 |
๐ บุหรง..รำแพน...๐
|
|
เนื่องจากกระทู้เดิมเปิดดูไม่ได้... ต้องขออภัยทุกท่านที่มาคอมเมนต์ไว้ด้วยครับ.... เลยเอามาลงไว้อีกที....
๐ คล้ายว่าแดดทอดสู่..ไม่สู้ร้อน เมื่อเนตรคล้ายชายค้อน..เหลือบย้อนหา นิ่ง, เงียบงัน - แฝงเร้นความเย็นชา หากเหมือนว่าลอบเร้น..บีบเค้นใจ
๐ ค่อยค่อยเยื้อง..ค่อยค่อยย่าง..อยู่กลางแถว เนตรผ่องแผ้วลอบชาย..ก็คล้ายไหว- ตามการเพ่งพิศโลม..รูปโฉมใคร งามแจ่มใส..ยิ่งนักรูปพักตร์นั้น
๐ นุ่งห่มดำ..ทองลออ-รอบคอระหง จำหลักวงรอบแขน-ห้อมแหนขวัญ- ด้วยตุ้มหูแต่งประดับ..แบบรับกัน แล้วค่อยผันพักตร์พริ้มมาพิมพ์ใจ
๐ อ่อนหวานถึงปานนั้น..เจ้าขวัญน้อย เมื่อชม้อยเนตรพลัน-ที่สั่นไหว- ย่อมเป็นอกวาบหวามด้วยความนัย อกของใครคนหนึ่ง..ที่อึงอล
๐ ใต้ท่วงทีงำเงียบ..พักตร์เรียบเฉย คล้ายเอื้อนเอ่ยต่อกัน..นับพันหน ความรู้สึกในอก..พลอยวก-วน สุดฝ่าพ้นรูปลักษณ์..ที่ดักทาง
๐ หรือ..ผ่านล่วงลงมาจากฟ้าสูง จึงเหมือนยูงอกแอ่นรำแพนหาง เหลื่อมลายขนงดงามอยู่ท่ามกลาง- เงียบงันอ้างว้างในห้วงใจชาย
๐ สะท้อนความอาลัย..ที่ในทรวง พร้อมร่างรุ้งแสงสรวง..แผ่ช่วง-ฉาย สะท้อนเพียงวูบวับ..ก่อนลับ-วาย คือเนตรผายปริศนา..ให้คา-คง
๐ อ่อนไหวถึงปานนั้น..ดวงขวัญเอ๋ย หวั่นลับเลยรูปยูง อันสูงส่ง หลัง-พระลบบำราศ..ค่อยหยาดลง หยาดรูปรอย..ลุ่มหลงสู่ดวงใจ
๐ มีความหมายปรากฏ..ในบทบาท- เรื้องลีลาศแววระยับ..ออกขับไข แปรอบอุ่นลามล่วงเป็นห่วงใย ก็โดยนัยน์อาวรณ์..เจ้าอ่อนน้อย
๐ ลมแผ่วโผยอ่อนพลิ้ว..โลมริ้วแก้ว อ่อนเอนตามเจ้าแล้ว..จากแผ่วค่อย- จนรอบความทดท้อเคยรอคอย คล้ายอ่อนเอนเงียบหงอย..ด้วยน้อยใจ
๐ สะท้อนรูปฝ่าแดด..ผ่านแวดล้อม พักตร์ละม่อมแววตา..คล้าย-ปราศรัย สะท้อนผ่านท่วงทีอันมีนัย ผูกคล้องไว้ยึดมั่น..เป็นพันธนา
๐ เช้าชื่นนั้นน้ำค้าง..เคยวางหยาด จนโอภาสเรื้องลออทอดทอหา บริสุทธิ์และสะอาด..บำราศลา- เพื่อแฝงฝังคุณค่าให้อาวรณ์
๐ เรื่อรุ้งของดวงโคม..เมื่อโลมหล้า ก็งามเต็มคุณค่าเกินกว่า-ซ่อน จึงโชติช่วงดวงอุทัย..เหมือนไฟฟอน ลงแทรกซ้อนทับทรวงด้วยห่วงใย
๐ รอคอยมานับนาน..แต่ผ่านพลบ จึงบรรจบบริบท..งาม, สดใส ดูเอาเถิดตระการตา..ยิ่งกว่าใด ประชุมรูป-นามให้..หัวใจยอม
๐ แต่รับทราบ-งามล้ำแห่งลำแสง อุ่นก็แฝงกำลังเข้าหลั่งหลอม ที่ว่าหวานมธุรส..ยาก-อดออม เหมือนรายล้อมมธุรส..เกินอดใจ
๐ ล่องลอยผ่านฟ้าคราม..สู่งามรูป ลมแผ่วผ่านโลมลูบ..จิตวูบไหว สบชม้อยชม้ายมา...ครั้งคราใด ก็อาวรณ์อาลัยเฝ้าไขว่คว้า
๐ คล้ายว่าร้อนสรวงบนจะพ้นผ่าน เมื่อเนตรคราญเหมือนคอย-ชม้อยหา นิ่ง, เงียบงัน - แฝงเร้นความเย็นชา หากแววตามุ่งหมาย..นั้นฉายทอ
๐ หรือว่าเหล่าทิพแถนทั้งแดนสรวง จะรับรู้ความปวง..เคยบวงขอ จึงเมตตาอำนวย..จนช่วยยอ- รูปลออหยั่งร่างลงกลางใจ
๐ หรือว่า..ปวงทิพแถนทั้งแดนฟ้า รับพรรณนาสื่อผ่าน..สุดต้านไหว มาร่วมพร้องคุณค่าความอาลัย ร่วมจารบทพิสมัย..พิมพ์ใจคน
๐ รูปพักตร์เอยเผยแล้ว..หากแล้วล่วง- ถ้อยคำที่บำบวงฝากห้วงหน จะผูกล่ามเจตจินต์..ให้ดิ้นรน เกินกว่าใจจะหลุดพ้นแล้ว...คนดี
๐ ต่อแต่นี้คือวาระ..เฝ้าละห้อย ของดวงใจดวงน้อยเฝ้าคอยพี่ ขอ...อาวรณ์อาลัย..เงื่อนไมตรี อย่าได้ลี้เลือนกัน..ตราบวันวาย !
จากคุณ |
:
สดายุ...
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ม.ค. 53 10:01:06
|
|
|
|  |