โยเกิร์ตบลูเบอร์รี่
|
|
ไม่รู้จะมีใครเถียงความเห็นอันนี้ของฉันไหม ว่าการกินไอติมเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ความสุขทางการรับรสอย่างหนึ่ง ประสาทสัมผัสหนึ่งในห้าจะสุนทรีย์และมีความสุขมาก
เมื่อวานนี้ตอนบ่ายฉันเกิดอารมณ์อยากมีความสุขผ่านปลายลิ้นขึ้นมาตะหงิดๆ ซึ่งร้านขายไอติมโฮมเมดแสนอร่อยก็อยู่ห่างจากบ้านฉันไปไม่ไกลนัก ราวๆ สามกิโลเมตร
คือ ต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่าบ้านฉันแสนจะหลังเขา ขนาดว่าโทรสั่งพิซซ่ายังมาส่งไม่ถึง "อยู่นอกเขตสัญญาณการส่งพิซซ่า" เสียอย่างนั้น ถ้าอยากกินอาจต้องเกิดเหตุการณ์โทรสั่งแล้วให้มาส่งเขตชายแดนสะพานข้ามถนนบายพาสสายเจ็ด แล้วฉันขับรถไปรอรับ ส่งของกันตรงนั้น ทำเหมือนส่งยาบ้าเพียงแต่ว่าเป็นพิซซ่าหอมกรุ่น
แต่ฉันไม่เคยทำหรอกนะ ไอ้ที่โทรสั่งให้มาส่งตีนสะพานอะ เพราะขับไปอีกจึ๋งเดียวก็ปะกับร้านพิซซ่าแล้ว สู้ไปซื้อที่ร้านเลยน่าจะดีกว่า
สรุปแล้วคือ ฉันจะออกไปซื้อไอติมกินที่หน้าหมู่บ้านใหญ่ฝั่งเจริญ (บ้านฉันเรียกฝั่งกันดาร) อีกฟากของสะพานข้ามบายพาส เป็นไอติมที่ขายในร้านกาแฟและเบเกอรี่ข้างเซเว่นอีเลฟเว่นตรงจุดนั้น
สุดท้ายล้อรถฉันเคลื่อนออกไปหาไอติมกินตอนทุ่มกว่าๆ หลังจากตั้งใจงีบสักพักเล็กๆ แต่เลยเถิดไปในระยะเวลาเกือบสี่ชั่วโมง ตื่นมาแล้วก็กินข้าวถึงได้เยื้องยาตราทัพออกมาหาหวานเย็นกินเนี่ยแหละ (เจริญ นอนแหล่กบ้านแหล่กเมือง) แผนของฉันเป็นแบบนี้ โอนเงินตู้เอทีเอ็มหน้าเซเว่น ซื้อไอติมโคนยืนกินหน้าร้าน (เพราะขับรถมา ขับไปกินไปไม่ได้) ออกรถเข้าไปยังศรีราชาเพื่อไปคืนซีดีที่เช่ามา (เกินกำหนดมาวันหนึ่ง เตรียมค่าปรับไว้อีกสิบบาท) แล้วเอ้อระเหยต่อที่ตลาดนัดไนท์สแควร์
ข้อแรกทำได้ตามแผนเรียบร้อย จังหวะเบลอปนงงด้วยนอนมากเกินความจำเป็น พอโอนเงินเสร็จฉันก็เดินดุ่ยๆ กลับไปที่จอดรถเสียบกุญแจเข้ารูปั๊บก็รำลึกได้ โฮมเมดไอติมฉันล่ะ?
ช่างมัน จะไปตลาดนัดอยู่แล้ว ค่อยไปซื้อเดินกินไปเพลินไปที่นู่น ของที่นั่นโคนละ 10 บาท ของที่นี่โคนละ 25 บาท ต่างกันถมถืด
ฉันเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วก็เกิดอาการเอ๊ะอ๊ะขึ้น
แต่ว่า!!! ไอติมที่นี่อร่อยกว่า เป็นที่โปรดปรานของฉันมากกว่า ไม่ได้สิ ตั้งใจมากินที่นี่ก็ต้องกินที่นี่ แล้วความตั้งมั่น (เรื่องใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องงาน) อันสูงส่งก็นำพาให้ฉันปิดประตูรถ เสียบกุญแจลงรูบิดล็อกดังเดิม แล้วเดินย้อนกลับไปยังร้านกาแฟที่มีไอติมโฮมเมดขายข้างเซเว่นแห่งเดิม
ยืนเอ๋อมองป้ายรูปก้อนไอติมสีสวยพร้อมชื่อใต้ภาพราวๆ ยี่สิบรสชาติ เพ่งกระแสจิตผ่าน คุกกี้แอนด์ครีม ดับเบิ้ลช็อกโกแลต และโยเกิร์ตบลูเบอรี่ อันที่จริงยังมีรสชาติผลไม้ต่างๆ อีกเยอะแยะ แต่ฉันเพ่งรอไว้แค่สามรสนี้เท่านั้น ตัดสินใจได้ในที่สุดก็ผลักประตูเข้าร้านไป
เพื่อไปยืนเอ๋ออยู่หน้าตู้ไอติมอีกพักใหญ่
คือ คนที่เพิ่งตื่นหลังจากนอนยาวตลอดบ่ายมาได้ไม่นานเนี่ย เชื่อขนมกินเหอะว่ามันต้องมีการสั่งการของสมองช้าและแช่มช้อยกว่าปกติไปโข ดูเอาจากการที่ฉันยืนยิ้มจ้องกล่องไอติมรสโยเกิร์ตบลูเบอร์รี่ในตู้ไอติมอย่างใจเย็น ในขณะที่ไร้เงาพนักงาน เจ้าของ เด็กในร้าน หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่หน้าเคาท์เตอร์ขาย มีแต่กองถุงผ้าหรือไม่ก็พลาสติกสีน้ำเงินซีดจางบ่งบอกถึงความสมบุกสมบันในการใช้งานหลายใบวางสุมๆ อยู่หน้าตู้ไอติม ที่ถุงนั้นมีสกรีนทุกใบว่า 'Frozen Food'
ห้านาทีผ่านไป ฉันหมุนคอเก้าสิบองศาไปยังเสียงคนคุยกันส่วนด้านในของร้านที่ประกอบไปด้วยกลุ่มก้อนมนุษย์ยืนล้อมวงแคบๆ ราวสี่ถึงห้าคน
สบตากับมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งทันที แล้วเขาก็รีบสะกิดบอกเด็กผู้หญิงในผ้ากันเปื้อนคนหนึ่งที่ยืนเสวนาอยู่ในวง
"ลูกค้าจะซื้อไอติมแน่ะ ไปขายของก่อน"
เธอคนนั้นผละจากวงสนทนาหน้าทางเข้าห้องน้ำของร้าน ด้วยความที่เป็นช่วง Twilight (เวลาผีตากผ้าอ้อม) แสงอาทิตย์คั่วแสงจันทร์ผสานแสงไฟทำให้สายตาฉันไม่ค่อยชัด ภาพออกจะมึนๆ เบลอๆ (แกลืมหยิบแว่นมาสวมตอนออกจากบ้านต่างหากเล่า) เลยไม่ได้สังเกตใครต่อใครในร้านเท่าไร รู้แต่อยากกินไอติมจะแย่แล้ว
"เอาอะไรคะพี่"
ล็อบสเตอร์ตัวนึง... เปล่าหรอก ฉันชี้ไปที่กล่องบรรจุไอติมโยเกิร์ตบลูเบอรร์รี่ที่เหลือติดก้นกล่องพอขูดได้อีกประมาณสองก้อนใหญ่พร้อมเอ่ยชื่อของมันอย่างมีความสุข
"โคนเล็กนะคะ/ เอาไซส์ไหนพี่" เป็นประโยคที่พูดออกมาสวนกับน้องตอนเธอถามว่าเอาไซส์ไหน
เธอหัวเราะไปพลางดึงเอากล่องออกไปขูด ขูด และขูด จนกลายเป็นไอติมหนึ่งก้อนโตแล้วโปะลงบนโคนเล็กๆ ยื่นให้ฉันพร้อมกระดาษทิชชูเช็ดปากที่พันๆ รอบแกนกันมือเปื้อนโคน... หรือกันโคนเปื้อนมือ
อลังการมากค่ะทุกท่าน ไอติมโฮมเมดราคายี่สิบห้าบาทสุดคุ้มแห่งชาติค่ะ แทบจะล้นทะลักทลาย
ตอนเธอกำลังสวมวิญญาณลูกอีช่างขูด เธอยังบอกเลยว่า "เพิ่งมาส่งเลยพี่" แต่ตอนนั้นสมองฉันยังไม่ทำงานตามปกติ ฉันเลยไม่ได้ประมวลผลว่าอะไรคือไอ้ที่เพิ่งมาส่ง ที่ขูดไอติม โคนไอติม หรือลูกตัวเล็กๆ ของน้องมันเพิ่งมีรถโรงเรียนมาส่ง (บรรเจิดจริงจินตนาการ วันอาทิตย์ โรงเรียนที่ไหนเปิด แล้วน้องมันหน้าเด็กกว่าเราเกือบหนึ่งในสามของอายุ ยังคิดว่ามันมีลูกได้อีก)
กำไอติมมายืนแลบลิ้นเลียรอบๆ ขอบโคนก่อนด้วยเกรงไอติมละลายย้อยหยด ไม่รู้จะไปยืนตรงไหน ตรงที่ข้างๆ รถจอดก็มีกลุ่มหนุ่มวัยฉกรรจ์หลายนายยึดเป็นฐานที่มั่นสูบบุหรี่ ไอ้ครั้นจะไปยืนเลียๆ (ไอติม) ดมๆ (ควันบุหรี่) ร่วมวงคนไม่รู้จักมักจี่จำนวนหนึ่งตรงนั้นก็กระไรอยู่ ฉันเลยยืนควงกุญแจรถด้วยมือซ้าย กำโคนด้วยมือขวาอยู่ตรงหน้าร้านนั่นแหละ
เพลิดเพลินมากมายค่ะ ตอนค่ำๆ อากาศเย็น ยืนรับลมเลียไอติมอยู่หน้าร้านเขา ไม่ได้คิดหรอกว่าหากสั่งใส่ถ้วยนั่งกินในร้านมันจะดูเข้าที่เข้าทางกว่า เรื่องง่ายๆ แบบนี้ คิดไม่ทันหรอกฉัน
ตอนยืนๆ ตวัดไอติมเข้าปากอย่างเมามัน มองคนเดินเข้าเซเว่นทีละคนพลางนินทาในใจ ก็มีคนเดินหอบหิ้วถุง Frozen food ที่เคยสุมอยู่หน้าตู้ไอติมผ่านหน้าฉันไปได้ประมาณสองก้าว แล้วเขาก็หยุดกึก หันมาทางฉัน
"ไอติมอร่อยไหมครับ"
ฉันเอานิ้วป้ายมุมปากโดยอัตโนมัติ ฉีกยิ้มหวานเย็น (จากไอติม) ตอบเขา
"อร่อยค่ะ" แล้วแสดงความจริงใจโดยการงาบไอติมต่อไปโดยไม่แคร์สื่อ ตอนนี้เริ่มฉลาด ฉันเลิกแกว่งกุญแจรถ ยัดมันลงกระเป๋าหลังกางเกงหูรูดชาวเหนือขาลอยห้อยกระพรวนรอบเอวที่ใส่เพื่อจุดประสงค์เดียวคือความสบาย ไม่เน้นขายได้ แล้วเอามือข้างนั้นมาดึงเอากระดาษทิชชูหุ้มโคนไอติมมาถือไว้ คอยซับปากเยิ้มๆ แทน
เขายิ้มกึ่งหัวเราะตามฉันที่ทำอาการเดียวกัน ก็ไม่ได้มีอะไรขำ แต่หัวเราะทำไมไม่ทราบได้ แล้วเขาก็ก้มหัวนิดหนึ่ง ตั้งท่าจะเดินจากไป ฉันจึงละสายตามามองแสงไฟข้างถนนตรงตีนสะพาน ข้ามไปมองร้านคาร์วอชฝั่งตรงข้าม มองขาสาวขาวยาวที่ยืนอยู่ห่างๆ จนกระทั่งหนุ่ม Frozen food เดินกลับมาทักอีกครั้ง
NEXT>>
จากคุณ |
:
BestChild
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ม.ค. 53 21:59:59
|
|
|
|