ความคิดเห็นที่ 1 ขึ้นภู ดูใจ ไปภูกระดึง ค่ำลงเจอหน้าเมีย เจอหน้าเมีย มันเพลียหัวใจ ปิดประตูกางมุ้ง แน่ะเมียก็มากวนใจ หนีไปบ้านน้องเมีย แน่ะเมียก็ตามมาได้ จะหนีเมียให้พ้น ก็ต้องใช้วิธีใหม่ ๆ เจอะเมียปุ๊บ เตะเมียปั๊บ เมียคอพับ ไม่มากวนใจ หากจะถามว่าระหว่างผมกับเมียใครเดินทางหรือไปเที่ยวมากกว่ากัน ผมสามารถตอบได้โดยไม่ลังเลเลยครับว่าเมียผมนั่นเอง ไม่ว่าจะถามว่าเคยไปที่นั่นที่นี่หรือยังเธอมักจะตอบว่าไปมาแล้ว ที่นั่นก็ไปมาแล้ว ที่นี่ก็ไปมาแล้ว (ไม่รู้ว่าแอบไปมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้ง ๆ ที่ก็คบกันตั้งแต่สมัยเรียน) ก็รู้ทั้งรู้นะครับบ้านน่ะก็เหมือนกับสวรรค์ยังจะแอบไปเที่ยวอีก ส่วนผมน่ะชอบอยู่บ้าน อยู่กับรถคันโปรด ผู้ชายนี่ครับหากได้อยู่กับสิ่งที่รักที่ชอบเนื่ยวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรอยู่แล้ว อย่างผมมีรถเต่าอยู่หนึ่งคันก็ล้างก็เช็ดให้มันดูดีสะอาดตา และที่สำคัญไม่ออกไปเที่ยวให้เสียสตางค์ ก็การออกจากบ้านแต่ละครั้งก็ต้องพกแบงค์แดง ๆ หรือแบงค์เทา ๆ ไอ้แบงค์สีเขียวน่ะปัจจุบันแทบจะซื้ออะไรไม่ได้แล้วละครับ ก็ค่าครองชีพแพงจะตายไป เมียผมซิครับชอบจริง ๆ เลยการเที่ยวนี่และมักจะมาล่อหรอกผมประจำว่าเสียตังค์ไม่กี่บาทหรอก  ออกไปเปิดหูเปิดตาให้เห็นโลกกว้าง ไอ้ผมก็ใจอ่อนทุกที เพราะใจจริงน่ะอยากเที่ยวอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะให้ล้างรถทุก ๆ วันมันก็เบื่อเหมือนกันไป พารถสุดที่รักขับไปชมโลกกว้างบ้างก็ดีเหมือนกัน ที่แรกที่ผมและเมียจะพาทุก ๆ ท่านไปเที่ยวก็คือภูกระดึงครับ ที่ ๆ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาหนาหูเหลือเกินว่า หากไม่อดทน หรือทนลำบากไม่ไหวชีวิตคู่อาจล่มสลายได้เมื่อลงมาจากภูฯ (ผมน่ะไม่กลัวหรอกครับ ก็เมียผมน่ะบึกบึนจะตาย เรื่องความอดทนไม่ต้องพูดถึง) การไปเที่ยวภูกระดึงต้องมีการวางแผนล่วงหน้าก่อนนะครับว่าจะเดินทางไปอย่าง เพราะมีเส้นทางให้เลือกอย่างน้อยสองเส้นทาง เส้นทางแรกผ่านไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านน้ำหนาว เส้นทางค่อนข้างสวยครับกับบรรยากาศสองข้างทางแต่ระหว่างทางจะขึ้นเขาลงเขาเยอะหน่อย หากใครไม่ชอบอาจเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง วิ่งไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านสระบุรี ผ่านโคราช วิ่งตามถนนหมายเลข 21 เดี๋ยวก็ถึง (ผมขับไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง พอถึงก็กางเต้นท์นอนที่อุทยานที่ตีนภู ฯ พอดีครับ) จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 20:31:47

ความคิดเห็นที่ 2 แผนของผมในการเดินทางครั้งนี้ก็คือจะขับรถไปยังอุทยานภูกระดึงและนอนที่ตีนภูฯ ก่อนและจะปีนขึ้นภูฯ ตอนเช้า เนื่องจากแดดยามเช้าอ่อน ๆ อากาศเย็น ๆ จะได้เดินสบาย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ไม่รีบไม่ร้อน กะว่าบ่าย ๆ ก็ถึง อ้อ ขอแนะนำนิดนึงครับว่าการไปเที่ยวภูกระดึงน่าจะให้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติสัก 3 คืนบนภูฯ จะได้มีเวลาเยื่ยมชมให้ทั่วก็ไปทั้งทีเที่ยวให้คุ้มครับ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้ครับ คือไปถึงที่ทำการอุทยานก็ค่ำพอดี เจ้าหน้าที่ช่วยหาที่กางเต้นท์ให้เพราะเมื่อกลางวันฝนตกทั้งวัน กินอาหาร (มาม่า) อาบน้ำ นอนพักผ่อนเอาแรง เตรียมแรงไว้ขึ้นภูฯ ครับ ผมกะว่าจะตื่นสักแปดโมงและเริ่มเดินขึ้นภูฯ ไม่ให้เกินเก้าโมงเช้า แต่ผิดคาดครับเนื่องจากวันนั้นเป็นวันเสาร์เจ้าหน้าที่เปิดเพลงปลุกตั้งแต่เช้า เพลงนี้ผมเพิ่งจะเคยฟัง แต่ฟังไปฟังมาเพราะดีครับ หากไม่ได้ฟังเสียดายแย่เลย เนื้อเพลงบรรยายถึงภูกระดึงซะเห็นภาพเลยครับ จนไม่อยากจากไปไหน ใครที่ยังไม่เคยฟังลองอ่านเนื้อเพลงดูก่อนก็ได้ครับ ทำนองเพลงของครูเอื้อ สุนทรสนาน เขาภูกระดึงเสน่ห์ตรึงใจจริง สัณฐานเหมือนกระดิ่งทับหล้า สูงล้ำดังค้ำนภา สูงลิวทิวทัศน์ตื่นตา สวยกว่าเทวาสรรสร้าง หนทางขึ้นลงไม่เรียบแต่ชวนเพลิน เห็นเนินซ้อนเนินลดหลั่นสล้าง น้ำใสตกไหลเป็นทาง ไหลพุ่งจากสูงสุดทาง ไหลหลั่งพื้นล่างสุธา สระอโนดาตดาษน้ำธาร น้ำใสตระการปานแก้วแววตา ริมธารละลานไปด้วยบุปผา ดอกแดงกุหลาบพนา ประดับลัดดากล้วยไม้ไพร หนาวเย็นด้วยลมอากาศชื่นชมดี ทุกยามนาทีลมโบกพัดให้ เหมือนแม้นสวรรค์ชาวไทย ทุกสิ่งยวนเย้าหทัย โน้มจิตโน้มใจสุดฝืน เสียงภูแว่วดังชวนชื่นดังฟังเพลง เหมือนลมบรรเลงเป็นเพลงรักชื่น หวิวๆ พร่างพริ้ววันคืน เหมือนกล่อมและย้อมจิตชื่น ระรื่นด้วยลมพริ้วพร่าง สนยามต้องลมโอนอ่อนเอนลมปลิว สนยืนเป็นทิวแลลิ่วสล้าง หงส์เหินสุดเหินเนินทาง ทุกสิ่งดูสวยสะอาง ทุกแห่งทุกทางตื่นตา เมื่อขึ้นสุดเหนื่อยเมื่อยล้ากาย ครั้นถึงก็คลายหายเหนื่อยเมื่อยล้า ผิวหญิงเมื่อขึ้นถึงยอดภูผา แก้มแดงผิวตึงซึ้งตา เนื้อเต่งโสภาผ่องโสพรรณ ทุกคนได้ยลขออยู่ไปจนตาย เพราะความสบายยอมตายที่นั่น โสฬสฟากฟ้าลาวัณย์ สามโลกไม่แม้นเทียมทัน เหมือนหนึ่งสวรรค์นั้นเอย.... จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 20:34:00

ความคิดเห็นที่ 3 จบแล้วหรือค้า อยากไปดูดอกไม้ป่าที่ภูกระดึง แต่สงสัยไม่มีปัญญาขึ้นแล้ว จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 22:03:58

ความคิดเห็นที่ 4 กติกามารยาทของทางพันทิปขอเอาไว้ว่า ลงงานเขียนเรื่องเดียวกันในวันเดียว ขอให้ลงต่อกันไป ในกระทู้เดียวนะครับ กระทู้เพื่อนคนอื่นๆ จะได้ไม่ตกจากหน้าจอเร็วเกินไป ผมรวมกระทู้ข้างบน มาต่อกันไว้ตรงนี้เลยนะครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 08:38:53

ความคิดเห็นที่ 5 เที่ยวกับเมีย (ต่อ)       คำว่าภูกระดึงมีที่มาที่ไปยังไงนั้นไม่มีรายงานเป็นรายลักษณ์อักษรที่แน่นอนครับ แต่มีเสียงล่ำลือกันว่าทุก ๆ วันพระ ณ ที่ยอดเขาแห่งนี้จะมีเสียงกระดิ่งเสียงระฆังดังหง่างเหง่งลอยมาตามลมจนชาวบ้านขนานนามแห่งนี้ว่าภูกระดึง ผู้ที่ค้นพบภูกระดึงคือนายพรานบ้านศรีฐาน นายพรานนี้ตามกระทิงไปจนไปพบลานกว้าง ที่ที่ซึ่งไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน จนนายพรานกลับลงมาและเล่าให้เพื่อนบ้านฟังภูกระดึงจึงเริ่มมีผู้คนไปเยี่ยมเยือนมานับแต่นั้นเป็นต้นมา ลูกหาบที่หาบของขึ้นภูกระดึงทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่ เป็นชาวบ้าน บ้านศรีฐาน จุดกำเนิดของการเกิดอาชีพลูกหาบตามที่ผมได้อ่านจากบอร์ดแสดงนิทรรศการบนภูกระดึงกล่าวว่าเริ่มแรกมีเสนาบดีต้องการจะขึ้นไปบนภูฯ แต่เนื่องจากมีสัมภาระมากชาวบ้าน บ้านศรีฐานก็มีน้ำใจช่วยแบกของขึ้นไปให้ ส่วนการเกิดเป็นอาชีพลูกหาบเกิดจากผู้ที่ไปเที่ยวให้เงินตอบแทนเป็นสินน้ำใจแก่ชาวบ้านที่มาช่วยแบกของนั่นเอง ปัจจุบัน (มกราคม 2553) อัตราค่าบริการในการแบกของ ของลูกหาบคิดกิโลกรัมละ 15 บาท แต่หากใครมีปัญหาด้านสุขภาพเดินขึ้นภูฯ ไม่ไหว หรือขี้เกียจเดินเอง ลูกหาบที่นี่สามารถช่วยท่านได้ครับ โดยจะทำเป็นแคร่ให้นั่งใช้ลูกหาบทั้งหมด 4 คน อัตราค่าบริการส่งถึงที่พักราคา 2000 บาท (ลงจากภูฯ อีก 2000 บาท) ที่ประทับใจผมและเมียมากที่นี่ก็คืออัธยาศัยของแม่ค้า และลูกหาบที่นี่ครับ ตั้งแต่เดินขึ้นภูฯ จนถึงที่พัก แม่ค้าที่นี่น่ารักมาก มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่แย่งลูกค้ากัน ถึงแม้บางช่วงลูกค้าน้อยก็ไม่มาคอยดักหน้าดักหลังไล่ต้อนลูกค้าให้เข้าร้าน ใครอยากเข้าร้านไหนก็เข้าไป หากของในร้านไม่มีขายก็สั่งให้ร้านอื่นเอามาให้โดยไม่กีดกันกันเอง ดูแล้วสบายใจดีครับ จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 22:32:0 จากคุณ : พิธันดร เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 08:39:11

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 1     ของกินระหว่างทางขึ้นภูฯ มีตลอดครับไม่ต้องกลัวอด จะอดก็ตอนไม่มีเงินนั่นแหละครับ ไล่ตั้งแต่ซำแฮก ไปยันซำแคร่ รวมระยะทางประมาณ 5 กิโลกว่า ๆ พอขึ้นไปบนหลังแปมีร้านขายน้ำเท่านั้นถ้าหิวต้องเดินต่ออีก 3 กิโลเมตรกว่า ๆ ไปยังที่ทำการ ที่นั่นมีร้านค้าขายของอร่อย ๆ หลายร้าน พอขึ้นไปถึงที่พักและเตรียมที่พักเสร็จแล้ว (ไม่ลืมโรยปูนขาวรอบ ๆ เต้นท์กันทาก) และหากยังไม่แรงเหลือก็เดินต่ออีกนิดครับมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกหากมีแรงเหลือไม่มากก็เดินไปไหว้พระที่องค์พระพุทธรูป แต่หากแรงเหลือมาก ๆ ก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก หลังพระอาทิตย์ตกแล้วก็ค่อย ๆ ลากสังขารกลับมาหาอะไรทานที่เต้นท์ครับ หรือจะไปทานอาหารที่ร้านค้าก็ได้ หากต้องการไปทานอาหารที่ร้านค้าต้องเร่งเดินหน่อยนะครับ เพราะบนภูฯ จะปิดไฟตอน 3 ทุ่ม (สอบถามแม่ค้าบอกว่าเมื่อก่อนปิด 4 ทุ่มแต่ปัจจุบันน้ำมันแพงเลยเลื่อนเวลาดับไฟ) ใครที่ต้องการสัมผัสความหนาวเย็นรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับกับการขึ้นภูกระดึง เนื่องจากความสูงที่อยู่กว่าระดับน้ำทะเลถึง 1288 เมตร รับประกันความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี ห้องน้ำบนภูฯ นี่สะอาดสะอ้านดีครับ มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดีถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะแค่ไหน พอเช้ามาห้องน้ำก็กลับสะอาดเหมือนไม่มีใครมาใช้เลย จะขัดใจก็นิดนึงครับคืออากาศหนาว ๆ เนี่ยหากอาบน้ำโดยใช้ขันตักจะได้ใจมาก แต่บนภูฯ เป็นฝักบัว กว่าสายน้ำที่ไหลผ่านฝักบัวจะไหลมากระทบผิวกายหนุ่มแต่ละสาย แต่ละสายมันช่างยาวนาน จนแทบจะกระโจนออกจากห้องน้ำเลยครับ จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 22:33:17 จากคุณ : พิธันดร เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 08:39:26

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 2     กลางคืนบนภูฯ นี่สวยงามจับใจจริง ๆ ครับ ดวงดาวพร่างพราวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไปหมดโดยเฉพาะช่วงเวลาหลังสามทุ่มไปแล้ว (เจ้าหน้าที่ปิดไฟหมด) ทั่วทั้งบริเวณมืดมิด ยามแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า ผมคิดว่าใครบางคน คงไม่เคยเห็นภาพประทับใจอย่างนี้มาก่อนแน่นอน ดวงดาวนับร้อย นับพัน สว่างไสวอยู่กราดเกลื่อนท้องฟ้า คนที่ชอบดูดาวมาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนผมเองก็ไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องกลุ่มดาวเท่าไหร่ มีแค่งู ๆ ปลา ๆ แต่ก็พอจะเอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังได้บ้างว่ามีกลุ่มดาวอะไร เท่าที่ผมเห็นนะครับ ก็ได้แก่ กลุ่มดาวเต่า ดาวไถ ดาวกระต่ายป่า ดาวโจร (ดาวดวงเดียวกับในหนังไทยนั่นแหละครับว่าถ้าดาวโจรขึ้นก็ออกปล้นได้เลย เนื่องจากดาวโจรจะเป็นดาวที่พบหรือปรากฏในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวพืชผล พวกโจรมักออกปล้นข้าวของกันก็ในช่วงนี้แหละครับ) ดาวอื่น ๆ อีกเยอะแยะครับ จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 22:36:50 จากคุณ : พิธันดร เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 08:39:41

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับสำหรับคุณ scottie ที่ติดตามอ่าน หวังว่าน่าจะเป็นข้อมูลและแรงบันดาลใจให้ไปเที่วกันนะครับ เรื่องยังไม่จบครับ ติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับ คุณพิธันดร ครับ จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 12:09:12

ความคิดเห็นที่ 9 ค่ำคืนที่คืบคลานผ่านไปความเงียบสงัดที่ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ หากใครที่ยังไม่หลับหรือหลับไม่สนิทดี หรือด้วยอะไรก็ตามครับที่ทำให้พอมีสติจะได้ยินเสียง ๆ หนึ่งที่หาฟังที่ไหนไม่ได้ และไม่ได้หาฟังกันได้ง่าย ๆ ครับ เสียงเป็นยังไงน่ะเหรอ บอกไม่ถูกจริง ๆ ครับ เกินกว่าที่ผมจะบรรยายได้จริง ๆ มันเป็นเสียงของหมาไนครับ ใช่เลยครับหมาไน เหมือนกับพวกมันมาอยู่ใกล้ ๆ กับเต้นท์นอนของเรา และกำลังรายล้อมพวกเราอยู่ มันไม่ได้มาแค่ตัวเดียวครับ แต่มันจะมากันเป็นฝูง เสียงร้อง เสียงหอนจะระงมไปทั่วบริเวณเลย มันเป็นเสียงที่ฟังดูจะวังเวงก็ไม่เชิงครับ นอน ๆ ฟังไปก็เพราะดี อ้อเสียงหอนของพวกหมาไนถ้าใครที่อยากไปนอนฟังบนภู ฯ จริง ๆ ผมแนะนำว่าควรไปช่วงที่มีคนขึ้นไปน้อย ๆ ครับอย่าไปช่วงเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดเนื่องจากคนจะเยอะ และพวกหมาไนจะไม่กล้าเข้ามา บรรยากาศบนภู ฯ สุดแสนจะสบายครับทำให้ลืมเรื่องวุ่น ๆ ในเมืองได้อย่างดีทีเดียว (ก็ไปพักผ่อนครับอย่าเอาเรื่องปวดหัวติดไปด้วยทิ้งมันไว้ข้างล่างลงจากภูฯ ค่อยว่ากันใหม่) อาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกมากมายครับ แม้กระทั่งปาท่องโก๋ แต่แนะนำว่าต้องรีบตื่นไปซื้อและทานนะครับเพราะว่าอากาศที่เย็นยิ่งทำให้ปาท่องโก๋แข็งและไม่อร่อยเท่าที่ควร เมื่อกินเสร็จและเตรียมเสบียงสำหรับการเดินทางให้เรียบร้อยก็ออกเดินทางได้ครับ เน้นนะครับว่าควรเตรียมเสบียงไปด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เตรียมจะเดินไปชมบรรยากาศของผาหล่มสัก ที่ ๆ ใครบางคนบอกว่าถ้าไม่ได้ไปก็เหมือนไปไม่ถึงภูกระดึง ที่แนะนำอย่างนี้ก็เพราะว่า วันนี้ผมกับเมีย พลาดครับ ทานข้าวเช้าเสร็จก็กลับมาดูแผนที่ที่จะเดิน (ไปซื้อมาจากศูนย์อำนวนการนักท่องเที่ยวแผ่นละ 10 บาท) ก็ออกเดินทางกันเลยไม่ได้เตรียมอะไรไปทานเลยนอกจากน้ำคนละขวด แทบแย่ครับ เพราะระยะทางที่เดินไปค่อนข้างไกลและใช้เวลาออกเดินกันแต่เช้ากว่าจะไปถึงผาหล่มสักปาเข้าไปบ่ายกว่า และระหว่างทางที่เดินก็ไม่มีร้านค้าหรืออะไรขายเลยครับ (ผมเลือกเส้นทางเดินจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ไปยังน้ำตกธารสวรรค์ สระอโนดาด น้ำตกถ้าสอเหนือ และผาหล่มสัก ก็วันนั้นกะจะเดินรอบภู ฯ ก็ได้รอบจริง ๆ ครับ แต่เต็มกลืนเลย เหนื่อยมาก) ไปแวะทานข้าวที่ผาหล่มสัก หลาย ๆ คนบอกว่าข้าวผัดที่ผาหล่มสักอร่อยที่สุด ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ ก็เดินมาทั้งวัน หิวก็หิว แต่เมนูแนะนำอีกอย่างที่ผมกับเมียชอบมากก็คือน้ำแข็งใสครับ แม้ว่าอากาศบนภูฯจะเย็นยังไง แต่หลังจากเดินมาเหนื่อย ๆ ทานแล้วชื่นใจมากครับ หลังจากแวะพัก รวมทั้งนอนหลับเอาแรงสักพักที่ผาหล่มสัก (แม่ค้าที่ผาหล่มสักให้ยืมเสื่อมาคนละผืนเอาไปปูนอน) หลังจากตื่นนอนแล้วเราตัดสินใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาอื่นเนื่องจากระยะทางจากผาหล่มสักกับที่พักค่อนข้างไกล หากรอดูจนพระอาทิตย์ตกคงต้องเดินอีกนานและอีกไกลจึงตัดสินใจเดินต่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาจำศีล ซึ่งความสวยงามคิดว่าไม่แพ้ผา อื่น ๆ และที่สำคัญ ไม่ค่อยมีคนมายืนมาแย่งมาเบียดมาบังพื้นที่ชมครับ จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 13:04:20

ความคิดเห็นที่ 10 การเที่ยวชมบรรยากาศบนภูฯ ผมขอแนะนำว่าควรจะเป็นผู้ที่คอยสังเกต คอยฟังเสียงต่าง ๆ ด้วยนะครับอย่าก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียวเพราะบนภูฯ มีอะไรให้ดูให้ชมไม่แพ้บรรยากาศที่เย็นสบาย สิ่งที่ผมและเมียได้เห็นมีเยอะแยะเลยครับ ตอนกลางวันนอกจากนกชนิดต่าง ๆ ที่คอยโผบินไปมาระหว่างต้นไม้แล้ว เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองไปบนยอดไม้เห็นสัตว์ตัวหนึ่งกำลังแทะลูกสนสามใบอยู่ตัวค่อนข้างใหญ่ ใช่ครับพญากระรอก พอเดินไปดอีกนิดก็เห็นเหยี่ยวรุ้งตัวใหญ่กำลังกาง       ปีกร่อนอย่างสง่างามอยู่บนท้องฟ้า ตอนเย็น ๆ จะเป็นช่วงที่หมูป่าออกมาหากินใกล้กับที่พักหรือร้านค้า ผมกับเมียโชคดีอีกเช่นเคยหลังจากเดินมาทั้งวันแวะจะเข้าห้องน้ำแถวผาหมากดูกก็เจอกับหมูป่าตัวเบ้อเริ่ม พ่อค้าแสนใจดีที่นั่นบอกว่ามันไม่ดุผมก็เลยเดินเข้าไปหมายจะถ่ายรูปหมูป่าธรรมชาติซะหน่อยแต่ต้นไม้เยอะครับ แม้มันจะตัวใหญ่และเหมือนเดินอย่างนวยนาดแต่ก็กลับลับหายไปในพงไม้ซะอย่างนั้น ตกลงว่าอดเลยรูปหมูป่า พอกลับมาที่เต้นท์สัตว์อีกชนิดหนึ่งที่รออยู่ในจุดกางเต้นท์ก็คือกวางครับ ที่เห็นมีอยู่หลัก ๆ น่ะ 2 ตัวครับ ตัวผู้กับตัวเมีย ตัวเมียชื่อทอง ตัวผู้ชื่อน้อย (ไม่รู้มันเป็นผัวเมียกันหรือเปล่านะครับ แต่แม่ค้าบอกว่าตัวเมียมันท้อง บางวันมันจะอารมย์ไม่ค่อยดี) แม่ค้าที่นั่นเขาเอาผักเอาผลไม้มาเลี้ยงพวกมัน พอถึงเวลาก็เห็นพวกมันมายืนรออยู่ที่หน้าร้านเพื่อรอกินเศษผักที่แม่ค้าเอามาให้ ผมก็อยากเลี้ยงพวกมันมั่งครับแต่ไม่รู้จะเอาอะไรให้มันกินจะซื้อผักเลี้ยงพวกมันก็แพงเหลือเกิน (ผมบอกไปหรือยังครับว่าของบนภูฯจะแพงกว่าข้างล่างนะครับเนื่องจากแม่ค้า พ่อค้าเขาต้องเสียงค่าจ้างลูกหาบหาบของขึ้นไปขายข้างบน แต่ราคาค่าหาบจะถูกกว่านักท่องเที่ยว คือนักท่องเที่ยวเสียกิโลกรัมละ 15 บาท แต่พวกแม่ค้า พ่อค้าเขาจะคิดกิโลกรัมละ 10 บาทครับ) ตาเหลือบไปเห็นนังเล็ดในเต้นท์เลยหันไปถามเมียว่ากวางมันกินนังเล็ดหรือเปล่า นังเล็ดมันเป็นธัญพืชนะ (ผมถามเมีย พร้อมทั้งให้เหตุผลในเวลาเดียวกันเพื่อให้เมียเออออ) แต่มีคำถามย้อนกลับมาคำนึงว่าถ้าหากมันเกิดติดใจนังเล็ดขึ้นมาแล้วใครจะไปหาให้มันกิน (เออใช่) แต่ก็ไม่เป็นไรก็อยากจะเลี้ยงนี่นา ในที่สุดนังเล็ดหมดไปถุงนึงครับมันเคี้ยวนังเล็ดอย่างอเร็ดอร่อยเสียงเคี้ยวดังกร๊วบ ๆ เชียว ยังครับสัตว์บนภูฯยังไม่จบและยังไม่หมดเท่านั้นยังมีอีกครับ มีวันหนึ่งที่ผมกับเมียเดินทางเพื่อไปชมธรรมชาติแถวน้ำตกที่ในเขตติดต่อกับป่าดงดิบสิ่งที่คาดไม่ถึงและไม่คิดว่าจะได้เห็นก็คือ ... (ไม่ใช่ช้างครับ ถ้าเจอคงวิ่งกันป่าราบ) ชะนีครับ ชะนีตัวเป็น ๆ และไม่ได้มีแค่ตัวเดียว มันมากันเป็นครอบครัวเลย ที่เห็น ๆ น่ะ 3 ตัว (เขาบอกว่าถ้าเจอชนีแสดงว่าบริเวณนั้นเป็นป่าที่สมบูรณ์ และอาจกำลังหลงเข้าไปในป่าลึก ผมเคยมีประสบการณ์เจอชะนีครั้งนึงที่เขาใหญ่ ตอนนั้นเดินป่าครับ ไปกับเมียอีกเช่นกัน ก็เดินอยู่ดี ๆ ทางที่เดินอยู่ก็เริ่มเหมือนไม่ค่อยมีคนเดินบ่อยนัก ใช่ครับหลงเข้าไปในเส้นทางศึกษาชะนีของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ดีนะที่ไหวตัวและเดินกลับถูกทางไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มาเขียนเล่าเรื่องราวให้เพื่อน ๆ ฟังแล้ว) เสียงชะนีตัวหนึ่งร้อง อีกตัวขานรับกันให้ลั่นป่าเลย ผมกับเมียเลยพยายามเข้าไปให้ใกล้มากที่สุด สมใจครับแทบจะอยู่ใต้ต้นที่มันห้อยโหนกันอยู่เลย แต่คราวนี้ผมกับเมียไม่ได้หลงเข้าไปในเส้นทางศึกษาชะนีหรอกนะครับ พวกเขาออกมาโชว์ตัวให้ผมกับเมียเห็นเอง แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 53 14:41:16 จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 13:36:35

ความคิดเห็นที่ 11 สิ่งหนึ่งที่ไม่เขียนไม่ได้เมื่อไปภูกระดึงก็คือเมเปิลครับ เขาบอกว่าถ้าขึ้นภูฯต้องไปดูเมเปิล ใบสีแดง ๆ ของมันสวยงามมากในป่าเมืองไทย แต่ตอนที่ผมไปต้นเมเปิลที่ใบแดงๆ น่ะมีอยู่แค่ต้นเดียวแล้วก็ใบไม่ได้แดงทั้งต้นด้วย เมียผมเลยบังคับแกมล่อหรอกว่าจะต้องกลับมาภูกระดึงอีกครั้งเพื่อมาดูเมเปิลสวย ๆ ข้อมูลเพิ่มเติมจากแม่ค้าที่นั่นบอกว่าถ้าจะมาดูเมเปิลสวย ๆ ต้องมาประมาณเดือน 5 ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้ง เขาเรียกว่า ไฟเดือนห้า ครับ เจ้าหน้าที่จะพาเดินเข้าไปในป่าปิด ซึ่งช่วงเปิดอุทยานจะไม่สามารถเข้าชมได้ ต้องรอประมาณเมษาหรือพฤษภา ครับ ผมเลยคิดว่าต้องกลับมาอีกครั้งนึงเพื่อมาชมความงามของเมเปิลและธรรมชาติของป่าปิดภูกระดึงครับ สุดท้ายก่อนจบเรื่องภูกระดึงมีข้อมูลที่เก็บมาฝากครับ คือทุก ๆ ปีจะมีการสงน้ำพระบนภูฯ ประมาณเดือนเมษายน วันที่สงน้ำพระทางอุทยานจะอนุญาตให้ขึ้นฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมมีอาหารให้ทานฟรีอีกต่างหากครับ ชาวบ้านบ้านศรีฐาน แม่ค้า พ่อค้า พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าไม่ติดธุระจำเป็นอะไรจริง ๆ ก็จะขึ้นไปสงน้ำพระข้างบนครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก คนหนุ่ม ยันคนแก่ แต่คนแก่ที่นี่แข็งแรงนะครับเดินขึ้นเขากันเฉยเลยไม่เหมือนคนเมืองอย่างผม นี่ก็กะว่าถ้ามาครั้งหน้าต้องฟิตมากกว่าครั้งนี้ครับเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มาภูกระดึง ก็เลยใช้เวลาในการชมสถานที่และบรรยากาศจนคุ้ม อ้อสำหรับวันที่ที่สงน้ำพระในปีนี้หากใครสนใจก็ลองโทรไปถามที่อุทยานนะครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวการเที่ยวกับเมียของผม ส่วนตอนต่อไปจะมาเล่าเรื่องเกาะวัวตาหลับครับ เปลี่ยนบรรยากาศไปทะเลบ้าง สลับกับขึ้นเขาจะได้ไม่เบื่อสวัสดีครับ จากคุณ : MoaD เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 14:25:45

ความคิดเห็นที่ 12 ภูกระดึงไม่เคยไปเลยค่ะ ถ้ามีรูปประกอบด้วยคงดีนะคะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 01:40:59

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อถึงหลังแปควรศึกษาเส้นทางคร่าว ๆ ก่อนครับ จากคุณ : แผนที่ภูกระดึง (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:43:35

ความคิดเห็นที่ 14 สัตว์บนภูกระดึง จากคุณ : เจ้าน้อยกวางตัวผู้ (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:46:26

ความคิดเห็นที่ 15 อีกตัวครับ จากคุณ : ผีเสื้อระหว่างทางเดินขึ้นภูฯ (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:49:12

ความคิดเห็นที่ 16 กวางตัวเมียมาเยี่ยมถึงเต้นท์ จากคุณ : เจ้าทอง (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 12:53:53

ความคิดเห็นที่ 17 แหงนหน้ามองหาชะนี บนยอดไม้ จากคุณ : ค้นหา (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:00:46

ความคิดเห็นที่ 18 ทุ่งหญ้า และป่าสน จากคุณ : ท้องทุ่ง (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:04:37

ความคิดเห็นที่ 19 ทุ่งหญ้า ป่าสน (อีกภาพ) จากคุณ : ท้องทุ่ง (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:06:49

ความคิดเห็นที่ 20 ปลายทางคือจุดชมพระอาทิตย์ จากคุณ : on the way (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:09:42

ความคิดเห็นที่ 21 ที่นี่ใคร ๆ ก็มา ผาหล่มสัก จากคุณ : ผาหล่มสัก (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:12:53

ความคิดเห็นที่ 22 มองชะนี จากคุณ : มองชะนี (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:15:16

ความคิดเห็นที่ 23 เมเปิลเขียว จากคุณ : เมเปิลเขียว (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:19:02

ความคิดเห็นที่ 24 เมเปิล กำลังเปลี่ยนสี จากคุณ : เปลี่ยนสี (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:21:02

ความคิดเห็นที่ 25 ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า จากคุณ : รอยเท้า (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:23:15

ความคิดเห็นที่ 26 ตามรอยสัตว์ป่า จากคุณ : ตามรอย (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:27:25

ความคิดเห็นที่ 27 เบื้องหลังความาสะดวกสบาย จากคุณ : ลูกหาบ (MoaD) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 13:29:37