ความคิดเห็นที่ 1 |
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนจากพวกฝ่ายแปล โตมรแทบหัวเราะก๊ากกับความใสซื่อของยายเด็กหมวกแดงนั่นที่เชื่อสนิทว่าไอ้ที่เขาโกหกพกลมไปนี่เป็นเรื่องจริง
ที่จริงก็ไม่ได้ว่างหรอกนะ แต่ไปอยู่กับยายเด็กนั่นสนุกดี!
หนูดี เอกสารที่พี่ขอไว้อยู่ไหน เขาเดินมาทวงงานถึงโต๊ะจนเด็กสาวสะดุ้ง หันมามองยิ้มแหยราวกับกำลังทำผิดร้ายแรง
หนูดียังไม่ได้ตรวจทานเลยค่ะ ปกติจะแจ้งเมื่องานเสร็จสิ้นผ่านอีเมล์ แต่รายนี้ก็เดินมาทวงถึงที่
งั้นหรือ ช่างเถอะ ไม่ต้องรีบก็ได้ เขาเอ่ยหน้าตาตาย...ก็ใจจริงไม่ได้จะมาทวงงานสักหน่อย แค่อยากมาเห็นหน้าเฉยๆเท่านั้นเอง
แล้วร่างยักษ์ตัวคล้ำนั่นก็เดินจากไปเสียดื้อๆจนเด็กสาวงงว่าสรุปเขาเดินมาทำอะไรที่แผนกเธอกันแน่ล่ะนี่
แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดมากกับอาการลมเพลมพัดของอีกฝ่ายในเมื่อเขาหาเรื่องเดินร่อนไปร่อนมาในแถบๆนี้อยู่บ่อยๆ เป็นนิสัยประจำตัวของเขาโดยที่ไม่มีใครตำหนิเพราะทุกคนในหน่วยนี้เป็นพวกเดียวกัน นั่นคือโฉบไปโฉบมา เดี๋ยวเดินไปชงกาแฟ เดี๋ยวเดินมาเล่นปิงปองซึ่งที่บริษัทมีให้พนักงานผ่อนคลาย บ้างก็เดินออกมาพลิกๆหนังสือที่มีไว้เพื่อให้พนักงานเพิ่มพูนความรู้ กระนั้นหน่วยนี้เป็นหน่วยที่ได้รับความไว้วางใจเกือบที่สุดในเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะความสามารถในเรื่องการออกแบบอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์สำหรับทดลองเพื่อเป็นสินค้าใหม่ของบริษัทต่อไปในอนาคต รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งงานหลังนี่เป็นหลักของหน่วยนี้มากกว่า
แล้วเย็นนี้ก็เช่นกัน ร่างคล้ำๆนั่นก็โผล่หน้ามาใหม่แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาปฏิสัมพันธ์กับปรียานุช แต่มาคุยกับสาวๆฝั่งแผนกบัญชีแทน จริงๆมันก็กว้างอยู่เหมือนกันเพราะรวมบุคลากรสี่แผนก แต่เผอิญว่าเสียงเขาก็ดังอย่างกับฟ้าผ่า ขนาดพูดเบาๆยังได้ยินเกือบทั้งอาณาบริเวณ เพราะงั้นต่อให้เด็กสาวไม่อยากได้ยินยังไง เสียงเขาก็ต้องเข้าหูเธออยู่ดี
ชายหนุ่มอารมณ์ดีเมื่อมาถึงที่แล้วไม่เห็นร่างของจอมเทียนรู้สึกว่าจะติดประชุม ท่าทางการที่เขาเอาตัวมาพัวพันกับเด็กใหม่คนนี้ทำให้จอมเทียนไม่มีโอกาส แถมยายเด็กนี่กลัวผีแบบที่ทั้งเขาและพี่ในแผนกของเธอช่วยกันกรอกหูทำให้เธอรักษาระยะห่างจากหมอนั่นไปในตัว ก็ดีเหมือนกัน ไม่เหนื่อย
หิวไหม ไปกินข้าวกัน
หลังจากที่เดินไปมาระหว่างแผนกตัวเองกับแผนกแถวนี้ จนกระทั่งสบโอกาสที่หลายคนเริ่มกลับบ้าน ทว่าดูเหมือนร่างเล็กๆของปรียานุชยังคงกดพจนานุกรมง่วนอยู่โดยไม่สนใจรอบข้าง ตอนแรกคิดว่าเธอจะได้ยินเสียงเขาแล้ว แต่คงคาดผิด ท่าทางเธอเหมือนไม่ชินกับเสียงเขาเอาเสียเลย ก็ร่างป้อมนั่นเล่นสะดุ้งสุดตัวก่อนหันมามอง
กำลังทำอะไรน่ะ โตมรชะโงกหน้ามาดูแผ่นเอกสารในมือป้อมๆนั่น
ปรียานุชกำลังอ่านเอกสารที่มีใบแจ้งขอให้แปลเกี่ยวกับรายงานความผิดปกติของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า งานนี้เอาด่วนมากที่สุดแต่ยังดีที่ต้องการเพียงเนื้อหาคร่าวๆไม่จำเป็นต้องเป๊ะเหมือนกับส่งให้ลูกค้า กระนั้นเธอควรจะต้องแปลเสร็จให้ได้ภายในวันนี้
นายคิดว่าคนที่อยู่แผนกนี้ควรจะทำอะไรล่ะนายโต เสียงเย็นจากพี่ดวงซึ่งนั่งข้างๆเธอลอยมาตามลม แล้วใจคอไม่คิดจะชวนคนอื่นนอกจากหนูดีบ้างหรือไง
หนูดีติดค้างผมไว้อยู่ ผมก็เลยมาทวงเฉยๆ เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีพลางมองเด็กสาวแก้มป่องที่เบิกตากว้าง อะฮ่า! งงล่ะสิ! แต่ถ้าพี่ดวงมาก็ไม่ว่ากัน หนูดีจ่ายนะไม่ใช่ผม
คนโดนทวงหนี้เอาดื้อๆโดยไม่รู้ที่มาที่ไปว่าคืออะไรทำตาโตกลืนน้ำลายแล้วหันไปมองพี่ที่ทำงานในแผนกอย่างขอความช่วยเหลือ จนหญิงสาวที่เก๊กหน้าเรียบเป็นกระดาษหลุดหัวเราะออกมาจนได้
หนูดีโดนเสียแล้ว ไปกันเองเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านแล้วเมื่อกี้สามีพี่เพิ่งโทรมาบอกกำลังจะมาถึง พี่ดวงปล่อยเกาะเธอง่ายๆอย่างนี้เลยหรือ...เด็กสาวอ้าปากค้าง
โตมรหน้ารื่นทันที ส่วนคนโดนทวงหนี้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมองเขาหน้าเหวอ ดูแล้วขำดี ชายหนุ่มเลยรีบเร่งให้เธอลงไปกับเขา แล้วก็แอบชำเลืองพลางหัวเราะขันๆกับแก้มป่องตอนเข้ามาในลิฟต์ด้วยกัน
หนูดีจำไม่ได้ว่าเราค้างหนี้อะไรกันนะคะ
เสียงเย็นเชียววุ้ย!
จริงๆก็คงจะเรียกหนี้ไม่ได้หรอก เขาพยักหน้ายอมรับ แต่ถ้าไม่หาเหตุก็ไม่รู้จะมีอะไรมาอ้างให้มาคุยกับหนูดีน่ะสิ
แก้มกลมของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที โตมรชอบสีหน้าคล้ายทำอะไรไม่ถูกของเธอจริงๆ ร่างเล็กป้อมทำหน้าท่าเหมือนไม่รู้ว่าควรจะต้องตอบเขาอย่างไร ดูเมื่อไรก็ไม่เบื่อ ท่าทางอ่อนๆใสๆอย่างนี้คงไม่เคยมีใครมาจีบ
เดี๋ยว...แล้วนี่ตอนนี้เขาทำท่าจีบยายเด็กนี่อยู่งั้นหรือ!
ชายหนุ่มร้อนวาบกับคำถามที่ผุดขึ้นมาชวนให้ตัวเองรู้สึกขนลุกเมื่อคิดว่าตัวเองวิปริตอย่างพวกนิยมเด็กแบบใครบางคนที่เขาด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างไอ้หมาป่าคราบแกะนั่น มองแก้มกลมแดงเรื่อๆนั่นแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองประสาทขึ้นมา อยากกลั้นใจตาย
ไม่ได้! มันต้องไม่ใช่แบบนี้! ไม่ใช่ชัวร์ๆเพราะงั้นต้องรีบกลบเกลื่อน เอ้ย! ไม่ใช่สิ! ต้องรีบแก้ไขก่อนที่ยายเด็กนี่จะเข้าใจเขาผิดไปใหญ่โต
โตมรแสร้งหัวเราะเสียงดังแบบขบขันราวกับทนไม่ไหวจนดังลั่นกล่องแคบๆนี้ มองหน้าเธอด้วยท่าทางเหมือนตนเองเจออะไรที่ตลกสุดฤทธิ์
ไม่ต้องทำหน้าเครียดงั้นดิ พี่ล้อเล่น จนเมื่อลิฟต์เปิดแล้วก็ยังหัวเราะไม่หยุด ซึ่งท่าทางจะได้ผลเพราะหน้ากลมแบบเด็กๆที่แดงเรื่อนั่นเริ่มเปลี่ยนเป็นหน้าเขียวแทน
หยุดเลยนะพี่โต! ล้อเล่นแบบนี้ไม่สนุกสักนิด! เธอแหวเข้าให้ ทำไมเป็นคนชอบแกล้งอย่างนี้นะ
เออ...ได้ผลแฮะ ยายเด็กหมวกแดงนี่เปลี่ยนสีหน้าได้อย่างกับไฟจราจร
ก็หนูดีน่ารักไง อยากรู้ว่าแดงเป็นเขียวแล้วจะเป็นเหลืองได้ด้วยหรือเปล่า
ท่าทางยายเด็กนี่เริ่มไหวตัว เลยพยายามทำสีหน้าให้เคร่งไว้ แต่มันออกมาลักษณะเบี้ยวๆบูดๆจนชายหนุ่มต้องหัวเราะอีกครั้ง ไม่เป็นสีเหลืองไม่เป็นไร สีอมม่วงแบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้
หนูดีบอกว่าพอแล้วไง มือป้อมฟาดผัวะเข้าที่แขนเขา มือเล็กแต่หนักเหมือนกันแฮะ จะหัวเราะไปถึงไหนกัน!
โตมรพยายามกลืนหัวเราะเมื่อสบกับใบหน้ากลมที่ถลึงตาโตๆนั่นเหมือนแมวตัวเล็กขู่ฟ่อแต่ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้มากกว่านั้น
เขาว่าเขาไม่ชอบเด็กนะ แต่ยายเด็กหมวกแดงนี่...ก็...น่ารักดีเหมือนกัน
จนเมื่อทั้งสองคนนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่แผงก๋วยเตี๋ยวข้างทางเรียบร้อยแล้ว โต๊ะอื่นๆก็พอมีคนนั่งแต่ส่วนมากก็มีอาหารตรงหน้ากันเรียบร้อยอยู่แล้ว ชายหนุ่มตะโกนข้ามโต๊ะอื่นสั่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เจ็ก! ใหญ่ไม่หมูไม่งอกพิเศษชาม แล้วค่อยหันมาถามเธอ จะกินอะไร
ร่างเล็กนั่งลงกับเก้าอี้ร้านอาหารข้างทางด้วยท่าทางตื่นๆ หน้าคุณหนูซะขนาดนี้คงไม่เคยกินข้างทางละมั้ง ซึ่งแท้ที่จริงปรียานุชไม่คุ้นเคยจริงๆ ปกติเวลาเที่ยงเธอมักจะไปทานอาหารในฟู้ดคอร์ทกับพี่คนอื่นๆมากกว่า หรือตอนมหาวิทยาลัยก็จะทานข้าวในโรงอาหารหรือไม่ก็นั่งภายในร้านแบบมีกระจกกั้นเป็นสัดส่วน แทบไม่เคยทานข้างทางแบบนี้มาก่อน
เอ่อ...เส้นเล็กน้ำค่ะ
โตมรเลิกคิ้ว ไม่กินอะไรบ้างล่ะ จะได้สั่งให้ครบ
หนูดีกินได้ทุกอย่าง ปรียานุชตอบเรียบๆ ไม่เหมือนผู้ชายบางคน โตจนป่านนี้ยังไม่ยอมกินหมูกินผัก
เอาแล้ว! ยายเด็กนี่เริ่มออกลาย
โตมรยิ้มขันแล้วหันไปสั่งให้กับเธอแล้วยังยิ้มกริ่มมองเด็กสาวซึ่งทำท่าเหมือนไม่อยากเสวนากับเขา เธอหลีกเลี่ยงโดยการหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมเฉยเลย
สงสัยกลัวเขาแกล้งอีก
นี่ยายเด็กหมวกแดง! จำพี่ไม่ได้จริงๆน่ะ เขาเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ขี้ลืมชะมัดยาดเลย
มือป้อมๆที่กำลังกดเล่นเกมอยู่ชะงักแล้วเงยหน้ามองเขาทันควัน โตมรยิ้มเผล่อย่างมีเลศนัย มองหน้ากลมเล็กใสๆนั่นที่เริ่มขมวดคิ้ว ปรียานุชพยายามไล่หน้าตาแบบนี้ในสมองเธอซึ่งทำได้ยากลำบากนักเพราะหน้าตาเขาต่ำว่าเสป็คมาตรฐานเธอเกินไปเลยจำไม่ได้ จำได้เฉพาะคนหน้าตาดีเข้าขั้นเจ้าชายเท่านั้น
อ้อ...แต่ยังไม่มีใครหล่อเกินพี่มาร์หรอกนะ
หนูดีจำไม่ได้ เราเคยเจอกันด้วยเหรอคะ
ว่าแล้ว! ชายหนุ่มถอนใจพรืดอย่างให้รู้ว่าแกล้งทำพลางขยี้ผมซอยสั้นอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยวจนเธออุทานเบาๆ ตอนนั้นหนูดียังอยู่มหาลัยอยู่เลย วันที่พี่รับปริญญาแล้วชมรมหนูดีก็มาบูมให้พี่ ตอนนั้นร้อนตับแลบแถมไม่ใช่คริสต์มาสสักหน่อย เดาะใส่หมวกซานต้ามาอยู่คนเดียว คนอื่นไม่เห็นจะใส่ แล้วก็แบะปากทำหน้าจะร้องไห้ไถตังค์พี่ จำไม่ได้ล่ะสิท่า
เขามองสีหน้าของยายเด็กหมวกแดงที่ยิ้มแหยทันที เป็นเด็กที่มีหลายสีหน้ามองยังไงก็คงยากจะเบื่อ ปรียานุชได้แต่ตีหน้าไม่สนิทนัก จริงๆก็จำไม่ได้หรอกเพราะใช้มุขนี้กับหลายคน แต่ไม่คิดว่าจะมีใครที่จำแบบฝังหุ่นได้เหมือนพี่คนนี้ นี่จนป่านนี้น่าจะสี่ห้าปีมาแล้วยังอุตส่าห์จะจำได้อีก สงสัยเคืองมากจริงๆ
จนกระทั่งก๋วยเตี๋ยวที่สั่งมาถึง เขาก็จัดแจงเลื่อนเครื่องปรุงให้เธอส่วนตัวเองก็จัดการคีบเส้นขาวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆพลางเอาตะเกียบชี้หน้าเธอราวกับกำลังคาดโทษ
เพราะฉะนั้นที่ให้เลี้ยงวันนี้เป็นหนี้ที่พี่ขอชำระแค้นตั้งแต่ตอนนู้น รู้ไว้ซะ
ผู้ชายที่ดีเขาไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นกันหรอกนะคะ ปรียานุชพูดเสียงอุบอิบเป่าเส้นแล้วงับเข้าปากในขณะที่ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
พูดแต่ว่าผู้ชายอย่างนั้นอย่างนี้ ตัวเรารู้จักผู้ชายมากแค่ไหนกัน
ชายหนุ่มร่างสูงมองเธอทานไปเงียบๆราวกับไม่ยอมตอบคำถาม จริงๆก็มองไม่ยากหรอก คงแทบไม่เคยรู้จักใครที่ไหนละมั้ง ลองถ้ามาเป็นล่ามแบบนี้น่าจะเป็นคณะที่มีแต่เด็กผู้หญิงมากกว่า
จะบอกอะไรให้ ผู้หญิงที่ดีเขาไม่มานั่งวิจารณ์หรอกนะว่าผู้ชายที่ดีเป็นไง โตมรว่าพลางงับเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอีกรอบจากนั้นก็หันไปตะโกนเรียกคนขายอีก เจ๊ก บะหมี่แห้งไม่หมูไม่งอกไม่เกี๊ยว... จากนั้นก็หันมาหาเธออีกครั้ง แล้วจะบอกให้อีกอย่างคือพี่เป็นมังสวิรัติ แต่ไม่เคร่งขนาดที่ว่ากินร่วมกับเนื้อสัตว์อย่างอื่นไม่ได้ แค่ไม่กินเนื้อเฉยๆ
คราวนี้ปรียานุชตาโตพลางมองผู้ชายตรงหน้าอย่างสำรวจทันที คิดภาพไม่ออกว่าที่ร่างสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่นขนาดนี้แต่ไม่เคยทานเนื้อสัตว์เลยนี่น่ะเหรอ
อ้อ! แล้วก็ไม่ได้นับถือเจ้าแม่กวนอิมหรืออะไรด้วย แค่อยากกินไม่มีเหตุผลอื่น โตมรต่อ ชายหนุ่มต้องตอบคำถามเหล่านี้มาเสียจนขี้เกียจจะฟังเลยชิงบอกเองเสียเลย ที่บ้านพี่เขาก็ไม่มีใครกิน มีพี่คนเดียวแหละ เพิ่งมาอุตริกินไม่กี่ปีนี่เอง
เธอยังไม่ได้ถามสักคำ เล่นดักคอหมดเลยหรือ
เพราะฉะนั้นอย่าตัดสินคนอื่นเขาในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ให้มันมากนัก เขาเอ่ยสรุปสั้นๆโดยไม่มองหน้าเด็กสาวที่แทบตาเขียว
พี่ก็ไม่รู้จักผู้หญิงที่ดีเหมือนกัน อย่าวิจารณ์เลยค่ะ
ก็ไม่รู้จักจริงๆ โตมรพยักหน้า แต่ถ้าให้พี่เดานะ เราต้องมีพี่ชายแน่นอน
มีค่ะ ยายเด็กหมวกแดงยอมรับ มีพี่ชายอยู่สองคน หนูดีเป็นน้องคนเล็ก
ก็ควรอยู่...โตมรพยักหน้ารับรู้
แล้วพี่โตไม่มีน้องสาวพี่สาวแน่ๆ ไม่ต้องหมอลักษณ์ เธอก็ฟันธงได้
โตมรผงกศีรษะพลางกินต่อ พี่มีพี่ชายหนึ่งคน จากนั้นเขาก็หรี่ตา ทายเรื่องของยายเด็กหมวกแดงต่อ พี่ว่าเราต้องเป็นพวกชอบอ่านหนังสือ ฟังนิทานด้วยล่ะสิ
ถูกชัวร์! ร่างเล็กแทบสะดุ้งมองหน้าเขาราวกับเขาเป็นหมอดูจนเขาหัวเราะ เด็กผู้หญิงท่าทางอย่างนี้ แถมเชื่อเรื่องหลอกเด็กอีกต่างหาก ดูไม่ออกก็ตลกแล้ว เมื่อพอจับทางได้เขาก็เลยชวนเธอคุยต่อไปโดยไม่ได้คิดจะถากถางแต่อย่างใด
พี่ไม่มีพี่น้องผู้หญิงอย่างที่เราเดานั่นแหละ แต่คิดว่าเด็กผู้หญิงน่าจะชอบพวกหนังสือหรือนิทาน ไม่ต้องทำหน้าเหมือนพี่เป็นพวกนักทายใจหรอกน่า ชายหนุ่มเอ่ยขันๆกับตาโตๆนั่น เราชอบเรื่องไหนสุดล่ะ หนูน้อยหมวกแดงล่ะสิ
ก็ยายเด็กนี่น่าจะชอบใส่หมวกแดงนี่
ไม่หรอกค่ะ หนูดีไม่ชอบเรื่องนั้นที่สุด ยายเด็กหมวกแดงที่ไม่ชอบเรื่องหนูน้อยหมวกแดงย่นจมูก แล้วตักก๋วยเตี๋ยวเข้าปากบ้าง
อ้าว! ทำไมล่ะ ก็เคยเห็นใส่หมวกแดงนี่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองมือป้อมๆที่ปัดผมสั้นเคลียแก้ม ปากเล็กแดงๆเหมือนปากเด็กเคี้ยวอาหารเข้าปาก
ไม่ได้ชอบค่ะ นั่นที่ชมรมเขาเห็นหนูดีตัวเล็กกว่าเพื่อน พอไปอยู่กลุ่มไหนหายไปกับกลุ่มคนทุกที เขาเลยให้ใส่หมวกแดงเอาไว้ กลัวหนูดีหาย ทำอย่างกับเราเป็นเด็กแปดขวบ ปรียานุชย่นจมูกซึ่งเมื่อโตมรนึกก็เข้าใจเพื่อนได้ ก็ยายเด็กหมวกแดงนี่สูงถึงร้อยห้าสิบเซนต์หรือเปล่าเขายังสงสัย
แล้วทำไมไม่ชอบล่ะ ยังไม่เห็นตอบคำถาม
ยายเด็กหมวกแดงเหลือบตาขึ้นมองอย่างลังเล เอ่ยเสียงเข้มสำทับเบาๆ
ถ้าบอกพี่โตห้ามหัวเราะนะ
โตมรเลิกคิ้วพยักหน้ารับ
ถ้าหัวเราะขอให้ตกน้ำป๋อมแป๋มจริงๆด้วย ดวงตากลมใสยังข่มขู่ไม่เลิก
ชายหนุ่มผงกศีรษะอีก...ไม่เป็นไร เขาว่ายน้ำเป็น
หนูดีไม่ชอบเพราะว่าหนูน้อยหมวกแดงไม่ได้แต่งงานนี่คะ แค่กลับถึงบ้านเฉยๆ ปรียานุชเอ่ยด้วยสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย ในเรื่องมีแต่นายพรานตามมาช่วยหนูน้อยหมวกแดงเท่านั้นเอง ถ้าเป็นเจ้าชายหนูดีคงชอบเรื่องนี้มากกว่านี้
ชายหนุ่มกระพริบตาพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นหัวเราะ...ยายเด็กนี่ยังยึดเรื่องเจ้าชายเจ้าหญิงอยู่อีกหรือนี่ มองดูท่าทางที่เจ้าตัวมองจอมเทียนคงไม่ได้คิดนะว่าหมอนั่นคือเจ้าชายน่ะ
อีกอย่างหนูน้อยหมวกแดงทึ่มด้วย หมาป่ามาคุยด้วยเล่นบอกหมดว่าตัวเองไปไหนกำลังจะทำอะไร จะโดนจับกินแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
โตมรขลุกขลักอยู่ในคอ ยิ่งใช้ความพยายามมากขึ้นที่จะไม่หัวเราะกับหน้าตามุ่ยๆคล้ายไม่สบอารมณ์นั่น แต่ทำได้ยากยิ่งจึงก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าไป เกรงว่ายายเด็กหมวกแดงที่ไม่รู้ว่าตัวเองแทบอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกับนิทานจะเห็นเข้า ชายหนุ่มกลืนอาหารลงคอแล้วเอ่ยเตือนเธอเบาๆ
พี่ว่าหนูดีควรอ่านนิทานเรื่องนี้ให้มากๆ ชอบไว้จะดีกว่านะ ช่างเจ้าชายไปเถอะ
ยายเด็กหมวกแดงทำหน้าไม่สบอารมณ์ คงเซ็งที่เขาไปรบกวนจินตนาการของเธอ แต่ครั้นจะให้พูดอะไรมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวยายเด็กนี่ต่อต้านเขาเข้าอีกแล้วจะตกลงไปในบ่วงกับดักหมาป่าที่อยู่ข้างตัวเข้า
เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ เขาให้ยายเด็กหมวกแดงเป็นคนจ่ายเงินมื้อนี้ ส่วนร่างใหญ่ของเขาก็เดินไปหยุดที่ร้านน้ำส้มคั้นที่กำลังเก็บร้านแต่ยังมีให้ขายให้อยู่ เขาซื้อสองขวดแล้วแบ่งให้เธอขวดหนึ่งจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็เข้ามาสำนักงานกัน และพบว่าตอนนี้จอมเทียนกลับมาจากการประชุมแล้วในขณะที่คนอื่นๆบนชั้นก็กลับกันเกือบหมด จอมเทียนเลิกคิ้ว
ไปกินข้าวกันมาหรือ
อือ พี่จอกกินยังน่ะ โตมรเอ่ยถามเรื่อยๆแบบทองไม่รู้ร้อน
ยัง เขาว่าพลางตวัดสายตามาที่ร่างป้อมข้างตัวเขา แล้วนี่หนูดียังมีงานอีกหรือเปล่า เหมือนพี่เห็นคร่าวๆว่าเขาจะเอางานวันพรุ่งนี้นี่
ค่ะ แต่หนูดีทำไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
อ้อ...ยังเหลืออีกครึ่งสินะ จอมเทียนเอ่ยเหมือนรำพึง เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน
โตมรพยักหน้าในขณะที่ปรียานุชประหลาดใจเมื่อจอมเทียนวางสิ่งของของตนไว้ติดไปเฉพาะโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์เท่านั้น
แปลก! โตมรมองตามร่างเจ้านายของยายเด็กนี่ไป จากที่ปะทะกันมาหลายรอบ งวดนี้หมอนี่รามือง่ายเกินไป จะบอกว่าเขาทำตัวติดกับยายเด็กนี่ตลอดก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีช่องโหว่บ้างเป็นธรรมดา ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าระหว่างผีกับเจ้าชายในจินตนาการของเธอ เรื่องไหนจะชนะกันแน่
แต่เพื่อความชัวร์...
อีกเยอะหรือเปล่าน่ะ ยายหมวกแดง เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่เรียกในใจมาตลอดอย่างเผลอตัว เขามีเรื่องให้สนใจมากกว่าสังเกตเรื่องสรรพนามนั่น
ก็...เธอลองดูเอกสารที่ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง หนูดีน่าจะใช้เวลาสักชั่วโมงหนึ่ง
แล้วเขาจะเอาพรุ่งนี้กี่โมง
ไม่แน่ใจค่ะ เขาแค่ว่าอยากได้พรุ่งนี้ แต่ทางที่ดีเราก็ควรทำเสร็จวันนี้ไม่ใช่หรือคะ เธอเงยหน้ามองคนตัวสูงใหญ่ที่ยืนค้ำศีรษะเธออยู่
งั้นก็ตามสะดวก อ้อ...ยืมมือถือนะ ไม่ว่าเปล่าเขาถือวิสาสะหยิบจากโต๊ะไปดื้อๆพลางกดอะไรอยู่
พี่โตทำอะไรน่ะ เอาของหนูดีคืนมานะ คิ้วเรียวของเธอขมวดใส่เขา มือป้อมนั่นไขว่คว้าแต่ชายหนุ่มใช้ร่างที่ใหญ่โตกว่าเบี่ยงหลบเสียเลย ทำให้เธอเอื้อมถึงแค่อากาศเท่านั้น เสร็จแล้วเขาก็ยื่นส่งคืนให้เธอดื้อๆยายเด็กนี่ทำหน้าฉงน ปรียานุชมองมือถือที่โดนยัดคืนมา
เบอร์พี่ มีไรก็โทรมาละกัน ไปทำงานล่ะ เขาว่าจบแล้วก็เดินตัวปลิวจากไปเสียอย่างนั้น
มาก็มาเร็ว ไปก็ไปเฉยๆ ยากที่เธอจะเข้าใจผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
ปรียานุชนั่งเพียงลำพังได้แค่ครู่เดียว ร่างสูงยักษ์ก็โผล่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ทำงานของตัวเอง รวมทั้งที่ชาร์จแบตเตอรี่พร้อมสรรพวางลงข้างๆต่อสายแลนแล้วลากเก้าอี้ตัวข้างโต๊ะทำงานเธอมาใกล้ๆ เด็กสาวมองอย่างแปลกใจ
พี่โตมาทำอะไรที่นี่น่ะ ก็บอกว่าจะกลับไปทำงานอยู่หยกๆ
หาเพื่อน...ทำงานแล้วเหงา เขาเอ่ยทื่อๆแล้วก็นั่งทำอะไรก๊อกแก๊กของเขาต่อไป แต่คนที่บ่นว่าทำงานเหงาเมื่อครู่พอติดปัญหาอะไรกลับคว้าโทรศัพท์ต่อไปยังแผนกของตัวเองคุยกับเพื่อนร่วมงานเฉยเลย
แผนกตัวเองก็มีคน แล้วมาเหงาอะไรของเขากัน เธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ!
แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 13:05:04
จากคุณ |
:
peiNing
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.พ. 53 13:04:37
|
|
|
|