Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผีรถตู้ ...  

ผมจำได้ว่าในวันนั้นเป็นวันหยุดท้ายของการทำงาน ก่อนที่จะถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในวันนั้นผมต้องเร่งเคลียร์งานของผมให้เสร็จ เพื่อปิดงบการทำงานทั้งหมดให้ทันภายในรอบบัญชีของปี ซึ่งกว่าที่ผมจะออกจากที่ทำงานได้ก็เกือบจะ 4 ทุ่มแล้ว

ในเวลาดังกล่าว ถ้าเป็นวันอื่นก็คงจะธรรมดารู้สึกว่ายังไม่ดึกมากสักเท่าไหร่นัก แต่อาจจะเป็นเพราะว่าในวันนั้นผู้คนต่างก็รีบเดินทางกลับบ้านกันตั้งแต่ช่วงบ่ายและช่วงเย็นไปเกือบหมดแล้ว จึงทำให้ค่ำคืนนั้นในย่านออฟฟิตสำนักงานที่บริษัทของผมตั้งอยู่ดูเงียบเหงาผิดปกติ ผมต้องรีบเดินทางกลับบ้านให้ทันภายในคืนนั้น เพื่อที่จะได้ออกเดินทางไปต่างจังหวัดพร้อมกับที่บ้านของผมในเช้าวันรุ่งขึ้นได้

แต่ว่าค่ำคืนก่อนวันหยุดยาวนี้ มันช่างเงียบเชียบเหลือเกิน รถราต่าง ๆ มีวิ่งให้เห็นบนถนนน้อยมาก จะหารถแท็กซี่ที่ผ่านมาสักคันก็ไม่มีเลย เวลายิ่งล่วงเลยไปมากยิ่งทำให้การเดินทางกลับบ้านของผมยากลำบากมากขึ้นไปอีก ผมจึงตัดสินใจโบกเรียกรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างคันหนึ่งที่วิ่งผ่านมา เพื่อที่ผมจะได้โดยสารออกจากจุดที่เงียบเหงาใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว

“พี่ ๆ ไปส่งที่เสาวรีย์เท่าไหร่ครับ?”

ผมรีบถามคนขับรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างค้นนั้นทันที่เขาจอดรถรับผม

“แปดสิบบาท”

คนขับรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างตอบผมด้วยน้ำเสียงที่ห้วน ๆ และหยาบกระด้าง ทำให้ผมต้องหยุดคิดไปชั่วขณะเพราะว่าราคาค่าโดยสารแปดสิบบาทนั้นผมถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างจะแพงจนเกินไป ระยะทางก็ไม่ได้ไกลจนเกินไปนัก ถ้าผมนั่งรถแท็กซี่ไปมิเตอร์ของรถแท็กซี่ก็คงขึ้นไม่เกิน 60 บาทแน่ ๆ

แต่ว่าในช่วงเวลาขณะนั้นจะให้ผมทำอย่างไรได้ล่ะครับ ในเมื่อรถแท็กซี่สักคันก็ไม่มีผ่านมาเลย แล้วเวลาก็เริ่มดึกขึ้นทุกที ผมเลยตัดสินใจเดินไปนั่งคร่อมที่เบาะหลังคนขับมอเตอร์ไซต์รับจ้างในทันที

“พี่ ๆ ไม่มีหมวกกันน็อคเหรอครับ?”

ผมถามคนขับรถมอเตอร์ไซต์ เพราะว่าผมไม่อยากจะโดนตำรวจจราจรจับปรับในช่วงเวลานั้น

“ไม่มี หมวกกันน็อคเปื้อนเลือดเลยโยนทิ้งไปแล้ว”

คำตอบที่ผมได้รับยังคงห้วน ๆ และหยาบกระด้างเหมือนเดิม ก่อนที่คนขับมอเตอร์ไซต์จะหันกลับมาพูดกับผมอีกครั้ง

“เกาะให้ดี ๆ ... อย่าให้ร่วงตกลงไปหัวฟาดพื้นแบบคนที่แล้วล่ะ”

ผมได้แต่ฟังที่เขาพูด แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป คนขับรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างจึงได้ออกรถวิ่งไปตามทางข้างหน้า

สายลมเย็น ๆ เริ่มพัดเข้าปะทะกับใบหน้าของผม แล้วก็พัดแรงขึ้นตามความเร็วที่รถมอเตอร์ไซต์วิ่งไปข้างหน้า จนทำให้ผมต้องก้มหน้าหลบไปหลังหมวกกันน็อคของคนขับที่อยู่ตรงใบหน้าผม แต่มือของผมก็ยังคงกอดเอวของคนขับไปตลอดทาง จนกระทั่งสักครู่หนึ่งก็มีสายฝนเม็ดปรอย ๆ ตกลงมาพร้อมกับสายลมที่แรงขึ้น

“พี่ช่วยเลยไปส่งผมที่ท่ารถตู้ด้วยนะครับ”

ผมตะโกนด้วยเสียงอันดังเพื่อแข่งกับสายลมและสายฝนตกที่ตกลงมา เพื่อบอกคนขับรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างให้รู้ถึงจุดหมายที่ผมต้องการจะไป หลังจากนั้นอีกเพียงไม่ถึง 10 นาที รถมอเตอร์ไซต์ก็ไปจอดที่หน้าปากทางเข้าสู่ท่ารถตู้

ผมรีบลงรถรถมอเตอร์ไซต์พร้อมกับควักแบงค์ร้อยส่งให้แก่คนขับมอเตอร์ไซต์รับจ้าง แล้วผมก็ต้องรีบวิ่งหลบสายฝนเข้าไปอยู่ใต้กันสาดของร้านค้าที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ผมไม่ทันสังเกตว่ารถมอเตอร์ไซต์รับจ้างคันที่ผมนั่งมานั้นได้แล่นออกไปแล้ว

“อ้าว ... แล้วตังค์ทอนล่ะ”

ผมได้แต่พูดกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกับมองดูรถมอเตอร์ไซต์คันนั้นวิ่งหายไปกลางสายฝน ในตอนนั้นสายฝนเริ่มตกลงมาหนาเม็ดมากขึ้น ผมยกนาฬิกาข้อมือของผมขึ้นมาดู ในตอนนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่มสี่สิบห้าแล้ว ผมจึงเลิกใส่ใจกับเงินทอน แล้วผมพยายามมองดูว่าฝนที่กำลังตกลงมาเมื่อไหร่จะหยุดสักที เพราะว่าถ้าฝนยังคงตกหนักอยู่ตลอดค่ำคืนนี้ผมคงไม่ได้กลับบ้านเป็นแน่

ผมมองตรงไปยังท่ารถตู้ที่อยู่เลยไปไม่ไกลมากนัก ตอนนั้นมีรถตู้จอดอยู่ 1 คัน มีผู้โดยสารที่เข้าแถวกำลังทยอยกันขึ้นรถ แต่ว่าในตอนนั้นผมก็ยังไม่สามารถวิ่งผ่าสายฝนออกไปได้ ผมไม่อยากให้เสื้อผ้าของผมเปียกมากไปกว่านี้ เพราะว่าถ้าผมขึ้นไปโดนแอร์เย็น ๆ บนรถตู้แล้ว ผมอาจจะเป็นหวัดไม่สบายก็ได้

ผมได้แต่เฝ้ามองรถตู้คันนั้นวิ่งออกไปจากท่ารถ พร้อมทั้งมองสายฝนที่กำลังตกลงมาจากบนฟ้า ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกว่าฝนได้ซาลงบ้างแล้ว ผมพยายามมองหาอะไรสักอย่าง ที่เป็นแผ่นกระดาษที่ผมสามารถเอามาใช้บังฝนได้ แล้วผมก็เจอแผ่นพลาสติกสีแดงกลม ๆ แผ่นหนึ่งวางอยู่ที่บนหิ้งหน้าร้านค้าแห่งนั้น ผมรีบเอื้อมมือไปหยิบเอามันขึ้นมาบังไว้บนหัวของผม แล้วผมก็ตัดสินใจวิ่งผ่านสายฝนเพื่อตรงไปยังท่ารถตู้ที่อยู่ไม่ไกลตรงหน้าในทันที

ผมวิ่งมาหยุดอยู่ที่ป้ายบอกเส้นทางของท่ารถตู้ ทำให้ผมเป็นคนแรกที่มาเข้าแถวรอขึ้นรถตู้ ซึ่งในตอนนั้นยังว่างเปล่าไม่มีรถตู้แล่นเข้ามาจอดเทียบเพื่อรอรับผู้โดยสารเลย ผมจึงได้มองสำรวจโดยรอบตัวของผมเอง แล้วผมก็พบว่าเสื้อและกางเกงบางส่วนของผมเปียกฝน แต่ยังโชคดีที่บนศีรษะของผมไม่เปียกมากเท่าไหร่ เพราะว่าผมมีแผ่นพลาสติกบังหัวเอาไว้ในตอนที่วิ่งฝ่าสายฝนมา ผมจึงโยนแผ่นพลาสติกที่หมดความหมายนั้นทิ้งไปข้าง ๆ ตัว

แผ่นพลาสติกสีแดงกลม ๆ ที่ถูกผมโยนทิ้งไปค่อย ๆ กลิ้งไปจนหยุดอยู่ที่เท้าของอาม่าคนหนึ่งที่กำลังเดินมาพอดี อาม่าคนนั้นก็ได้ก้มลงไปหยิบแผ่นพลาสติกสีแดงกลม ๆ นั้นขึ้นมา

“ไอ่หย่า ... ใครเอาถาดถวายของเซ่นมาเล่นอีกแล้ว เดี๋ยวก็โดนเจ้าพ่อหักคออีกหรอก ... อีพวกนี้ซี้ซั้วน่าดูเลย”

อาม่าคนนั้นพูดบ่นขึ้นพร้อมทั้งหยิบแผ่นพลาสติกสีแดงกลม ๆ ที่เธอบอกว่าเป็นถาดถวายของเซ่นไหว้เจ้าที่นั้นขึ้นมา แล้วอาม่าก็เดินฝ่าสายฝนกลับไปยังหน้าร้านค้าที่ผมเพิ่งจะวิ่งจากมา ผมได้แต่เหม่อลอยยืนมองตามอาม่าที่กำลังเดินจากไป

“เป็นถาดถวายของเซ่นเจ้าที่เหรอนี่” ผมคิดขึ้นในใจด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก

แล้วผมก็รู้สึกว่ามีมือของใครบางคนมาสะกิดที่หลังของผม ทำให้ผมต้องรีบละสายตาจากอาม่าและหันหลังกลับไปมองดูในทันที

“เฮ้ย”

ผมได้แต่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือชายสูงอายุคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองผมอยู่

“จะไปไหน?” ชายสูงอายุคนนั้นถามผมขึ้นอย่างห้วน ๆ

“เออ ... ผมจะไปลงที่ลาดหลุมแห้วครับ”

ผมตอบออกไปด้วยความโล่งอก เพราะว่าชายสูงอายุคนนี้ก็คือคนขับรถตู้นั้นเอง

“ห้าสิบบาท”

คนขับรถตู้บอกผมด้วยน้ำเสียงที่แหบ ๆ และห้วน ๆ เหมือนเดิม ผมจึงหยิบแบงค์ห้าสิบบาทจากกระเป๋าสตางค์ของผมส่งให้แก่คนขับรถตู้

“ลงลาดหลุมแห้วสุดสาย เข้าไปนั่งในสุดเลย”

คนขับรถตู้บอกผมในขณะที่รับแบงค์ห้าสิบบาทจากมือผม ทำให้ผมต้องมองข้ามไหล่ของคนขับรถตู้ไป ผมเห็นรถตู้คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหลังคนขับ ทำให้ผมต้องสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า รถตู้คันนี้เข้ามาจอดเทียบที่ท่าจอดรถตู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่สังเกตเห็นเลย

คนขับรถตู้หันหลังไปเปิดประตูรถตู้ให้แก่ผม ผมเลยต้องเดินขึ้นไปในรถตู้ทันที ผมค่อย ๆ เดินขยับตัวผ่านเบาะที่นั่งเข้าไปจนถึงเบาะที่นั่งด้านหลัง แล้วผมก็เข้าไปนั่งในตำแหน่งที่อยู่ติดกับหน้าต่างด้านในสุดเพื่อคอยเวลาที่รถตู้จะออกเดินทาง ซึ่งหลังจากนั้นอีกสักพักก็มีผู้โดยสารอีก 4-5 คนขึ้นมาบนรถตู้ โดยแต่ละคนก็กระจายนั่งกันไปตามเบาะต่าง ๆ ที่ว่างอยู่

ผมมองออกไปภายนอกหน้าต่าง ผมเห็นแสงไฟสว่างจากหน้าร้านค้าที่อยู่หน้าปากทาง ร้านค้าที่ผมได้ไปยืนหลบฝนมาก่อนหน้านี้ ในตอนนั้นที่หน้าร้านค้ามีใครบางคนยืนอยู่ ผมพยายามมองดูแต่ผมก็เห็นไม่ชัดมากนัก ผมเห็นเป็นผู้ชายสวมชุดสีขาวที่เป็นชุดยาว ๆ ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วผมก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าชายคนนั้นกำลังจ้องมองมาที่รถตู้คันที่ผมนั่งอยู่

จากคุณ : อาคุงกล่อง
เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 15:07:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com