Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตราบรัก เคียงใจ บทที่ 15  

เสียงโหวกเหวกเรียกชื่อเล่นเธอดังจากหน้าประตูบ้านแต่เช้าทำให้ปั้นหยาละมือจากการพับเสื้อผ้าพลางชะเง้อมองอาคันตุกะผ่านทางหน้าต่างมุ้งลวด ความจริงเธอจำเจ้าของเสียงได้นับตั้งแต่ได้ยินคำแรกเสียด้วยซ้ำ หากเพียงแค่อยากให้แน่ใจเท่านั้นว่านั่นคือนางสาวตื่นสายเสมอ (โดยเฉพาะในวันหยุด) ตัวจริงเสียงจริง ซึ่งพอเห็นศีรษะประดับด้วยเรือนผมสั้นกุดคุ้นตาโยกไปเยกมา หญิงสาวก็ลุกขึ้นจากพื้นและเดินไปหาเป้าหมายพร้อมกับตะโกนถาม

“ม่วง มีอะไรเหรอ”

นานมากแล้วที่เพื่อนไม่มาเยี่ยมเยียนแต่เช้าตรู่ ซึ่งครั้งล่าสุดเท่าที่ปั้นหยาจำได้คือตอนช่อม่วงเลิกกับเชษฐา หากแม่คนหน้าโทรมเหมือนยังไม่ผ่านการล้างน้ำกลับเกาศีรษะ หาวปากกว้างก่อนตอบ

“พ่อไปธุระกับพวกลุงติ่งอ่ะ เลยว่าจะมาขอข้าวบ้านแกกินหน่อย ขี้เกียจทำ”

ปั้นหยายิ้มพลางเปิดประตูให้กว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนขี่สนิมสร้อย จักรยานแม่บ้านรุ่นคุณป้ามา ซึ่งคงสะดวกกับคนเดินผ่านไปมามากกว่าถ้าจะเก็บมันไว้ในบ้านด้วยถนนคอนกรีตภายในชุมชนนั้นค่อนข้างแคบแถมยังติดคูน้ำ และหลังจากลากจักรยานจนผ่านพ้นเข้ามาในบริเวณบ้านเรียบร้อยแล้วช่อม่วงก็พูดพลางเหยียบขาตั้งวาง

“สายๆ ฉันว่าจะไปหาซื้อสีมาแต่งตัวให้ยัยสนิมสร้อยสักหน่อย แกจะไปด้วยกันป่ะ”    

“ได้สิ แต่รอฉันจัดกระเป๋าเสร็จก่อนนะ”  

“ไม่มีปัญหา เพราะกว่าฉันจะตื่นอีกรอบก็สายพอดีนั่นแหละ” หญิงสาวพูดพลางยิ้มกว้าง เล่นเอาปั้นหยาเกือบถองเพื่อนด้วยความหมั่นไส้แทบทันที ความจริงเธอก็เดาได้แต่แรกอยู่แล้วกับสภาพกระเซอะกระเซิงนั่น หากครั้งนี้เธอไม่อยากให้ช่อม่วงมายุ่มย่ามกับเก้าอี้ยาวเพราะมันถูกนำไปใช้ในการวางเสื้อผ้าเต็มหมดเรียบร้อย ดังนั้นถ้ายัยคนขี้เซาอยากนอนต่อก็ต้องเป็น...

“ขึ้นไปนอนบนห้องเอาไหม”

เสนอไปโดยรู้อยู่ว่าไม่มีทาง บ้านของปั้นหยาเป็นบ้านสองชั้นขนาดเล็กทำจากไม้ทั้งหลังแถมยังเก่าซอมซ่อเหมือนกับบ้านในชุมชนเดียวกันอีกจำนวนมาก ห้องนอนมีเพียงห้องเดียวและไม่สามารถต่อเติมเพิ่มได้ ซึ่งในจุดนี้ช่อม่วงทราบดี หากเธอไม่เคยถืออภิสิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทขึ้นไปนอนบนห้องที่มีเพียงความทรงจำเฉพาะสองแม่ลูกแม้รู้ว่าครอบครัวนี้ไม่เคยคิดมากก็ตาม ดังนั้นคำตอบของข้อเสนอนี้จึงกลายเป็นอาการส่ายศีรษะอย่างแรง

ก็กะไว้แล้วล่ะนะ... “หรือจะนอนกับพื้นล่ะ”
   
“หนอยแน่... นอนกับพื้นเหรอ คิดว่าคุณช่อม่วงเป็นใครกันยะ” ว่าพลางเท้าสะเอวและยืดอก แสร้งทำสีหน้าไม่พอใจก่อนพูดต่อ “ฉันก็ต้องนอนได้อยู่แล้วสิ”

“งั้นก็ตามสบายเลย” เจ้าบ้านพูดพลางเปิดประตูมุ้งลวดเพื่อให้แขกขาประจำเข้าไปพักผ่อนตามอัธยาศัย หากแขกคนที่ว่ากลับทำหน้าประหลาด เพราะดูเหมือนพื้นก็ไม่มีที่ว่างพอจะเอนหลังได้เช่นกัน

“นี่แม่รับงานจากยัยป้ามหาภัยนั่นมาทำอีกแล้วเหรอ” ช่อม่วงถามพลางก้มปัดเศษพลาสติกซึ่งเป็นส่วนประกอบของดอกไม้ประดิษฐ์ออกไปให้พ้นทาง ปั้นหยาพยักหน้าพลางตอบ

“ใช่ แม่บอกว่าอยู่บ้านเฉยๆ แล้วเบื่อน่ะ”

“โธ่ แม่ขา ถ้าอยากทำจริงๆ หนูว่าร้อยพวงมาลัยดีกว่าค่ะ พอวันหยุดปุ๊บหนูกับเปิ้ลจะได้ไปขายที่สี่แยก”

เสียงนั้นดังพอจะให้คนทั้งบ้านได้ยินทีเดียว แต่ปั้นหยารู้ดีว่าถ้าแม่เธอได้ยินเข้าก็ไม่โกรธยัยเพื่อนสนิทตัวดีหรอก เพราะช่อม่วงเคยเสนอความคิดเดียวกันนี้และเอาพวงมาลัยไปช่วยขายที่สี่แยกจริงๆ มาแล้ว ทว่า...

“แม่ไม่อยู่จ้ะ ไปบ้านยายที่ต่างจังหวัดน่ะ”

“อ้าวเหรอ โธ่เอ๋ย... เสนอมติเก้อเลยฉัน”

“อาจจะไม่เก้อก็ได้ เดี๋ยวฉันบอกแม่ให้” ปั้นหยาพูดพลางนั่งลงเพื่อพับเสื้อต่อ ช่อม่วงนั่งตามและหยิบตัวที่ใกล้มือมาช่วยพับก่อนถาม

“ว่าแต่แกจะเอาเสื้อผ้าไปหมดนี่เลยเหรอ ไปแค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่หรือไง”

“ไม่หมดหรอก เพียงแต่ฉันอยากจัดตู้เสื้อผ้าใหม่ด้วยน่ะ”

“อ๋อ” จบแล้วก็สะบัดเสื้อตัวใหม่ หากยังไม่ทันลงมือพับ แม่มนุษย์เจ้าปัญหาถามต่อ “ถามจริงดิ แกคิดว่าเจ้านายแกเป็นยังไง”

“ก็หล่อดีไง เธอเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ช้าย ฉันหมายถึงแกคิดว่าเขา... แปลกไหม”

คำถามของเพื่อนสนิททำให้หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างฉงน แน่ล่ะ... เธอคิดว่าเขาแปลก แต่มันควรไหมที่จะทำตัวเป็นเลขานินทานาย หากระหว่างคิด คนที่รู้จักปั้นหยาดีมาแสนนานก็กล่าวดักคอ

“บอกมาตามตรงเหอะ แกคิดใช่ไหม”

คำตอบรับคืออาการพยักหน้า ซึ่งนั่นมากพอแล้วสำหรับเรื่องนินทาคนไม่ใช่เจ้านายโดยตรง อีกอย่างเพื่อยืนยันกับเพื่อนซี้ด้วยว่าไปฮ่องกงสองต่อสองกับชายหนุ่มรูปงามครั้งนี้หายห่วงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

“ดีแล้วที่แกเอะใจ คือ... ฉันได้ยินมาว่าเจ้านายแกเป็นเกย์อ่ะ”

ข่าวนั้นเชื่อถือได้ทีเดียว อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่า ‘เต้’ ที่เกริกเกียรติบอกว่าหน้าคล้ายเธอมากเป็นผู้ชาย แต่เรื่องนั้นช่อม่วงไม่จำเป็นต้องรู้นี่นะ... ปั้นหยายิ้มก่อนแซวเพื่อน

“ใส่ร้ายกันแบบนี้ กลัวฉันจีบคุณนครินทร์หรือไง”

“เฮ้ย เปล่า ฉันแค่ไม่อยากให้แกกังวลกับการไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายสองต่อสองตั้งอาทิตย์”

รอยยิ้มกว้างขวางมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง หญิงสาววางมือจากผ้าที่เพิ่งเริ่มหยิบมาพับแล้วเอื้อมไปหยิกแก้มของช่อม่วงอย่างหมั่นเขี้ยว

“ขอบใจนะม่วง”

หากคำขอบใจกลับถูกตอบแทนด้วยการที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาขยี้ผมพลางโยกศีรษะของตนไปด้วย พักใหญ่ทีเดียวกว่าต่างคนจะปล่อยมือ และเมื่อเป็นอิสระแล้ว สองสาวก็หัวเราะประสานเสียงกันลั่นบ้าน ช่อม่วงสบายใจแล้วกับการบอกความจริงนับตั้งแต่ได้ยินเรื่องนี้จากกฤษณา หากคนใกล้ชิดนครินทร์มากกว่าอย่างปั้นหยากลับต่อยอดความคิดออกไปอีกเล็กน้อย เมื่อความประหลาดของเจ้านายซึ่งเธอสัมผัสได้หาใช่เรื่องที่เขารักเพศเดียวกัน ทว่าเป็นเรื่องใดนั้นเธอก็ยังไม่ทราบแน่ชัด

เอาเถอะ ถ้าถึงเวลานครินทร์คงบอกเอง ในเมื่อเพื่อนรักอย่างยุคันต์ ธรรม์เทพ พี่เง็ก หรือแม้กระทั่งคนนอกอย่างเธอพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเขาตลอดอยู่แล้วนี่นา

กำลังคิดเพลินๆ เพื่อนสนิทก็พูดขึ้นมาว่า

“เออใช่ ว่าจะถามเรื่องเมื่อวานที่คุณนครินทร์พานายแย้ออกไปแล้วหายจ้อยเลย เธอรู้รึเปล่าว่าสองคนนั่นเค้า...”

ช่อม่วงเพิ่งระลึกได้ว่าเรื่องพวกนั้นไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด ตาสัตว์เลื้อยคลานจะเป็นคู่ขาหรือคนรักของนครินทร์ก็หาใช่ความที่เธอต้องมาใส่ใจกันนี่นา แต่ปั้นหยาไม่ทราบถึงนัยยะสำคัญ เธอจึงตอบเพื่อนตามตรง

“คงกลับด้วยกันนั่นแหละ เพราะคุณนครินทร์ต้องการห้ามคุณยุคันต์ไม่ให้พบผู้หญิงคนหนึ่ง”

“ผู้หญิงเหรอ ใคร... อ่ะ” รีบลดเสียงลงทันทีเพราะรู้สึกว่าตนพูดห้วนกระด้างเกินไป แต่คนฟังกลับตอบคำถามตามปกติเหมือนไม่สะดุดใจกับสิ่งใดเลย  

“ไม่รู้สิ วัยน่าจะประมาณแม่ แถมหน้าตาคล้ายคุณยุคันต์อยู่นะ”

“หมายความว่านั่นคือแม่ตาแย้ เอ๊ย ยุคันต์เหรอ”

“อาจเป็นญาติก็ได้ เพราะถ้าเป็นแม่ ทำไมต้องห้ามไม่ให้พบด้วยล่ะ”

เออ จริง... หรือบางทีผู้หญิงคนนั้นคงเป็นคนรักเก่านายแย้ก็ได้ มีถมไปมิใช่หรือที่คนรักจะมีหน้าตาคล้ายกัน... ว่าแต่... ทำไมในอกถึงปวดจี๊ดๆ นะ

ปั้นหยามองเพื่อนซึ่งตั้งอกตั้งใจพับผ้าโดยไม่ถามไถ่อะไรต่อพลางยิ้มอย่างรู้ทัน ดูเหมือนช่อม่วงเริ่มประทับใจบางสิ่งบางอย่างในตัวของยุคันต์เข้าแล้ว ส่วนจะใช่หรือเปล่านั้นเธอเชื่อแน่ว่ายัยปากแข็งทราบดีแก่ใจ เพียงแต่ยังกลัวเสียฟอร์มหรือไม่ก็กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบเมื่อครั้งคบเชษฐา หากเธอเชื่อมั่นแน่ว่าถ้าทั้งคู่มีหัวใจที่ตรงกัน อีกไม่นานฟ้าคงประทานเหตุการณ์ดีๆ เพื่อให้รักมาอยู่เคียงคู่ใจหนุ่มสาวสองคนนี้อย่างแน่นอน  

ข่าวปั้นหยาไปฮ่องกงกับท่านประธานบริษัทกันตามลำพังเป็นที่ฮือฮาอย่างมากทั้งบริษัท เพราะนิสัยของนครินทร์และชื่อเสียงในเรื่องไร้เลขามาหลายปีดีดักทำให้หลายคนค่อนข้างมั่นใจว่าหญิงสาวน่าจะไม่พ้นโปรเหมือนรายอื่นๆ หากระยะเวลาซึ่งผ่านมาได้เกือบเดือนก็การันตีอย่างแน่นอนแล้วว่าเธอไม่ธรรมดา แต่หลังจากเจ้านายกับเลขาไปต่างประเทศเพียงวันเดียว กลับมีข่าวเล็ดรอดออกมาว่าคุณนายกิมลั้ง ผู้ก่อตั้งบริษัทและมารดาของนครินทร์คือผู้เรียกทั้งสองไปพบ นั่นหมายถึงปั้นหยาอาจมีสิทธิ์กลายเป็นหุ้นส่วนบริษัทในอีกไม่ช้านี้ก็ได้ แน่นอนว่าข่าวนั้นไร้สาระมากสำหรับช่อม่วง ด้วยเธอรู้ตื้นลึกหนาบางมากกว่าผู้คนทั้งหลายที่ถูกหน้ากากอันหล่อเหลาปานเทวดานั่นหลอกเอา

ทว่าความอดทนก็เกือบสิ้นสุดลงในสองวันถัดมา ด้วยแม่สามสาวเออีเลดี้แก๊งค์คอยแวะเวียนมากระแนะกระแหนเธอในช่วงพักทานข้าวหลายรอบมากเกินไป หนำซ้ำหนึ่งในผู้ออกหน้าออกตาว่าชิงชังกันมากเพียงไรนั้นคือหวานหวาน... ไม่แปลกหรอก เพราะงานวันแต่งของเจษฎาเธอนั่งร่วมโต๊ะกับยุคันต์ และระหว่างนั้นยังสัมผัสรังสีอำมหิตจากฝ่ายโฆษณาโดยเฉพาะกลุ่มเออีได้อย่างชัดเจน... ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าชอบเขามากนักทำไมจึงไม่เดินไปบอกกันตรงๆ ล่ะ มาใช้เธอเป็นที่ระบายอารมณ์โดยตัวเองยังไม่ทำอะไรเลยแบบนี้ ท่านม่วงรับไม่ได้โว้ย!

หญิงสาวเริ่มเดือดปุดกับการถูกล้อมหน้าล้อมหลังทั้งด้วยคำค่อน ร่างกายและใบหน้าแตะแต้มเครื่องสำอางค์จนเกินงามของแก๊งค์สามสาว ด้วยว่าวันนี้เธอได้พักช้าเกือบสี่สิบห้านาทีเพราะนายหัวหน้าบ้าอำนาจนั่นเกิดอยากขอดูงานใหม่ก่อนบ่าย แถมตัวเองเป็นคนกินข้าวช้าอยู่แล้วอีกต่างหาก ความหงุดหงิดบวกกับท้องแสบซึ่งร้องไม่หยุดนับจากช่วงเที่ยงกว่าๆ ทำให้ช่อม่วงลุกขึ้นยืนพลางจับจานอาหารของตนไว้แน่น กะว่าถ้ายังไม่เลิกรากันล่ะก็ จะขยุ้มข้าวในจานนี้ยัดปากเป็นรายตัวเลย  

แต่สามสาวคงยังไม่ถึงคราวเคราะห์เพราะพวกเธอสงบปากทันทีเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงนั่น และหลังจากนั้นแทบเป็นวินาทีเดียวกัน ยุคันต์ก็ยิ้มหน้าแป้นแล้นเดินถือถาดอาหารเข้ามาพร้อมกับถาม

“คุยอะไรกันอยู่หรือครับสาว ๆ”

หวานหวานถึงกับสะดุ้งและรีบหลบฉากออกไปยืนเคียงข้างเพื่อนแล้วก้มหน้างุด ถ้าเป็นเมื่อก่อนช่อม่วงคงนึกสงสารอยู่หรอก แต่มาวันนี้รู้สึกหมั่นไส้ยัยแอ๊บแบ้วอย่างบอกไม่ถูก เธอปล่อยมือจากจานข้าวแล้วยิ้มหวานก่อนพูด

“บอสมาก็ดีแล้วค่ะ คุณหวานหวานมีเรื่องอยากพูดกับบอสแน่ะ”

ลองเอ่ยคำว่าบอส (แถมยังทำเสียงหวานจนน่าขนลุก) ท่าทางยัยตัวแสบคงอยากยืมมือเขาทำอะไรสักอย่าง ซึ่งสักอย่างที่ว่าก็เดาได้ไม่ยากเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ชายหนุ่มเห็นเต็มสองตา หากหวานหวานเป็นพนักงานของบริษัททำงานค่อนข้างดี มีความรับผิดชอบ ดังนั้นจะร่วมมือกับแม่จอมหาเรื่องก็ใช่ที่นัก ยุคันต์จึงทำเพียงยืนนิ่ง ยิ้มและรอคอยให้คนอยากพูดเอ่ยอะไรบ้าง ทว่าเออีสาวกลับก้มหน้าก้มตาเงียบมาราธอนจนเขาเริ่มรำคาญ... กระตุ้นสักหน่อยคงดี

“มีอะไรหรือครับคุณหวานหวาน”        

ใบหูทั้งสองข้างของแม่สองหวานแดงแป๊ดเลยเชียวล่ะ และอีกพักใหญ่ทีเดียวกว่าคำพูดแผ่วเบาจะลอดออกมาจากเรียวปากบางฉาบสีชมพูมันวาว

“เอ่อ... ลูกค้าตกลงทำสัญญากับบริษัทเรา... คือ... ฉันวางสัญญาไว้บนโต๊ะ... ค่ะ”

“ครับ ผมเห็นแล้ว” จากนั้นเขาก็ยืนยิ้มจ้องเธอคล้ายจะรอให้หญิงสาวกล่าวต่อ หวานหวานกลืนน้ำลายก่อนบอก

“เซ็นต์แล้วใช่ไหมคะ”

จากคุณ : g_maru
เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 18:52:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com