Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ครูที่ยังจำได้ ครูประถมศึกษาปีที่ 3 ก.  

ครูที่ยังจำได้ ครูประถมศึกษาปีที่ 3 ก.

ครูผิน อรัญดร  น่าจะเป็นลูกจีนเกิดในไทยแซ่ลิ้ม
(ภาษาจีนที่แปลว่า ป่าไม้) มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่อำเภอหาดใหญ่
ตำบลทุ่งลุง เกือบทั้งตำบลจะใช้แซ่ลิ้ม มีสมาคมตั้งอยู่ที่ตำบลดังกล่าว
นามสกุลนี้ก็มักจะขึ้นต้นหรือลงท้ายด้วย วน วนา พนา พนัส เป็นต้น
ดังนั้น ถ้ามาจากอำเภอสงขลาบอกว่า แซ่ลิ้ม
ให้สันนิษฐานได้ร้อยละเก้าสิบ มักมาจากตำบลดังกล่าว

ครูผินเป็นครูที่ใส่แว่นตากรอบสีดำใหญ่
หน้าสี่เหลี่ยมใบหน้าผุ จากสิวเสี้ยนที่เป็นรอยบนใบหน้า
สมัยนั้นนักเรียนชั้นประถมปีที่สามถือว่าเริ่มเป็นเด็กนักเรียนใหญ่แล้ว
ต้องเข้าร่วมกิจกรรมการเดินขบวนพาเหรด
หรือกิจกรรมกีฬาระหว่างโรงเรียนสม่ำเสมอ
มักจะถุกบังคับให้เดินจากโรงเรียนแสงทองวิทยาไปสนามกีฬากลาง
หรือไปที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ช่วงวันปิยะมหาราช
ระยะทางก็กว่าสามถึงสี่กิโลเมตร

ช่วงประถมปีที่ 3 มีช่วงหนึ่งผมชอบถามมาก
เพราะช่วงประถมปีที่สองก็อ่านหนังสือแตกแล้ว
มักจะเอาหนังสือของพี่ชายพี่สาวมาอ่านทั้งที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
ถามไปได้เรื่องบ้างไม่ได้เรื่องบ้าง แกก็ตอบไปตามประสา
แต่เวลาสอนแกมักจะเล่าเรื่องการไปเดินป่าล่าสัตว์แถวบ้านแก
หรือสถานที่ต่าง ๆ เป็นประจำในเวลาสอน หรือการใช้ปืนสั้นปืนยาว
ซึ่งวัยเด็กสมัยนั้นชอบมาก หรือถือว่าโก้มากที่ใครรู้เรื่องเกี่ยวกับปืน
หรือเคยเห็นปืนจับปืนมาบ้าง

ในช่วงนี้ก็เน้นคณิตศาสตร์คิดในใจ และเริ่มเรียนการคูณการหาร
เลขสองหลักเป็นต้น (ถ้าจำไม่ผิด)  มีวิชาภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์
เน้นการเขียนแผนที่ประเทศไทยเป็นหลัก
ก็เหมือนเดิมครูประจำชั้นคนเดียวหนึ่งคนต้องสอนคนเดียวทุกวิชา
รวมทั้งเวลาคุมสอบก็เป็นครูประจำชั้นคุมสอบเองด้วย

ช่วงสอบเทอมที่สองหลังจากทุกเช้าก็จะมีการประชุม
ที่ห้องประชุมโรงเรียนประมาณสิบถึงสิบห้านาทีทุกเช้า
ก่อนเข้าเรียนโดยมักจะเป็นการอบรมโดยคุณพ่ออธิการ
เกี่ยวกับเรื่องระเบียบบ้าง วินัยบ้าง การทำความดีบ้าง
เรื่องทั่ว ๆ ไปบ้าง (ถ้าเป็นโรงเรียนอื่นประชุมที่หน้าเสาธง)
หลังจากคุณพ่ออธิการเน้นย้ำในที่ประชุม
จะเอาเรื่องลงโทษนักเรียนที่ทุจริตในห้องสอบอย่างเด็ดขาด
โดยให้พบกับครูใหญ่และจะเรียกพ่อแม่มาพบที่โรงเรียนด้วย
หรือไม่ก็ลงโทษโดยการให้นักเรียนขึ้นมาบนเวทีประชุมแล้วตีบนหน้าเวที
ที่โรงเรียนนี้จะมีการประชุมตั้งแต่ประถมปีที่หนึ่งถึงมัธยมศึกษาปีที่สาม
ร่วมร้องเพลงชาติกันทุกเช้าและสวดมนต์
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงคุ้มครองสอดส่องดูแลเรา
ด้วยความรักและเมตตาอย่างยิ่ง โปรดประทานพรแก่ข้าพเจ้าให้ได้เรียนรู้
ในวันนี้ด้วยดี อาเมน ในตอนเช้าและตอนเย็นหลังเลิกเรียน
มีข้อแปลกอย่างว่าแม้จะมีการสวดมนต์กันอย่างนี้ร่วมสิบปีที่เรียนโรงเรียน
แต่ปรากฏว่ามีนักเรียนเปลี่ยนศาสนาไม่เคยเกินกว่าห้าคนในแต่ละปี
ทั้งที่สมัยผมเรียนมีนักเรียนประมาณหนึ่งพันห้าร้อยคนเศษเป็นชายล้วน
แต่นักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามในสมัยนั้นมีแต่ก็น้อยมาก ๆ

วิชาแรกของวันแรกหรือวันที่สองจำไม่ค่อยได้แล้ว
ในการสอบ  อยู่ ๆ แกก็เรียกผมกับหัวหน้าห้องที่นั่งโต๊ะติดกัน
(จำชื่อไม่ได้แล้ว) การสอบในสมัยนั้นไม่มีการแยก
โต๊ะสอบกระจายออกจากกัน เพื่อป้องกันการลอกข้อสอบ
สมัยนั้นเขียนโจทย์ข้อสอบบนกระดานดำแล้ว
ให้นักเรียนตอบในกระดาษคำตอบที่เป็นของโรงเรียน
ยกเว้นวิชาคณิตคิดในใจ ที่ครูอ่านแล้วให้คิด
พร้อมเขียนคำตอบลงบนกระดาษเลย
ผมกับเพื่อนก็ถูกให้ออกไปยืนนอกห้อง
แล้วแกบอกในห้องเรียนกับครูประจำชั้นข้างห้องว่า
ผมกับเพื่อนห้องทุจริตในห้องสอบ
แล้วก็เดินไปปรามเด้กในห้องเรียนว่าใครทุจริต
ก็จะโดนอย่างนี้ แต่หลังจากอีกประมาณครึ่งชั่วโมง
ก็ให้ผมกับเพื่อนเข้าสอบตามปกติและไม่ได้มีการบันทึก
หรือส่งครูใหญ่ว่า มีการทุจริตในการสอบแต่อย่างใด
คล้าย ๆ กับเป็นการเชือดใก่ให้ลิงดูหรือเขียนเสือให้วัวกลัว
วันรุ่งขึ้นก็นั่งสอบได้ตามปกติ แต่ทั้งห้องก็นั่งสอบกันเงียบ
ไม่มีการยุกยิกหรือพูดคุยกันมาก เพราะกลัวว่าจะถูกจับ
ข้อหาทุจริตเหมือนผมกับเพื่อนอีกคน
ส่วนผลการสอบผมก็ติดกลุ่มหนึ่งในสิบเหมือนเดิม
ไม่มีโทษทัณฑ์จากการทำผิดหรือทุจริตในการสอบ
แต่อย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้นเลย

ภายหลังจากโตมากขึ้นก็รำลึกได้ว่า
น่าจะเป็นการจัดอีแวนต์หรือการแสดง
ที่ค่อนข้างไม่เข้าท่าหรือเป็นธรรมอย่างมาก
โดยเอานักเรียนมาแสดงให้คนอื่นเห็นพฤติกรรม
ที่ไม่เหมาะสมในห้องสอบเพื่อปราบคนอื่น ๆ
เพราะถ้าเด็กนักเรียนถ้าผิดจริง
ทำไมไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระเบียบโรงเรียน
หรือตักเตือนภาคทัณฑ์ตามระเบียบ
รวมทั้งมีผลต่อการสอบในรายวิชานั้น ๆ เลย

หลังจากนั้นผมก็เลิกมีคำถามกับแกและก็เลิกสนใจกับแก
เรียนไปตามประสา
เรื่องนี้พี่ชายที่เรียนห้องเดียวกันกับผมเคยบอกว่า
แกไม่ได้ฟ้องแม่ในเรื่องที่ผมโดนออกจากห้องเพราะ
ถูกจับว่าทุจริตในการสอบแต่อย่างใด
และแม่ก็ไม่ทราบในเรื่องนี้มาตลอดจนทุกวันนี้

จากคุณ : ravio
เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 14:14:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com