ความรัก [Love is...] : ตอนที่ 2 หนูเพ็ญ
|
|
ติดตามอ่านตอนที่ 1 ได้ที่นี่ครับ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8835897/W8835897.html
ตอนที่ 2 2.หนูเพ็ญ เพ็ญศรี หรือ หนูเพ็ญ คือชื่อที่ถูกเรียกบ่อยในผับคาราโอเกะที่แขกไม่ว่าหนุ่มหรือแก่เป็นต้องเรียกหาในยามที่ต้องการเป็น ป๋า ผู้มั่งมี
จะไม่ให้ถูกเรียกบ่อยได้อย่างไร ในเมื่อสาวคนสวย มีผิวขาวราวหยวกกล้วย แก้มอมชมพูระเรื่อ ผมเหยียดตรงยาวถึงกลางหลัง หน้าอกเต่งตึง และที่สำคัญมีวาจาเป็นทรัพย์
ด้วยอาชีพเธอจำเป็นต้องระเหเร่ร่อนไปตามจังหวัดต่างๆ ขึ้นเหนือล่องใต้ เพียงเพื่อจะได้หน้าไม่ซ้ำ แขกจำไม่ได้ เจ้าของร้านจะได้ยืนยันว่า
เด็กมาใหม่
สิ่งที่ตามมาคือ ภาษาที่ติดตัว เมื่อขึ้นเหนือก็ติดสำเนียงล้านนา มาอีสานก็เว้าภาษาบ้านเกิดได้ไม่ขัดลิ้น ลงใต้ไปก็ได้กลิ่นทองแดงที่ลมปาก ฉะนั้นเมื่อเธอไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าแขกประเภทใดเธออ้อล้อจ้อไปได้หมด ล่าสุดก็ได้ภาษาจีนแต้จิ๋วบ้างเล็กน้อย
วันหนึ่งเธอมีความจำเป็นต้องรับแขกที่เมามายมาจากที่อื่น เสียงคุณแม่ ที่เด็กในร้านเรียกกันติดปาก ตะโกนมาจากเคาท์เตอร์หน้าร้าน ทำให้เพ็ญที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่จำต้องตัดสายไปเพื่อเตรียมตัวรับแขก
และนี่ก็เป็นอีกวันที่เพ็ญจะต้องนั่งกับแขกที่เมามายจากที่อื่นมาเป็นทุน แขกมากันสองคนแต่เรียกเพ็ญคนเดียว
คนหนึ่งขาประจำยามดึก ทำงานเกี่ยวกับเต็นท์ขายรถมือสอง ส่วนอีกคนไม่เคยเห็นหน้า รู้แต่เพียงว่าเป็นรุ่นน้องที่ทำงาน
วันนี้พี่พาไอ้หวังมาเที่ยว เห็นมาทำหน้าเหมือนตูดมาหลายวันแล้ว สงสารมัน
เอิ๊ก
เพ็ญยกมือไหว้ สมหวัง รุ่นน้องของแขกที่เมามายแทบจะไม่เหลือสติ ดูท่าทางของสมหวังแล้ว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกไม่ต่างอะไรกับเด็กนั่งดริ้งค์อย่างเธอ
เธอสอบถามว่าจะรับเด็กมานั่งเป็นเพื่อนอีกสักคนไหม แต่ได้รับคำตอบตามที่คาดคือ การปฏิเสธ
เพ็ญเป็นคนไม่เซ้าซี้ นี่คือข้อดีอีกข้อที่ทำให้แขกติดใจ ไม่ขูดรีดเครื่องดื่ม ไม่ถล่มกระเป๋าเงินของแขก เว้นเสียแต่ว่าแขกพึงใจที่จะสั่งให้เธอเอง
เธอจัดได้ว่าเป็นดาราของสถานที่แห่งนี้ เอาใจเก่ง ไม่เคยทำงานบกพร่อง ยกเว้นในคืนนี้!
แขกเจ้าปัญหามีความต้องการจะเข้าห้องน้ำ แต่ส่ายมือปฏิเสธไม่ให้เพ็ญไปส่ง แล้วก็เดินตัวปลิวไปเข้าห้องน้ำเองอย่างรวดเร็ว
สาวสวยในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน พลาดทอดถอนหายใจแรงและยาวเท่าที่เธอจะทำได้ นั่งเหม่อลอยคิดถึงโทรศัพท์จากทางบ้านที่ยังคุยค้างไว้ก่อนทำงาน
ไม่ช้าเมื่อประตูห้องร้องเพลงวีไอพีถูกเปิดขึ้น เธอก็ตื่นจากภวังค์แห่งความกังวล
คุณแม่ตัวปลอมของเธอเดินเข้ามาอย่างถมิงทึง เมื่อได้รับข่าวว่าแขกที่เดินไปเข้าห้องน้ำนอนจมกองอ้วกอยู่ที่อ่างล้างหน้า เจ้าของร้านอย่างเธอรู้สึกหงุดหงิดที่มีแขกท่านอื่นที่ได้เห็นสภาพอันทุเรศนั้นมาต่อว่า
มาม่าซังขอโทษขอโพยสมหวัง และให้เด็กเสิร์ฟในร้านหิ้วปีกแขกที่เมาเหมือน
ไปส่งที่รถ
เพ็ญศรีกลับบ้านด้วยใจร้าวราญ เธอทำรายได้ให้กับร้านไม่รู้เท่าไร เทียบกับเหตุการณ์ในคืนนี้ไม่ได้เลย
หรือนี่คืออีกสิ่งที่ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของเธอ
น้ำตาหล่นลงบนภาพถ่าย สามแม่ลูก
แดดเปรี้ยงในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น สาวคาราโอเกะคนสวยเริ่มต้นชีวิตเร็วกว่าทุกวัน ปกติแล้วเธอจะตื่นประมาณบ่ายสามถึงสี่โมงเย็น อาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า ทำผม แล้วเข้างานประมาณหกโมงครึ่ง แต่วันนี้เธอมีธุระ
เพ็ญขับรถเก๋งมือสองกลางเก่ากลางใหม่มาที่เต็นท์รถมือสองสาขาย่อยของยักษ์ใหญ่ทางด้านรถยนต์แห่งหนึ่ง
พนักงานหนุ่มหน้าตาคุ้นออกมารับลูกค้าที่มาเยือน
ขณะนี้เป็นเวลากลางวัน สมหวังที่เมื่อวานเป็นลูกค้ากลายสภาพมาเป็นผู้ให้บริการหญิงสาวที่สลับหน้าที่เช่นเดียวกัน
ทั้งคู่ถามไถ่ด้วยความประหลาดใจ แต่ยังไม่ถึงเวลาเจรจาธุรกิจ เพ็ญศรีจึงชวนให้ชายหนุ่มไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเธอ เพื่อจะได้คุยธุระสะดวกขึ้น
ร้านอาหารตามสั่งใกล้เต็นท์รถเป็นที่คุยเรื่องราวของเธอ เธอฝากคำขอโทษไปถึงรุ่นพี่ของสมหวังที่วันนี้ยังไม่ฟื้นจากอาการเมื่อคืน และก็ค่อยๆ เริ่มต้นถึงความจำเป็นที่เธอกำลังเดือดร้อน
เพ็ญเล่าเรื่องความลำบากที่ต้องหาเงินส่งไปยังที่บ้าน ให้กับแม่ทุกเดือน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมีอาชีพเช่นนี้ และเมื่อวานก็เหมือนผีซ้ำด้ามพลอย ก่อนเข้างานแม่โทรศัพท์มาบอกว่าควายที่ไว้ทำนาติดโรคระบาด ตายจนหมดคอก ไม่มีควายทำนา โทรมาหาเธอซึ่งเป็นลูกคนโต ขอเงินไปซื้อควายเพื่อใช้ไถนา
สมหวังนั่งฟังด้วยความเข้าใจ ความจำเป็นเรื่องเงินไม่ต่างอะไรกับคนที่เข้ามาหาเขา โดยมีรถเป็นตัวแก้ปัญหา
ณ ตอนนี้ เขารู้ประสงค์ของเธอและเขาคิดไปว่าคงทำบุญทำกรรมกับเธอในชาติที่แล้ว ทำให้ในชาตินี้เธอกับเขาต้องมาเจอกัน
เมื่อสมหวังตอบตกลงเรื่องตีราคารถยนต์มือสองของเธอ ที่ได้มาจากนายทหารศักดินาใหญ่โตท่านหนึ่ง แม้จะเป็นรถหลักสิบปี แต่ก็พอจะมีราคาให้เธอนำไปซื้อควายให้แม่สักสองตัว และมีเงินเหลือพอให้เธอนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่เธอต้องการได้อีก
เพ็ญศรีร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อรู้ว่าปัญหาของเธอกำลังจะได้รับการแก้ไข เธอพรั่งพรูปัญหาในชีวิตที่ต้องเผชิญอยู่ในทุกวัน
เธอไม่ได้อยากมีอาชีพนี้ เธออยากเป็นช่างเสริมสวย แต่ความจำเป็นทางบ้าน ไหนจะน้องสาวอีกคนที่ต้องเรียนหนังสือ ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอีก
แม้ว่าจะเคยมีร้านเป็นของตัวเอง แต่ก็ไปไม่รอด เพราะเธอมีภาระทางบ้าน รายได้จากร้านเสริมสวยไม่เพียงพอที่จะส่งให้น้องและแม่
สุดท้ายเธอต้องยอมมานั่งรับแขกที่กระต่ายขาวคาราโอเกะ เงินเดือนกับทิปที่แขกให้ก็พอยาไส้ที่นำไปจุนเจือ แต่หากเดือนใดชักหน้าไม่ถึงหลัง เธอก็ต้องยอมหลับนอนกับแขก แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องทำเช่นนี้ทุกเดือน
สมหวังนั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่ขัดหญิงสาวที่กำลังระบายความรู้สึก จนเพ็ญศรีรู้สึกเกรงใจที่กำลังรบกวนคนที่เพิ่งรู้จักมากเกินไป จึงหยุดเล่าเรื่องส่วนตัว เพราะคิดว่าสมหวังกำลังรำคาญเธอ
คุณเคยรักใครไหม สมหวังถามคำถามที่ไม่เพ็ญไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เพ็ญเล่ามา
เสียงรถยนต์ที่แล่นผ่านไปมา ไม่สามารถกลบบทสนทนาระหว่างหนุ่มขายรถ กับสาวคาราโอเกะได้ เรื่องราวความรักของสาวคนสวยกำลังแง้มเผยให้คนที่เพิ่งรู้จักได้รู้
เพ็ญศรีพยักหน้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอไม่เคยมีความรัก เพราะความรักเกิดขึ้นกับคนทุกคนบนโลก แต่สิ่งที่เธอเล่าตรงกันข้ามกับชีวิตมนุษย์ทั่วไป
เธอไม่ได้มีความรักกับคนที่เธอหลับนอน แต่เธอมีความรักกับแขกที่มาหาเธอโดยไม่หวังเรือนร่าง
บ่อยครั้งที่เธอได้ออกไปเที่ยวตามผับแล้วมีคนมาจีบ มีคนมาสนใจ
นานไปเมื่อเริ่มคบจริงจัง คนที่สนใจก็กลายสภาพมาเป็นรังเกียจเมื่อรู้จักอาชีพของเธอ
อาชีพอย่างเธอคงไม่มีใครมารักจริง
เธอเป็นเด็กนั่งดริ้งค์มาหลายจังหวัด แขกดีๆ มีหลายคน บางคนซื้อรถให้เธอขับ ซื้อทองให้เธอใส่ เลี้ยงอาหารระดับหรูเลิศ โดยไม่พูดถึงการมีเพศสัมพันธ์สักคำ
ด้วยพื้นฐานที่เธอขาดพ่อมาตั้งแต่เด็ก เมื่อมีผู้ชายมาดูแล ให้ความอบอุ่น เธอจะรู้สึกพิเศษด้วยเสมอ
แต่เมื่อเริ่มรู้สึกมีความรัก เธอต้องหนี
ทุกจังหวัดที่เธอจากมา สาเหตุหลักคือประเด็นนี้
บ่ายโมงแล้ว สมหวังยุติบทสนทนา รีบชวนหญิงสาวคนสวยกลับไปยังที่ทำงานเพื่อเริ่มดำเนินการซื้อขายรถยนต์ของเธอ หากช้าเกินไปอาจจะทำให้เธอพลาดการโอนเงินทางธนาคารไปให้แม่
การซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว เรียบร้อย เพ็ญศรีได้เงินตามที่ต้องการ ใบหน้าของเธอคลายกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอขอบคุณสมหวังจากเบื้องลึกของหัวใจ
แต่ก่อนจากเพ็ญได้ขอร้องให้สมหวังไปหาเธอที่ร้านในคืนนี้ ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธเมื่อรู้เหตุผล
กระต่ายขาวคาราโอเกะเริ่มเปิดทำการเหมือนทุกวัน แต่เสมือนว่าวันนี้จะขาดอะไรบางอย่างไป ภายในร้านมีชายหนุ่มกำลังตกลงเจรจาบางอย่างกับมาม่าซัง บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของคุณแม่กำลังเป็นรอง สังเกตได้จากใบหน้าที่เคร่งเครียด
สุดท้ายชายหนุ่มเดินออกจากร้าน พร้อมกับใบสัญญาการทำงานของเพ็ญศรี หญิงสาวคนสวยวิ่งตามมาทั้งชุดทำงาน กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา เธอรู้สึกเช่นนี้จนชินชาแล้ว
ความรู้สึกที่ต้องไถ่ตัวเองเพื่อไปหาประสบการณ์ใหม่ ความรู้สึกที่ต้องพลัดพราก ความรู้สึกที่ต้องเจ็บปวด ที่ต้องจากคนรัก เพื่อให้เขาได้พบสิ่งที่ตนเองต้องการจริงๆ
ลาก่อน
แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 19:33:12
แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 13:12:21
จากคุณ |
:
เปริมี่1
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.พ. 53 13:12:02
|
|
|
|