สวยจริงๆครับ อชิตะพูดยิ้มๆ พลางเปลี่ยนสายไปมองรอบๆ คนฟังค้อนประหลักประเหลือก ด้วยความเข้าใจผิดนึกว่าชายหนุ่มชมตัวเองในตอนแรก
งั้นก็แล้วไปค่ะ นึกว่าอะไร น้ำเสียงงอนๆบวกกับท่าทางเฉยเมย ทำเอาอีกคนอดยิ้มออกมาไม่ได้
งั้นก็สั่งอาหารเถอะครับ ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว
เป็นอันว่ามื้อค่ำใต้แสงเทียนนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะเหลือก็เพียงแต่ราตรีอันน่าภิรมย์เมื่อฝ่ายหญิงทำท่าอ้อยอิ่งอยู่หน้าห้องอยู่นาน ลำบากให้คนที่ยืนส่งอยู่หน้าห้องต้องรอเป็นเพื่อน
คุณหวานมีอะไรรึเปล่าครับ ชาลิษาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าบอกเล่าความจริงที่น่าอายของเธอให้กับชายหนุ่มฟัง
ฟังแล้วคุณห้ามหัวเราะนะคะ
ได้ครับ อชิตะรับคำ
คือหวานกลัวผอสระอี ไม่กล้าอยู่คนเดียว สิ้นเสียงของดีไซเนอร์เว็บสาว คนหน้าเข้มก็อดจะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ที่สุดท้ายคนอวดเก่งก็ต้องยอมจำนนต่อความกลัว (ผี)
ไหนรับปากแล้วไงว่าไม่หัวเราะ คนพูดหน้าง้ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จะเดินหนีเหมือนในนางเอกนิยายที่เขาทำกันก็ไม่ได้ เพราะเกรงว่าถ้าเดินจากที่ที่มีคนไปแล้วจะไปพบเจอกับบางอย่างที่ไม่ใช่คน คิดแล้วก็ขอบากหน้าอยู่กัดกับผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้ต่อเสียดีกว่า
ไม่หัวเราะครับ ไม่หัวเราะ ว่าแต่เราจะยืนคุยกันตรงหน้าห้องนี่อีกนานรึเปล่า ผมชักเมื่อยแล้วนะ อชิตะเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อไล่ความเมื่อยขบออกไป ชาลิษาเห็นดังนั้นก็นึกสงสาร จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในวินาทีนั้น
ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปคุยกันในห้องหวานดีมั๊ยคะ พลางกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก เมื่อเป็นคนเอ่ยปากชวนผู้ชายเข้าห้องดึกๆดื่นๆเป็นครั้งแรก
คุณไม่กลัวแล้วเหรอ ดวงตาสีนิลหรี่ลงมองอย่างวัดใจ
ยังไงคุณก็น่ากลัวน้อยกว่า เอ่อ...สิ่งไม่มีชีวิตก็แล้วกัน พูดจบก็ไขกุญแจเชื้อเชิญชายหนุ่มให้เข้าไปในห้องฝั่งตรงกันข้ามกับเขาทันที
ราวกับราตรีนี้จะเป็นใจให้คนที่นอนดึก ฟ้าหลังฝนมันช่างงดงามหาสิ่งใดมาเปรียบ ถึงแม้จะเป็นตอนที่ตะวันลาลับไปแล้วก็ตาม หมู่ดาวระยิบระยับทั่วฟ้ากำลังร้อยเรียงเรื่องราวของตัวเองในแต่ละวันที่ผันผ่านอยู่เต็มผืนฟ้าสีดำสนิท มันช่างงามจนคนที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับมันอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
คืนนี้เรานอนดูดาวกันดีมั๊ยคะ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้ถามเพื่อฟังคำตอบ เพราะบัดนี้ร่างบางๆของคนถามกำลังนอนทอดกายอยู่ที่เก้าอีเปลที่จัดวางไว้ตรงเฉลียงที่ยื่นออกมาจากตัวห้องอย่างมีความสุข อชิตะมองตามยิ้มๆพลางแหงนมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องแสงแข่งกันอย่างสวยงาม
...นี่เราไม่ได้ดูดาวมานานแค่ไหนแล้วนะ...
อุ้ย! เมื่อกี้คุณบ๊วยเห็นดาวตกมั๊ยคะ เสียงเรียกของหญิงสาวคนเดิมเรียกสติของเขาให้กลับมา ชายหนุ่มค่อยๆเดินออกไปตรงเฉลียง เขาจับจองเก้าอี้เปลอีกตัวที่ว่างอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอนกายลงไปนอนมองท้องฟ้าเป็นคู่กับคนช่างพูด
ไม่ทันเห็นครับ แต่ไม่แน่ถ้าคืนนี้เรานอนมองมันอยู่อย่างนี้อาจจะเห็นอีกซักดวงก็ได้ แล้วทั้งสองก็ทอดอารมณ์ไปกับธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ ซักพักเสียงเจื้อยแจ้วของคนที่นอนอยู่ข้างๆเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคำถามที่ค้างอยู่ในใจ
หวานขอถามอะไรซักอย่างนะคะ ในฐานะที่วันนี้เรายอมสงบศึกกัน พลางหันไปมองหน้าคนที่นอนเอาหัวก่ายท่อนแขนของตัวเองเอาไว้ ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
ทำไมคุณบ๊วยถึงหลายใจจังคะ งานไปไม่ถึงซักไหนซักที เดี๋ยวก็จะเปลี่ยนโน่น เดี๋ยวก็จะเปลี่ยนนั้น หวานตามไม่ทันแล้วนะ เมื่อถูกยิงคำถามตรงๆแบบนี้อชิตะก็ถึงกับอดยิ้มไม่ได้ ไม่ใช่ว่างานของเธอไม่ดีหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเขาอยากจะเจอกับใครบางคนที่เป็นเจ้าของงานเสียมากกว่า
ข้อนี้ผมตอบไม่ได้ ไม่ถูกใจก็คือไม่ถูกใจ แต่ถ้าหากถูกใจแล้วยังไงผมก็ไม่เปลี่ยน พูดพลางหันไปมองคนที่นอนเอนกายอยู่ข้างๆอย่างตั้งใจ ชาลิษาที่กำลังนอนฟังตาแป๋วอยู่รู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคหลัง หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกประหลาด ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยอาการไม่รู้ไม่ชี้ไป
แล้วเมื่อไหร่จะถูกใจซักทีล่ะคะ
ก็ใกล้แล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่านั้นเอง คนพูดยิ้มน้อยๆก่อนจะผินหน้าไปมองยังฟากฟ้าเบื้องบนอีกครั้ง ปล่อยให้หญิงสาวที่รอฟังอยู่หัวใจแทบหยุดเต้น
ไม่มีบทสนทนาใดๆหลังจากที่พูดคุยกันเมื่อซักครู่นี้ เหลือแต่เพียงเสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกของคนตัวเล็กที่เผลอหลับไปตอนไหนไม่มีใครรู้ อชิตะยันกายลุกขึ้นมองใบหน้าใสที่หลับพริ้มเพราอยู่ตอนนี้ด้วยความสุขใจ แขนแข็งแรงค่อยๆช้อนร่างบางขึ้นแนบอกมันช่างเบาราวกับปุยนุ่น แสงเทียนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำในโถแก้วบนหัวเตียงส่องแสงนวลไปทั้งห้อง ชายหนุ่มบรรจงวางร่างน้อยลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตัดสินใจแตะริมฝีปากอุ่นกับหน้าผากมนอย่างทะนุถนอม
หลับฝันดีนะครับ พูดจบก็หันไปเป่าเทียนน้อยที่เล่นแสงวูบวาบกับลมให้ดับลง เหลือไว้แต่เพียงความมืดสนิทของราตรีที่ทำให้หัวใจสองหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ขณะนี้
เมื่อประตูถูกปิดลงด้วยน้ำมือของคนที่เพิ่งอุ้มร่างของเธอเข้ามา ชาลิษาก็ลืมตาโพลงในความมืด ไม่มีความกลัวในสิ่งลี้ลับอีกต่อไป บัดนี้หลงเหลือไว้แค่รอยอุ่นที่ตราตรึงอยู่บนหน้าผากใสของเธอ มือเล็กค่อยๆลูบหน้าผากตรงจุดที่ถูกประทับรอยจุมพิตเมื่อซักครู่อย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้ายที่มันยังเต้นแรงไม่หาย
...นึกว่าจะตายไปแล้วซะอีก บ้าจริงๆเลยเรา...
แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 53 16:49:51
แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 53 16:49:32
แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 53 16:49:12
แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 53 16:48:42
แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 53 16:48:13