ความคิดเห็นที่ 1 |
ในช่วงเย็น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง อากาศเริ่มหนาวเย็น
หากแต่ดูท่าทางอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่อาจจะทำอะไรอนาคิมได้เลย เธอใส่เสื้อแขนกุด กระโปร่งสั้น ในมือถือหอกออกซ้อมการต่อสู้อยู่บริเวณหลังบ้านของเธอเอง
ซึ่งเธอได้สร้างสิ่งที่ใช้ในการฝึกซ้อมตั้งแต่หุ่นไว้ซ้อม และท่อนไม่ฝึกการเคลื่นไหว เธอกวัดแกว่งหอกที่ทำจากโลหะ ได้รวดเร็วคล่องแคล้วราวกับว่าเจ้าหอกนี้เบาดุจปุยนุ่น นี่เป็นผลจากที่เธอฝึกซ้อมเป็นประจำทุกวัน
แม้ว่าในช่วงเกือบ 1 เดือนมานี่เธอเข้าเรียนวิชาเกี่ยวกับระเบียบมารยาทในวังมาตลอด แต่เธอก็ใช้เวลาในช่วงเย็นใกล้ค่ำในการฝึกวิชาการต่อสู้แทน
ฉึก!!!
อนาคิมใช้หอกพุ่งเสียบท่อนไม้ขนาดใหญ่อย่างแรง เธอหมุนมือข้างที่จับหอกเข้าเสียบท่อนไม้ มืออีกข้างกางฝ่ามือออกแล้วสัมผัสที่ช่วงกึ่งกลางของหอก เธอดันมือที่จับหอกไว้ ทันใดนั้นท่อนไม้ขนาดใหญ่ก็มีรอยปริแตกออก
ตูม!!!
ท่อนไม้แตกหักออกเป็นสองซีกทันที มีเศษไม้กระเด็นออกมาบ้างนิดหน่อย แต่อนาคิมก็กระโดดหลบได้หมด เธอเดินไปดู พลางสำรวจท่อนไม้ที่แตกเป็นสองซีกพลางคิดในใจ
ความรุนแรงคงใช้ได้แล้วล่ะมั้ง
“แต่ยังไม่ไวพอที่จะพุ่งเข้าเสียบเป้าหมายที่ว่องไวได้หรอกนะ” อนาคิมตกใจหันไปยังต้นเสียงทันที ครูทัสนั่นเอง เขาค่อย ๆ เดินมาหาอนาคิม
“ต่อให้มีพลังทำลายสูงขนาดใหน แต่ถ้าไม่โดนเป้าหมาย มันก็ไร้ประโยชน์ และยิ่งถ้าไม่สามารถใช้อาวุธที่มีป้องกันการโจมตีสวนกลับได้ มันอาจจะทำให้เจ้าต้องพบจุดจบก็ได้” ครูทัสอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
อนาคิมเงยหน้าขึ้นมองครูทัส ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ท่านพ่อ?” น้ำเสียงของเธอฟังดูสงสัยต่อกิริยาที่ครูทัสแสดง เพราะตลอดเวลาครูทัสไม่เคยแนะนำเธอเรื่องการต่อสู้เลย มีแต่เธอที่อาศัยครูพักลักจำวิชาของคนอื่น ๆ มาแล้วประยุกต์เป็นของตัวเอง การที่ครูทัสมาแนะนำอะไรเช่นนี้จึงเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ ดื่มเหล้ามากไปรึเปล่าน่ะ” อนาคิมพูดด้วยสีหน้าสงสัย
“นี่ข้าพูดอะไรเป็นการเป็นงานได้เพราะดื่มเหล้าเรอะเจ้าลูกคนนี้” ครูทัสตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิด ๆ
อนาคิมทำตาปริบ ๆ เธอเอานิ้วชี้เขี่ยแก้มตัวเองนิดหน่อย “ก็ท่านพ่อไม่เคยสอนข้าเลยนี่นา” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแปลกใจอยู่ดี
“ก็ข้ากำลังแนะนำเจ้าอยู่นี่ไง” ครูทัสตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“งื่อ~~~” อนาคิมครางขึ้น ก่อนที่จะโดนครูทัสเขกหัวเข้าให้
“เอาอีกแล้วไอ้ลูกคนนี้ มา งื่อ ง่า อะไร” ครูทัสดุอนาคิมเข้าให้
เขาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วลูบหัวของอนาคิมด้วยความอ่อนโยน “ข้าก็แค่คิดว่า การปล่อยให้เจ้าเดินไปยังเส้นทางที่เจ้าใฝ่ฝันเพียงลำพัง มันคงไม่ดีแน่ ๆ แม้ข้าเองไม่อยากขขัดใจเคย์ซ่านัก แต่ข้าก็ว่าการสอนให้เจ้ารู้จักสิ่งต่าง ๆ ที่เจ้าชอบบ้างก็ไม่เสียหายอะไร”
เขาพูดพร้อมกับนั่งลงที่ตอไม้ใหญ่ ใกล้ ๆ ที่อนาคิมซ้อมอยู่ “แต่กระนั้น แม้ข้าจะมาให้คำแนะนำเจ้า แต่ข้าไม่คิดว่าเคย์ซ่าจะหันมาเห็นด้วยกับข้าหรอกนะ” ครูทัสกล่าวโดยมองอนาคิมด้วยสายตาที่อ่อนโยน
อนาคิมปักหอกลงที่พื้น เธอดูเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจที่เธอไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ “ก็ท่านแม่อยากให้ข้าเป็นกุลสตรี สมเป็นผู้หญิงมาก ๆ เลยนี่นา บางทีข้าก็ไม่เข้าใจว่าการที่ข้าชอบเรื่องต่อสู้อะไรแบบนี้ มันไม่ดียังไง” อนาคิมพ้อผู้เป็นมารดา
“เจ้าผิดแล้วล่ะ อนาคิม” ครูทัสตอบอนาคิมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
อนาคิมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ครูทัสเอ่ยขึ้น เธอผิด ผิดอย่างไรงั้นรึ???
สีหน้าของครูทัสดูแล้วเศร้าลงเล็กน้อย เขามองที่อนาคิมอย่างไม่วางตา “เคย์ซ่า ไม่เคยสนใจว่าเจ้าจะเป็นกุลสตรีที่งดงามหรือไม่ นางไม่เคยสนใจว่าเจ้าจะกระโดกกระเดก แล้วเอาแต่ล่าสัตว์ นางไม่เคยเรียกร้องให้เจ้าต้องไปทำงานในวัง ไม่ได้คาดหวังแม้แต่ว่าเจ้าจะมีชายที่มีศักดิ์มีตระกูลมาหลงไหล นางกลับพอใจที่เจ้า ยังคงเป็นเจ้า หากแต่นางไม่พอใจที่เจ้ากำลังไปในเส้นทางซึ่งอาจจะต้องพลัดพรากจากนางต่างหาก”
ครูทัสอธิบายความรู้สึกของเคย์ซ่าราวกับว่าเขาเก็บงำมันไว้อย่างยาวนาน “หนทางที่เจ้าชอบนั้น มันไม่ต่างจากฐานะนักรบเลย มันเต็มไปด้วยอันตรายและพร้อมที่จะชิงชีวิตเจ้าไปเสมอ นั้นล่ะสิ่งที่นางทำใจไม่ได้ เลยกกลายเป็นว่านางพยายามเข้มงวดให้เจ้าเป็นกุลสตรีให้มากที่สุด เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ต้องเลือกเดินในเส้นทางของนักรบ”
อนาคิมได้แต่ฟังนิ่งเงียบ ด้วยตัวเธอไม่เคยคิดในเรื่องที่ครูทัสเล่าเลยซักนิด เธอคิดเพียงแค่เธอชอบ และเธอไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเท่านั้นเอง
ครูทัสถอนหายใจออกมา สีหน้าของเขาเหมือนจะต้องพูดอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่ค่อยอยากพูดนัก
“อนาคิม เจ้าก็รู้ ว่าเจ้าน่ะไม่เหมือนพวกข้า” อนาคิมก้มหน้ายืนฟังเงียบ ๆ
“เจ้ามีหลาย ๆ สิ่งที่แตกต่างจากพวกข้า เจ้ารู้ดี บ่อยครั้งเจ้าจึงเลือกที่จะปลีกตัวไปจากคนอื่น ๆ และอยู่เพียงลำพัง แต่กระนั้นไม่ว่าจะยังไงทั้งข้าและเคย์ซ่า ก็ไม่เคยนึกรังเกียจเจ้า พวกข้ายังคงรักเจ้าและมองเจ้าเฉกเช่นวันที่พวกข้าพบเจ้าครั้งแรก” ครูทัสกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย
“ข้า...” อนาคิมค้างคำไว้ เธอพูดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปดี
ครูทัสลุกขึ้นเดินไปหาอนาคิมที่ยืนตัวสั่นเทิ้ม ท่าทางของอนาคิมพร้อมที่จะร้องไห้ออกมา “ข้าคงไม่ฉุดรั้งเจ้าไว้ หากสิ่งที่เจ้าเลือก เป็นสิ่งที่เจ้าคิดว่าดีแล้ว ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้าเข้าใจในตัวเคย์ซ่าให้มากขึ้นก็เท่านั้น” ครูทัสสวมกอดลูกสาวไว้แน่น พลางลูบหัวไปด้วย “ท่านพ่อ...” อนาคิมไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้ น้ำตาอาบไหลอาบแก้มทั้ง 2 ของเธอ
ในเงามืดใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ไกลจากคนทั้งสองนัก เคย์ซ่ายืนฟังอยู่เงียบ ๆ บนใบหน้ามีน้ำตาไหลออกมา หากแต่เธอไม่ได้ร้องจนมีเสียงให้ผู้ใดได้ยิน เธอเองก็รู้ดีว่าอนาคิมนั้นชอบสิ่งใด แต่อย่างที่ครูทัสกล่าว เธอกลัวที่จะต้องเสียลูกสาวคนนี้ไป เธอได้แต่เช็ดน้ำตา และยิ้มออกไป
เธอเดินออกจากใต้ต้นไม้ แล้วเดินไปหาทั้งสองคนพร้อมตะโกนออกไป “เอ้า สองพ่อลูกทำอะไรกันอยู่ อาหารจะเย็นหมดแล้วนะ”
ครูทัสและอนาคิมหันไปมองเคย์ซ่าที่ยืนทำหน้าไม่ค่อยพอใจที่ทั้งสองไม่มาทานข้าวซักทีอยู่ ครูทัสยิ้มที่มุมปากเอามือกดหัวอนาคิม “ไปกินข้าวกันได้แล้วไอ้ลูกลิงเอ้ย ก่อนที่เจ้าจะโดนเคย์ซ่ากินเอา”
“งื่อ~~~” อนาคิมครางออกมา เธอเช็ดน้ำตาที่แก้มทั้งสอง
“ถ้าเจ้าไม่เลิกครางแบบนี้ ข้าจะหาอะไรมาปิดปากเจ้าไว้” ครูทัสบ่นพลางช่วยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอนาคิม
“ท่านพ่ออ่า” อนาคิมค้อนนิดหน่อย น้ำตาบนใบหน้าเธอแห้งแล้ว เหลือไว้เพียงขอบตาที่ยังแดงอยู่ แต่เธอคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเธอมีข้อแก้ตัวร้อยแปดที่จะอธิบายว่าทำไมดวงตาของเธอถึงได้แดง ทั้งสองเดินไปหาเคย์ซ่าและพอกันเข้าบ้านไป -------------------------------------------------
| จากคุณ |
:
joyka
|
| เขียนเมื่อ |
:
19 ม.ค. 53 23:32:34
|
|
|
|