*** รอยเปื้อนหน้าบ้าน ***
|
|
บ้านของผมเป็นบ้านสองชั้น หลังคาเป็นกระเบื้องสีแดง ผนังฉาบปูนสีขาว ด้านหน้าบ้านเป็นระเบียงใหญ่ โต๊ะทำงานของผมอยู่ชั้นล่างติดกับประตูมุ้งลวดขนาดใหญ่ที่มองออกไปเห็นสวน ผมชอบอย่างนั้น ผมชอบทำงานโดยอยู่ใกล้ชิดกับแสงแดด และธรรมชาติ ที่ตรงมุมผนังบ้านติดระเบียงนั้นมีรอยเปื้อนสีกระดำกระด่างเป็นตำหนิอยู่ ค่อนข้างเห็นชัด ถ้าใครมาเห็นก็จะรู้สึกว่ารอยเปื้อนทำให้บ้านนี้สวยน้อยลง ผมเองก็เคยคิดเช่นกัน
รอยเปื้อนดังกล่าวเกิดจากสุนัขของผม ทุกคืนเวลามันนอนมันจะมาขดตัวกลมอยู่ตรงผนังตรงนี้ ลำตัวของมันขัดถูกับผนังทุกวันทำให้เกิดรอยเปื้อนขึ้น
พ่อผมเคยบอกผมว่าถ้าอยากทราบว่าบริเวณไหนของบ้านเป็นบริเวณที่สบายที่สุดให้ดูจุดที่สุนัขนอน เพราะสุนัขย่อมเลือกนอนในที่ๆอบอุ่นสะดวกสบายที่สุด แต่สำหรับกรณีนี้เมื่อผมคิดไปแล้ว ผมเห็นว่าสุนัขของผมเลือกนอนที่นี่เป็นเพราะบ้านผมมีกฎไม่ยอมให้หมาเข้ามาในบ้าน และจุดนั้นเป็นจุดนอกบ้านที่สามารถอยู่ใกล้ชิดกับโต๊ะทำงานซึ่งผมนั่งเป็นประจำนั่นเอง
สุนัขของผมชื่อ “หลง” เป็นเพศเมีย ตัวสีน้ำตาลปลอด เป็นพันธุ์ทาง ลักษณะพื้นๆเหมือนหมาที่เห็นได้ตามท้องถนน
หลงเป็นหมาข้างถนนมาก่อน วันหนึ่งมันถูกรถชน ขาหลังข้างหนึ่งหัก มันมานอนเจ็บหน้าบ้านน้าผม น้าผมเมตตาจึงเอามันไปรักษากับสัตวแพทย์จนหาย
น้าอยากเลี้ยงไว้เองแต่ด้วยความที่บ้านเป็นคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ไม่ได้ จึงมาฝากมันให้บ้านผมเลี้ยง น้าตั้งชื่อมันว่า “หลง” เพราะเป็นหมาที่หลงมาเจอกัน หลงเป็นหมาฉลาดแสนรู้ ก่อนมาที่บ้านพวกคนที่ร้านสัตว์แพทย์ได้ฝึกมันจนสามารถสั่งให้นั่งได้ อย่างไรก็ตามหลงยังคงเดินขากะเผลกอยู่เสมอ
ตอนนั้นผมอยู่ชั้นมัธยม ผมดีใจมากที่ได้หลงมาเพราะผมเป็นคนรักสัตว์ หลงเป็นหมาที่เชื่องมาก ขี้ประจบมาก แต่ก็มีความรักอิสระสูง บ่อยครั้งที่คนในครอบครัวของผมเข้าออกจากบ้านหลงจะคอยระวังดู และจะหาทางพุ่งตัวออกนอกบ้านอย่างรวดเร็วและหายไปครั้งละนานๆ
ผมพยายามไม่ให้มันออกจากบ้าน เพราะกลัวมันไปคุ้ยขยะหรือถูกหมาอื่นกัด จะต้องพยายามล่ามมันไว้ แต่ทำได้ไม่ตลอด ครั้นจะล่ามมันไว้ตอนกลางวันตลอดวันมันก็จะร้องน่าสงสาร จนผมต้องมาปล่อยเอง บางทีมันออกไปแล้วกลับบ้านดึกดื่นก็จะร้องเสียงดังปลุกคนในบ้านให้มาเปิดประตูให้มันเหมือนกัน
บ่อยๆที่ผมล้อหลง เรียกมันว่าหมาหน้าหนู เพราะมันหน้ายาวๆแหลมๆเหมือนกับหนู แต่ด้วยความที่มันตัวอ้วนกลมบางทีก็เรียกว่าหมาหมู
คนเขาว่าหมาแมวจะรู้ก่อนเวลามีพายุฝนฟ้าคะนอง หลงก็เช่นกัน และหลงนี้เป็นหมาที่กลัวพายุมาก ทุกครั้งที่มันทราบว่าจะมีพายุ มันจะมายืนเห่าตรงนอกมุ้งลวดใกล้ๆโต๊ะทำงานของผม ทำให้ผมไม่มีสมาธิ จนกระทั่งมีพายุมาจริงๆมันก็ยังคงยืนเห่าเปียกฝนอยู่อย่างน่าสงสารตรงนั้น จนบ่อยครั้งผมต้องละเมิดกฎของพ่อที่ห้ามหมาเข้าบ้านโดยการเปิดมุ้งลวดให้มันเข้ามา และเมื่อมันเข้ามาแล้วมันก็จะมานอนขดตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะทำงานผม
นอกจากกลัวพายุแล้วหลงยังไม่ชอบยามของหมู่บ้าน เข้าใจว่าครั้งหนึ่งเมื่อมันออกไปนอกบ้าน มันเจอยามตี ตั้งแต่นั้นมันจึงเกลียดและกลัวขึ้นใจ เมื่อเห็นคนแต่งเครื่องแบบยามมามันจะหลบหนี หรือถ้าตรงนั้นมีผมยืนอยู่ด้วยมันจะไปหลบอยู่หลังผมและเห่า
หลงชอบกินเนื้อสัตว์ตามประสาสุนัข แต่บางครั้งก็ชอบของอะไรแปลกๆ แม่ของผมเอ็นดูข้อที่ว่าหลงชอบกินปาท่องโก๋ ถ้ามีปาท่องโก๋เหลือก็จะโยนให้กิน สิ่งที่หลงไม่ชอบคืออาหารหมาที่เป็นเม็ด หลงจะไม่กิน เคยพยายามผสมให้กินกับอาหารอื่นทีละน้อยตามคำแนะนำหลังกล่องอาหารก็ไม่ยอมกิน จะต้องกินอาหารชนิดอื่นแล้วหลีกเลี่ยงอาหารเม็ด ปล่อยทิ้งไว้ในชามข้าวให้นกมาจิกกินจนหมดเอง
หลงจะมีขุมสมบัติของตนอยู่ที่หน้าบ้าน โดยทุกครั้งที่มันกิ่นอาหารอิ่มกินต่อไม่ได้มันจะเอาอาหารที่เหลือไปฝังไว้ตรงนั้น ซึ่งถ้าอาหารนั้นเป็นกระดูกผมก็เข้าใจได้ แต่บางครั้งที่มันเอาปาท่องโก๋ไปฝัง ผมก็ยังสงสัยว่าเมื่อมันขุดขึ้นมาอีกครั้ง ปาท่องโก๋นั้นจะยังกินได้อยู่หรือเปล่า
แม่บ้านของผมวิจารณ์ว่า คนในบ้านของผมนี้รักหลงทุกคน ไม่เคยมีใครดุตีมัน ต่างพยายามปรนเปรอมันด้วยของที่มันชอบ ทำให้มันเป็นหมาสปอยล์ มีชีวิตสุขสบายกว่าหมาอื่นๆ ผมยอมรับความจริงข้อนั้นและไม่ยี่หระอะไรนัก
เมื่อหลงอายุมากขึ้นก็ไม่ค่อยออกไปนอกบ้านเหมือนแต่ก่อน แต่ทุกครั้งที่มีใครกลับมาบ้านมันก็จะวิ่งออกมาต้อนรับด้วยความดีใจอยู่เสมอ เหมือนกับว่ามันได้ส่งพลังด้านบวกให้กับทุกคนที่เครียดกลับมาจากการทำงานให้ผ่อนคลายและรื่นเริงไปด้วย
ต่อมาผมเห็นมันหายใจติดขัด ก็สงสัยว่าเป็นอะไร แม่บ้านผมเดาว่าหลงแก่แล้วไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจึงเป็นหอบ พอเจอคนเข้าบ้านมาก็ดีใจออกวิ่งเร็วๆ ทำให้หอบ ผมยังคิดจะพามันไปหาหมออยู่ แต่ติดที่ตอนนั้นงานยุ่งจึงไม่มีเวลาพาไป
ไม่นานหลังจากนั้น ในเช้าวันอาทิตย์แม่ของผมให้อาหารหลงเป็นเนื้อที่มันชอบ แต่มันก็ไม่กิน แม่ของผมคิดว่ามันไม่สบายจะให้ผมอุ้มมันขึ้นรถไปหาหมอ แต่ผมนอนหลับอยู่ แม่จึงออกไปทำธุระนอกบ้าน คิดว่าเมื่อกลับมาค่อยพามันไปหาหมอ
ผมตื่นขึ้นมาได้ยินคนมาเรียกเก็บเงินค่าหนังสือพิมพ์หน้าบ้าน จึงหยิบเงินเดินออกมาให้ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นหลงนอนลิ้นห้อยอยู่ใกล้ที่นอนของมัน ผมใจไม่ดีเรียกมันหลายครั้งมันก็ไม่ตื่น เข้าไปดูใกล้ๆเห็นมันยังลืมตาค้างอยู่ ร่างนิ่งไม่ไหวติงแล้ว
ผมตกใจมาก แต่ก็เดินตัวสั่นเอาเงินไปให้คนเก็บเงินหนังสือพิมพ์ ตอนนั้นก็ยังพยายามคิดในแง่ดีอยู่ พอจ่ายเงินแล้วผมจึงกลับมาตรวจดูก็แน่ใจว่ามันสิ้นใจเสียแล้ว
ผมตกใจกอดมัน พอนึกได้มันตายจริงๆน้ำตาก็ไหลออกมา ผมเป็นผู้ชาย ปกติผู้ชายถึงเศร้าก็ยากจะร้องไห้ฟูมฟาย แต่ตอนนั้นผมฟูมฟายสะอึกสะอื้น เพราะผมทราบแล้วว่าผมได้สูญเสียเพื่อนที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของชีวิตไป เพื่อนคนนี้ให้ความรักผมเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในยามที่ผมเศร้าที่สุดเพื่อนคนนี้ก็ปลอบโยนผม อยู่ข้างๆผมเสมอ
พ่อผมมาเห็นก็ปลอบผม เราปรึกษากันว่าจะฝังมันไว้ในสวนของบ้าน ผมกับพ่อจึงหยิบจอบมาขุดหลุมขึ้น ตอนที่ขุดนี้ผมยังสงบสติอารมณ์ได้ แต่ตอนที่อุ้มหลงมาฝังและจะเอาดินกลบมันนั้นผมก็เสียใจมาก กลบดินไปร้องไห้ไปไม่อยากจะจากมันไป แม่ของผมซึ่งพึ่งกลับมาบ้านพอดีก็ตกใจกับข่าวนี้ แม่ให้เอาไก่กับข้าวที่พึ่งซื้อมาฝังไว้กับมันในหลุม แล้วเอาน้ำเทลงไป ผมไม่เชื่อการบนบานศาลกล่าวหรือการเซ่นไหว้ด้วยอาหารมาก่อน แต่ตอนนั้นผมก็ฝังอาหารลงไปเพราะคิดว่ามันจะได้อิ่มท้องมีความสุขในภพภูมิใดๆที่มันจะไปจริงๆ
ผมเลี้ยงหลงมาสิบปีเศษ เลี้ยงตั้งแต่ผมอยู่มัธยม ขึ้นมหาวิทยาลัย เรียนจบออกไปทำงาน และเรียนปริญญาโทต่อ
ในระยะเวลานี้ทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน หลงจะวิ่งออกมาต้อนรับผมด้วยความรักและซื่อสัตย์เสมอ จวบจนคืนวันสุดท้ายก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นมาเห็นมันสิ้นใจ
ทุกวันนี้เมื่อผมมองไปยังรอยเปื้อนหน้าบ้านผมก็คิดถึงหลง
และรู้สึกว่ารอยเปื้อนสีกระดำกระด่างนั้นช่างมีค่าเหลือเกิน
พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓
จากคุณ |
:
เชษฐา
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.พ. 53 00:36:18
|
|
|
|