ความคิดเห็นที่ 1 |
(องก์ที่5)
เบิกเนตร เทพผู้ชักใย และสัญญาในห้วงเวลานิรันดร์
‘คิด’ ‘พินิจ’ ‘เฝ้ามอง’ เนเฟอร่าไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากกว่านั้น เธอจับจ้องเพทราไม่วางตา
เพทราแทงมีดลงไปในสายน้ำ คลื่นน้ำแตกกระจาย ราชินีพยายามอย่างสุดกำลังที่จะก้าวผ่านกาลเวลาอีกครั้ง ทว่าไร้ผลไม่ว่ามนตราบทใดก็ไม่อาจทำให้มีดแห่งกาลเวลาตอบสนอง
“ทำไม เคฮ์เฟรน” เพทรากรีดร้องร้าวราน “ไม่มมมมม!”
เพทราที่เย่อหยิ่งแตกสลายร้องไห้ราวกับเด็กน้อยหลงทาง ร่างของราชินีสั่นรุนแรงจนไม่ทราบได้ว่าเป็นเพราะลมหนาวหรือเพราะสติที่บ้าคลั่ง เนเฟอร่ารู้สึกสงสารจับใจ ไร้ซึ่งคำพูดนักเดินทางแห่งแสงโอบประคองราชินีไว้ เป็นที่พักพิงเป็นที่พึ่งสุดท้าย
“ร้องเถอะ ร้องให้พอใจ” เนเฟอร่าเอ่ยอ่อนโยน นักเดินทางแห่งแสงรู้สึกเหมือนบางสิ่งในตัวเธอพังทลายเช่นกัน บางสิ่งที่ชืดชา บางสิ่งที่สมควรพังทลาย
เพทราซบหน้าลงบนไหล่ของเนเฟอร่า ปล่อยให้ผิวเนื้ออ่อนละไมปลอบประโลมใจที่ร้าวราน ราชินีซุกหน้าลงสะอื้นไห้ไม่อาย มือของเนเฟอร่าลูบเรือนผมเพทราส่งความอบอุ่นสู่ดวงใจราชินี
‘หรือนี่จะเป็นอ้อมกอดของมารดา’ เพทราปลดปราการน้ำแข็งที่ห่อหุ้มอยู่ออกหมดใจหลับตาลงเหนื่อยอ่อน เวลาผ่านไปเนิ่นนานจากท้องฟ้าสีดำสนิทขับด้วยแสงดาวสู่ท้องฟ้าสีเทาหม่นขับแสงส้มทองแรกอรุณ
เนเฟอร่านั่งอยู่บนพื้นหญ้านิ่มมีเพทราอยู่ในอ้อมแขน ราชินิหลับตาลงเนิ่นนานแล้วแต่เธอรู้ดีเพทรายังคงครุ่นคิดอย่างเจ็บปวด
“นี่คงเป็นภายในวังของเจ้า” เนเฟอร่าเอ่ยเมื่อแสงยามเช้าเผยให้เห็นสภาพรอบด้านชัดเจนขึ้น
“สระบัวที่เสด็จแม่รักที่สุด” เพทราตอบ “ถึงข้าจะไม่เคยพบนางก็ตาม” อย่างไรเสียพระมารดาที่เสด็จสู่สวรรค์ในวันที่ให้กำเนิดนางกับทารกแรกเกิดที่ไม่รู้เดียงสาก็เทียบได้กับการไม่เคยพบนั่นแหละนะ
เพทราเลื่อนตัวลงวางศีรษะหนุนตักเนอเฟอร่า ปล่อยร่างกายซึบซับความอ่อนนุ่มของพื้นหญ้า ราชินียกมือข้างขวาขึ้นมันพันไว้ด้วยผ้าลินินสีขาวขมุกขมัว เธอจ้องไปยังดวงอาทิตย์สีส้มอ่อนแสงที่พยายามเร้นตัวผ่านเมฆ จากนั้นจึงกางมือออกขยับนิ้วทั้งห้าราวกับกำลังหยอกล้อกับอาทิตย์แรกอรุณ
“น่าตลกนัก ตัวข้าถูกทิ้งให้เผชิญความตายนับครั้งไม่ถ้วน ณ ที่แห่งนี้ พระบิดาผู้โหดเหี้ยม ใจดำเป็นทวีคูณเมื่อเสด็จแม่จากไป พี่น้องทุกคนล้วนถูกทิ้งให้เอาตัวรอดท่ามกลางสัตว์ป่าที่หิวโซ ทั้งข้า ทั้งเคฮ์เฟรน....” ราชินีเหมือนเอ่ยกับอากาศ นัยน์ตาสีดำเพ่งมองดวงตะวันที่ปลายนิ้วของตน
“ข้านึกว่าเป็นข้าคนเดียวที่รอดมาได้ข้ามีสิทธิที่จะโกรธแค้น ทว่าเคฮ์เฟรนก็เอาชีวิตรอดมาเช่นกันแต่เขากลับเลือกที่จะอภัย” เพทราพูดรู้สึกได้ว่านัยน์ตาร้อนผ่าว เธอกระชับมีดสั้นแห่งกาลเวลาในมือข้างซ้ายแน่น
“เศฮ์เฟรน” พูดมาถึงตอนนี้ราชินีก็ยกมีดสั้นในมือขึ้นประทับริมฝีปาก คิดถึงจนหมดใจ
เนเฟอร่าประคองสองมือกระชับใบหน้างามคมที่แสนโศกเศร้านั้น นัยน์ตาประสานตา
“เคฮ์เฟรนอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป” นักเดินทางแห่งแสงปลอบ ใจกระหวัดถึงท่านผู้เป็นที่รักที่เธอเฝ้าเพียรตามหา ‘ท่านเรฟา เนเฟอร่าน้อยของท่านตัดสินใจถูกต้องแล้วใช่หรือไม่คะ?’
“แม้ต้องขัดบัญชาแห่งเทพแต่ยามนี้ข้ายินดีนักที่เจ้ามีชีวิตอยู่ จงเติบโตขึ้นเถอะเพทราข้าเชื่อว่าการข้ามผ่านกาลเวลานี้สอนบางสิ่งแก่เราทั้งสอง” เนเฟอร่าราวกับจะมองเห็นประกายสุกใสแห่งความรู้แจ้งในดวงตาของราชินีเป็นครั้งแรก เธอยิ้มอ่อนหวาน
“เจ้าเป็นใคร ข้ามั่นใจว่าเจ้ามิใช่มนุษย์ธรรมดา” เพทราเอ่ยถามจริงใจ
“ข้าคือนักเดินทางแห่งกาลเวลาผู้นำสารแห่งทวยเทพสู่เหล่ามนุษย์ ห้วงเวลาไร้สิ้นสุดกัดกร่อนวิญญาณข้าทีละน้อย โดยไม่รู้ตัวข้ากลายเป็นเพียงตุ๊กตาที่ทำตามบัญชาแห่งเทพเจ้า ไม่เคยสงสัย ไม่ใส่ใจ ไม่ตั้งคำถาม ทว่ายามนี้ข้าตระหนักแล้วถึงหน้าที่ของข้า ถึงทางเลือกที่สมควรกระทำ” เนเฟอร่าตอบอ่อนโยน เธอได้ยินเสียงเฮรูร้องพอใจแว่วมา
“หึ ถ้าเช่นนั้นข้าก็สมควรกระทำหน้าที่ในฐานะราชินีแห่งอียิปต์เช่นกันสินะ” เพทรานึกถึงเคฮ์เฟรน
“ข้าจะลองตามหาความหมายของชีวิตสักครั้ง” พูดจบราชินีก็ยันตัวขึ้นว่องไว ริ้วรอยแห่งความเศร้ายังคงฉาบไปทั่วใบหน้านั้นทว่าเนเฟอร่ามองเห็นบางสิ่งต่างออกไปจากครั้งแรกที่พบราชินี
‘ยังคงงดงาม ยังคงเย่อหยิ่ง ยังคงสูงศักดิ์ ทว่าไม่มีความเย็นชาอีกต่อไป’’
เพทรายืนอย่างสง่างามพลางยื่นมือให้เนเฟอร่า “มาเถอะ คราวนี้ข้าจะรับรองเจ้าในฐานะสหายคนสำคัญ”
ทั้วสองบ่ายหน้ากลับเข้าไปในตัววัง ทว่าราชินีและนักเดินทางแห่งแสงยังไม่รู้ บัดนี้วิหารแห่งเพทรามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเฝ้ารออยู่
-------------------------------------------------------------------------------
ย้อนกลับไปหลังจากที่คมมีดแห่งกาลเวลาได้นำพาเพทราและเนอเฟอร่าก้าวผ่านไปสู่อดีตและปลดปล่อยให้ห้วงเวลาแห่งปัจจุบันดำเนินต่อ ความโกลาหลได้บังเกิดไปทั่วเมื่อเหล่าข้าราชบริพารพบว่าราชินีหายตัวไปพร้อมนักเดินทางในชุดคลุมสีขาว
‘หรือจะเป็นการลงโทษของเทพเจ้า?’ เหล่าข้าสนองบาทพากันโจษจันสงสัย
‘หรือเพราะราชินีไม่ทรงเลือกสวามีผู้จะเถลิงยศเป็นฟาโรห์ จึงถูกลงทัณฑ์?’ นางกำนัลลอบกระซิบกัน
“ตึง! ตึง! ตึง!” ทว่าเสียงสับสนก็ถูกทำให้เงียบลงเมื่อทุกคนในที่นั้นได้ยินเสียงกลองสงครามดังแว่วมาจากกำแพงวัง.....................................
-------------------------------------------------------------------------------
| จากคุณ |
:
Fhal2a
|
| เขียนเมื่อ |
:
2 ก.พ. 53 23:22:25
|
|
|
|