บันทึกของผู้เฒ่า (๑)
|
|
บันทึกของผู้เฒ่า(๑)
๓ ม.ค.๕๓ เมื่อวันขึ้นปีใหม่ศุกร์ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ เราได้ไปลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมมหาราชวัง โดยนั่งรถแท็กซี่ไปลงที่หน้าประตูวิเศษไชยศรี วันนี้ถนนสามเสนจากบ้านสวนอ้อย มาถึงที่หมาย โล่งเป็นพิเศษ มาจนถึงหน้าประตูรถจึงติดกันแน่นขนัด
ครอบครัวของเราต้องเบียดผู้คน ที่มีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน เข้าประตูสูงใหญ่ที่ดูจะแคบไปถนัด จนเจ้าหน้าที่ซึ่งเคยกวดขันเรื่องการแต่งกายไม่สุภาพ เช่นการใส่รองเท้าแตะ การนุ่งกางเกงขาสั้น และสวมเสื้อไม่มีแขนของสตรี รวมทั้งฝ่ายชายที่เอาชายเสื้อเชิ้ตออกนอกกางเกง ต้องทำงานกันด้วยความอะลุ่มอล่วย เพราะดูไม่ค่อยทัน
เราเดินมาถึงสนามหญ้ากว้างใหญ่ หน้าศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับลงนามถวายพระพร ของข้าราชการกระทรวงต่าง ๆ ทั้งปัจจุบันและนอกราชการ ที่แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ส่วนเราซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ แต่แต่งกายตามสบายตามประสาคนแก่ทั่วไป ก็ต้องเข้าแถวรอลงนามในเต๊นท์หน้าตึกกับลูกชาย
หลายปีมาแล้วที่ครอบครัวของเรา ได้มาร่วมลงนามถวายพระพรวันปีใหม่ เราก็จะต้องเข้าแถวใดแถวหนึ่งที่เรียงรายอยู่รอบเต็นท์ ซึ่งมีประมาณหกเจ็ดแถว มาเมื่อปีที่แล้วจึงเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยให้เข้าแถวเพียงสองแถว จึงทำให้แถวนั้นยาวออกไปหลายสิบเมตร แต่เจ้าหน้าที่จะปล่อยให้เข้าไปลงนามครั้งละหกคน นั่งหกเก้าอี้ เสร็จแล้วจึงจะปล่อยชุดหลังเข้าไปแทน
มาถึงปีนี้ปรากฏว่าผู้คนมากมายกว่าปีก่อนสักสองสามเท่า และให้เข้าสองแถวเท่าเดิม ความยาวของแถวจึงเพิ่มขึ้นเป็นกว่าร้อยเมตร จากหัวแถวเลี้ยวโค้งไปตามขอบสนาม จนเกือบจะบรรจบครบทั้งสี่ด้าน แต่เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้เข้าไปแทนเก้าอี้ที่ว่างอย่างรวดเร็ว จึงทำให้แถวขยับเขยื้อนไปได้ไม่ทันเบื่อ และระหว่างยืนรอในแถวก็มีร่มคันใหญ่ บังแดดและมีร่มเงาของต้นมะขามที่ตัดเป็นพุ่ม และมีลมพัดโชยมาเป็นระยะ เราขยับเขยื้อนไปตามแถวเป็นเวลาสี่สิบนาที จึงถึงหน้าเต๊นท์ที่จะลงนาม
เมื่อนั่งเก้าอี้ลงนามถวายพระพรแล้ว ก็ลุกขึ้นหันไปถวายความเคารพ พระบรมฉายาลักษณ์ ที่ตั้งอยู่ตรงบันไดขึ้นตึก แล้วก็รับปฏิทินหลวง ขนาดเท่าสมุดพกขนาดเล็กหนึ่งเล่ม ก็เป็นอันเสร็จพิธี สมุดนี้มีข้อความที่หน้าปกว่า ปฏิทินหลวง พุทธศักราช ๒๕๕๓ พระราชทานสำหรับความสุขปีใหม่ บนพื้นสีฟ้า มีรายการเกี่ยวข้องกับประชาชนที่ควรรู้ตามสารบัญรวม ๒๑ รายการ
เสร็จจากการลงนามถวายพระพรแล้ว ก็มาสมทบกับน้องและแม่บ้าน ที่ขึ้นไปลงนามบนตึกในฐานะข้าราชการบำนาญของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงกลาโหม แล้วก็พากันเดินเลียบกำแพงด้านในไปทางทิศตะวันออก เพื่อเข้าไปไหว้พระในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ซึ่งมีคนเดินตามเส้นทางไปค่อนข้างมาก แต่ยังไม่แน่นถึงกับเบียดเสียด พอถึงประตูที่อยู่ถัดจากประตูวิเศษไชยศรี เจ้าหน้าที่ก็ชี้มือให้ออกทางประตู ไปเดินริมถนนนอกกำแพง เราก็บอกว่าเราจะไปวัดพระแก้ว เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าทางนี้เป็นทางออก ต้องไปเข้าใหม่ทางประตูสวัสดิโสภา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับกระทรวงกลาโหม
ประตูสวัสดิโสภานั้นก็กว้างเท่ากับประตูอื่น ๆ แต่เขาแบ่งให้เข้าออก สวนกันคนละครึ่ง เส้นทางที่จะเดินก็เหลือแคบนิดเดียว คราวนี้ก็เลยเกิดเบียดเสียดเยียดยัดกันอย่างหนัก กว่าจะผ่านเข้าไปถึงทางเดินด้านในได้ก็แทบจะพลัดหลงกันไปเลย และพอดีกับเจ้าหน้าที่เปลี่ยนแผนการ ให้คนออกเดินต่อไปทางประตูที่เราออกมาแล้ว และให้ประตูสวัสดิโสภาเป็นทางเข้าอย่างเดียว ได้สำเร็จพอดี
เราเดินตามฝูงชนที่มีความต้องการ จะเข้าไปไหว้พระแก้วมรกต ไปทางซ้ายมืออีกไม่ไกลก็ต้องผ่านประตูชั้นในที่เป็นระเบียงรอบวัด ประตูนี้เล็กกว่าประตูใหญ่ครึ่งหนึ่ง เส้นทางเดินก็กลับแคบเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง ต้องค่อย ๆ ขยับเขยื้อนเบียดเสียดผ่านไปอย่างทุลักทุเลอีกครั้ง จึงเข้าไปพบว่า ข้างในที่ว่างรอบพระอุโบสถวัดพระแก้ว เนืองแน่นไปด้วยผู้คน แทบจะไม่มีที่ว่างเอาเลยทีเดียว และคราวนี้ผู้คนเหล่านั้นก็ไม่ได้เดินไปทางเดียวกันด้วย แต่เดินสวนกันไปมาหลายทิศทาง กว่าที่เราจะแหวกเข้าไปถึงริมกำแพงแก้วของพระอุโบสถ และมองผ่านประตูโบสถ์ เข้าไปเห็นองค์พระสีเขียวมรกตได้เหงื่อก็โทรมไปทั้งตัว
เราต่างพนมมือไหว้พระระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยไม่ต้องมีดอกไม้ธูปเทียน แล้วก็ถอยกลับไปหาทางออก กว่าจะผ่านด่านต่าง ๆ ได้พ้น ก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกว่าครึ่งชั่วโมง แม้จะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง และหิวโหยกระทายน้ำเป็นกำลัง แต่ก็อิ่มใจที่ได้ปฏิบัติภารกิจที่ตั้งใจจะทำเป็นประการแรก ของวันขึ้นปีใหม่ได้สำเร็จสมประสงค์
และคงจะมีความสุขใจไปจนตลอดปีทีเดียว.
#############
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.พ. 53 08:10:05
|
|
|
|