ในความฝัน (ปรับปรุง)
|
|
ในความฝัน
ณ สถานที่ซึ่งท้องทุ่งเขียวขจีทอดไกลสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นเอื่อยพัดพากลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ใบหญ้านานาพันธุ์ให้อบอวลไปทั่วบริเวณ ไม่เคยมีสักวันที่ท้องฟ้าจะมืดครึ้มหรือซีดจางลง
เฮ้...เธออยู่ไหนน่ะ
พักหนึ่งแล้วที่ชายหนุ่มเที่ยวร้องเรียกวนไปเวียนมาด้วยคำพูดซ้ำๆ เดิมๆ ในสถานที่อันคุ้นเคยแห่งนี้ มันเป็นสถานที่ๆ มีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ
...ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจทุกครั้งที่ได้มาเยือน และเพื่อที่จะมาพบเธอ...
ใต้ไม้ใหญ่ต้นนี้ ทุกวันที่ชายหนุ่มมาถึงเขาจะพบหญิงสาวร่างเล็กบอบบางยืนส่งยิ้มน้อยๆ อันแสนอบอุ่นอยู่ก่อนแล้วเสมอ
ใต้ร่มเงาซึ่งให้ความเย็นสบายทั้งกายใจทุกครั้งที่ได้พักพิง ใบไม้ไหวเอน เสียงใบไม้เสียดสีกันตามแรงลมนั้นราวกับพวกมันพร้อมใจกันขับขานบทเพลงเพื่อคอยต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเขาด้วยความปีติ
หากทว่าในวันนี้กลับมีอะไรแตกต่างจากเดิม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววหญิงสาวเลยทั้งๆ ที่ในยามปกติเธอจะต้องมีคอยเขาอยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มกวาดสายตาอีกครั้งและอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจ
นี่ ฉันอยู่นี่
เสียงเล็กสดใสดังขึ้นด้านหลัง มือน้อยๆ สะกิดต้นแขน ทำให้ชายหนุ่มเหลียวกลับไปมองด้วยความดีใจ ใบหน้าอยู่ชิดจนเกือบจะชนกับใบหน้าของหญิงสาว
ทันทีที่ได้เห็นหน้า รอยยิ้มปรากฏขึ้นกลบร่องรอยความกังวลแทบจะในทันที ใบหน้ากลมอันคุ้นเคย หญิงสาวยิ้มกว้างตอบรับรอยยิ้มของชายหนุ่ม
ทำไมวันนี้เธอมาช้าจัง
สิ้นสุดคำถามของชายหนุ่ม แววตาหม่นฉายอยู่ในดวงตากลมโตก่อนที่เธอจะพยายามกลบรอยประหวั่นนั้นด้วยรอยยิ้มสดใส
เถอะน่า ว่าแต่วันนี้เธออยากไปไหนล่ะ
หญิงสาวถามเหมือนๆ กับทุกวันที่เขามาพบเธอ พยายามประคองน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุด
แล้วแต่เธอสิ ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นถ้ามีเธอไปด้วย ว่าแต่เธออยากพาเราไปไหนล่ะ
หญิงสาวทำท่าตรึกตรองอยู่พักหนึ่งก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรออก
อ้อ เอาที่นี่ละกันนะ
ที่ไหนเหรอ
บอกไปก็ไม่รู้หรอก ไว้คอยดูเองละกัน
สิ้นเสียงพูด หญิงสาวดีดนิ้วดังเปาะ ดอกไม้หลากสีผุดขึ้นมาจากทุ่งเขียวขจีดอกแล้วดอกเล่า สีแดง เหลือง ม่วง ชมพู ทีละดอก ทีละดอก จนทุ่งทั้งทุ่งถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสวยงาม
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสีแดงสดกลมโตทอแสงสุดท้ายสีส้มเย็นตาอยู่ปลายขอบฟ้า กระท่อมไม้หลังน้อยผุดขึ้นมาจากพื้นดินโดยมีดวงอาทิตย์เป็นฉากหลัง เงาทอดผ่านทุ่งดอกไม้มายังทั้งสอง
ชายหนุ่มมองบรรยากาศตรงหน้าอย่างลืมตัว รอยยิ้มปรากฏได้ไม่ยากเย็น หญิงสาวชำเลืองมองและอดยิ้มตามออกมาไม่ได้
ท่าทางดีใจเมื่อได้เจอสิ่งที่ชอบราวกับเด็กที่ได้ซื้อของเล่นที่อยากได้อย่างนี้ล่ะที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ท่าทางที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ท่าทางที่ทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างผ่อนคลายได้ทุกครั้ง
ที่ไหนเหรอ สวยจัง
ชายหนุ่มถามหญิงสาว สายตายังคงชื่นชมภาพตรงหน้า
มาสิ
หญิงสาวจับมือชายหนุ่มไว้หลวมๆ ก่อนจะจูงเดินเข้าไปยังทุ่งดอกไม้ เธอสูดลมหายใจลึกเพื่อรับกลิ่นหอมของดิน ดอกไม้ ต้นไม้ใบหญ้า
ลองดูสิ
เธอหันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มพร้อมกับแนะนำให้ทำตาม
หลับตาลง สูดหายใจเข้าไปให้เต็มปอด รับฟังเสียงของธรรมชาติ เธอรู้มั้ย ดอกไม้ ต้นไม้ ธรรมชาติ กำลังคุยกับเราอยู่ เพียงแต่เราไม่เคยเปิดใจรับฟังมันเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มฟังราวกับเด็กตั้งใจฟังผู้ใหญ่สอน เขาปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย จิตใจสงบอย่างที่ไม่เคยเป็น เสียงกระซิบจากสรรพสิ่งค่อยๆ ดังขึ้น
เสียงแมลงกำลังร้องเพลง ดนตรีกำลังบรรเลงจากหมู่ใบไม้ใบหญ้า เสียงคลอของสายลมนั้นชัดเจนกว่าที่ผ่านมา
เธอรู้สึกใช่มั้ย
ใช่ ฉันรู้สึก มันไม่น่าเชื่อจริงๆ
หญิงสาวยิ้มพึงใจ เธอมองตรงไปยังดวงอาทิตย์เบื้องหน้า ทอดถอนอารมณ์
ที่นี่เป็นที่ในความฝันของฉันเอง ฉันฝันถึงที่นี่มาตลอดตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก
ชายหนุ่มหันกลับมามองและตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงสาวกำลังพูด
นานมาแล้วฉันเคยฝันว่า เมื่อโตขึ้นฉันจะสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้กับคนรัก ทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้ บ้านเล็กๆ ซึ่งรายล้อมไปด้วยความอบอุ่น
ทุกเย็นเราจะมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกันใต้ร่มไม้และรอเวลาที่จะได้นับแสงดาวที่ทอประกายขึ้นมาแทนยามค่ำคืน
ใบหน้าก้มลง ความเศร้าเจืออยู่ในแววตาและรอยยิ้ม
แต่ว่าความฝันมันก็คงเป็นได้แค่ความฝัน มันไม่มีทางเป็นจริงได้ ใช่ มันไม่มีทางเป็นจริงได้อีกแล้ว
ชายหนุ่มมองดวงหน้าหญิงสาว รู้สึกบอกไม่ถูกกับคำพูดที่ได้ฟังเมื่อสักครู่
ได้สิ เธอทำได้ ฉันจะมาหาเธอที่นี่ทุกๆ วัน เราจะอยู่ด้วยกันที่ทุ่งดอกไม้แห่งนี้ตลอดไป
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม มันเป็นดวงตาเศร้าสร้อยที่เขาไม่เคยและไม่อยากเห็น
เธอจำได้มั้ย วันนี้ที่เธอมาที่นี่ เธอพูดว่าอะไร
ชายหนุ่มไม่เข้าใจคำถามของหญิงสาว
เธอพูดว่า ทำไมวันนี้มาช้าจัง เธอรู้มั้ยที่เป็นแบบนั้น นั่นเป็นเพราะว่าเธอกำลังจะลืมฉันยังไงล่ะ
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวกำลังจะสื่อ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังพยายามพูดอะไรออกไป
เธอหมายความว่ายังไง
ความจริงวันนี้ก็เหมือนวันก่อนๆ ฉันรอเธออยู่ที่เดิมตั้งแต่แรกแล้ว ในขณะที่เธอกำลังเดินตามหาฉันไปทั่วฉันก็ร้องเรียกเธออยู่ตลอดเช่นกัน
ยิ้มจางๆ ของหญิงสาวไม่อาจทำให้บรรยากาศในขณะนี้ดีขึ้นแม้แต่น้อย
เพียงแต่ในเวลานี้ เธอไม่ได้ยินเสียงของฉันเหมือนกับวันก่อนๆ แล้วเท่านั้นเอง
ท่าทางชายหนุ่มราวกับไม่ยอมรับสิ่งที่หญิงสาวพูด น้ำเสียงสั่นเครือ
ไม่จริงหรอก ฉันจะลืมเธอได้ยังไง อย่ามาล้อเล่นกันอย่างนี้สิ
เขาส่ายหน้า ฝืนหัวเราะแข็งกระด้าง หญิงสาวมองท่าทางเหล่านั้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอเองก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร
ไม่ได้ล้อเล่นหรอก คำพูดนั้นเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าอีกไม่นานเธอก็จะลืมฉันไป เหมือนกับที่ตอนนี้เธอลืมชื่อของฉันไปแล้ว
...จริงสิ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เขาไม่เคยเรียกชื่อของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า...
แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงทำท่าทีไม่ยอมรับในความคิดที่ผุดเข้ามาในหัวสมอง เขารั้งเธอเข้ามาโอบกอด ความกลัวกำลังคุกคามจิตใจของเขา
ไม่หรอก ฉันจะไม่ลืมเธอ หรือถ้าหากมันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็ออกไปจากที่นี่ด้วยกันดีมั้ย แล้วเราจะไปสร้างครอบครัวแบบที่เธอต้องการกัน
หญิงสาวยิ้ม แววตาเศร้า ภายใต้อ้อมกอดอันคุ้นเคย
เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้ สำหรับที่นี่ฉันยังคงมีตัวตน แต่สำหรับในโลกของเธอ ในโลกของความเป็นจริง ฉันไม่ได้มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
อ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับชายหนุ่มกลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในอ้อมกอดเขาจะหายไป ใบหน้า น้ำเสียง ความรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างของหญิงสาวที่อยู่ในความทรงจำ
เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอกนะหากเธอจะลืมฉัน อย่ากังวลหรืออย่ากลัวอะไรเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรที่เวลาจะเยียวยาไม่ได้ และก็ไม่มีสิ่งใดจะคงอยู่ถาวรตลอดไป
น้ำเสียงนั้นราวกับพยายามจะทำให้ร่าเริงอย่างที่สุด แต่สีหน้าของชายหนุ่มกลับกลายเป็นตรงกันข้าม
นี่ นี่เป็นเรื่องดีนะ เพราะอย่างน้อยนี่ก็แสดงให้เห็นว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นเวลาที่เธอจะได้เริ่มก้าวเดินใหม่เสียทียังไงล่ะ
เธอผละตัวออกจากอกชายหนุ่มเล็กน้อย มือยกขึ้นแตะอกข้างซายของชายหนุ่ม
ทิ้งอดีตของเธอและฉันไว้ในนี้เถอะนะ ฉันไม่ได้จากเธอไปไหนหรอก ถ้าเธอเหนื่อย ถ้าเธอต้องการกำลังใจ เธอยังเข้ามาหาฉันได้ในนี้ยังไงล่ะ
ชายหนุ่มจ้องดวงตาหญิงสาว ใจหายบอกไม่ถูก มือแข็งแรงรั้งหญิงสาวเข้ามาแนบอกอันสั่นสะท้านอีกครั้ง
ถ้าหากมันจะต้องเป็นอย่างนั้น เวลาที่เหลือขอให้เราได้กอดเธออย่างนี้ไปเรื่อยๆ เถอะนะ ก่อนที่พรุ่งนี้จะมาแยกพวกเราออกจากกัน ก่อนที่เราจะไม่สามารทำแบบนี้ได้อีกแล้ว
หญิงสาวซบหน้าลง น้ำตารินไหล
ใช้ชีวิตให้มีความสุข เพื่อตัวเอง และเพื่อฉันนะ
เสียงกระซิบแผ่วเบาหากแต่สะท้านไปถึงหัวใจ ก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยให้ความเงียบและสรรพสิ่งรอบกายเป็นผู้บรรยายความรู้สึกในช่วงเวลาที่เหลือ
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ แสงสีส้มหม่นเศร้าสร้อย เสียงลม เสียงเสียดสีของต้นไม้ใบหญ้าเสมือนพร้อมใจกันบรรเลงบทเพลงแห่งความอาดูร
ทุกสิ่งค่อยๆ ดับมืดลง ภาพตรงหน้าเลือนรางและถอยห่างออกช้าๆ รอยกายเลื่อนลอย
ชายหนุ่มลืมตาตื่นบนเตียง น้ำตาอุ่นเรื้อขอบตา มือและแขนยังคงเกาะกุมอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น
ดวงอาทิตย์ภายนอกช่องหน้าต่างเริ่มทดแสงสดใสของวันใหม่ หากแต่จิตใจชายหนุ่มกลับวูบไหวอย่างประหลาด
เขารู้สึกเหมือนได้พบและได้ลืมเลือนสิ่งสำคัญอะไรบางอย่างกับตัวเขาไปเสียแล้ว
ฉันจะไม่ลืมเธอ
เสียงพึมพำที่เล็ดลอดออกจากปากชายหนุ่มเหมือนมีความสำคัญในความรู้สึก หากแต่เขาไม่อาจรู้ความหมายที่แท้จริงได้อีกต่อไป
ชายหนุ่มหลับตาสูดหายใจลึก เสียงบางอย่างเหมือนบรรเลงดังแว่วมาจากที่อันไกลแสนไกล ความรู้สึกเหมือนไออุ่นบางๆ โอบคลุมอยู่รอบกาย ปลอดโปร่งและไม่บีบรัดเหมือนที่ผ่านมา
มือเกาะกุมอยู่ที่อกข้างซ้าย รอยยิ้มสงบปรากฏขึ้นที่มุมปาก
...........................................
...ใช้ชีวิตให้มีความสุข...เพื่อตัวเอง...และเพื่อฉันนะ...
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ม.ค. 53 23:59:36
|
|
|
|