ความคิดเห็นที่ 1 |
|
เฮ้ย..พี่ พี่เราเขาเป็นท่านลอร์ดแล้ว บอกให้เอาราชรถไปรับด้วย เอาไงดีวะ เอาไงล่ะ เราไม่มีตังค์เช่าลิมูซีนไปรับหรอก ชั่วโมงละตั้ง ๓๐๐ เหรียญ เรานึกไปถึงรถลีมูซีนที่คู่แต่งงานใช้ตระเวนไปตามจุดต่าง ๆ ของมอสโคว เพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่ละคันยาวเท่ารถบัสได้ เราถกเถียงกันอยู่นานแล้วก็มาลงความเห็นตรงกันว่า เราควรจะใส่สูท และเอาช่อดอกไม้ไปต้อนรับท่านลอร์ดกัน
ณ วันที่พี่เรามา ดิฉันใส่สูทสีขาว ส่วนพี่โซดาใส่สูทสีดำ เมื่อเราไปถึงโรงแรมที่ลูกเรือการบินไทยพักเราก็เห็นว่าพวกเขามาถึงพักใหญ่แล้ว และกำลังรอรับกุญแจห้อง ท่ามกลางสายตาของกัปตันและลูกเรือทั้งไฟลท์ เราสองคนเดินเข้าไปหาพี่ นายโซดาโค้งคำนับ ส่วนดิฉันถอนสายบัวพร้อมทั้งยื่นช่อดอกไม้ให้ท่านลอร์ด สายตาทุกคู่จ้องมาที่พวกเรา คงคิดว่าเราเล่นบ้าอะไรกันอยู่ เราไม่ได้อธิบายใครหรอก ว่าพี่เราเป็นนักบินคนแรกของการบินไทยที่เป็นถึง Lord of Sealand (ด้วยเงินเพียง ๒๐ ปอนด์ เท่านั้น)
ท่านลอร์ดเล่าให้เราฟังว่า พอกลับไปไทยท่านก็พยายามอยู่นานจนสามารถสมัครได้ เมื่อพี่ได้ชำระเงินผ่านทางเครดิตการ์ดไปแล้ว อีกสามอาทิตย์ให้หลังก็มี Royal mail ส่งมาที่บ้าน เมื่อเปิดออกมาพี่ก็เห็นว่ามันมีใบแต่งตั้งส่งมาให้จาก Royal family จริง ๆ จากนั้นพี่ก็ถามเราว่ายังจะเอาอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวพี่จะสมัครให้ พวกเราตกลงพร้อมบังคับให้พี่รับเงินค่าสมัครไปด้วย (พวกนักบินมักชอบมาทำอะไรให้เราฟรี ๆ เสมอ) แล้วเราก็ตั้งตาคอยใบแต่งตั้งอย่างใจจดใจจ่อ บ่อยครั้งเวลาที่เรานั่งกินข้าวด้วยกันเรามักคุยกันถึงเรื่องที่ว่าหากเราเป็น Lord และ Lady of Sealand แล้วชีวิตของเราจะเป็นยังไงต่อไป ดิฉันย้อนคิดไปถึงตอนที่สมเด็จพระราชินีทรงเสด็จมาเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการเมื่อสามปีก่อน ยุคนั้นเป็นยุคมืดของดิฉัน น้อง ๆ ที่มหาวิทยาลัยมิตรภาพประชาชนแห่งรัสเซียทุกคนจึงพลอยตกอับไปด้วย ในวันที่สถานทูตเรียกประชุมนักเรียนเพื่อมอบหมายหน้าที่ ในลิสต์รายชื่อนักเรียนนั้นไม่มีน้องจาก ม. ของดิฉันเลยแม้แต่คนเดียว มีแค่ตัวพี่อย่างดิฉันที่เขามอบหมายให้ไปทำงานที่หนักที่สุด และไม่ได้หน้ามากที่สุด (เพราะจะไม่มีใครได้เห็นหน้าดิฉันเลย) และมันเป็นอีกครั้งที่ดิฉันได้แต่ตอบพวกน้องว่า.... พี่ไม่รู้
ดิฉันได้รับมอบหมายให้คอยอำนวยความสะดวกในการขนพระราชสัมภาระของพระองค์ท่านไปยังพระราชวังเครมลินซึ่งทางรัฐบาลรัสเซียจัดให้เป็นที่ประทับ พร้อมทั้งขนของที่ท่านทรงนำมาจัดแสดงให้ประธานาธิบดีปูตินชม อันประกอบไปด้วยนกยูงทองคำ เรือใบทองคำ ฯลฯ นั่นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้เห็นการทำงานของพวก Red cap ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของการบินไทยที่ปฏิบัติงานอยู่ที่สนามบิน หลังจากที่ได้อยู่กับเขาตลอดวันดิฉันก็รู้ได้โดยไม่ต้องถามว่าทำไมหน้าของพวกเขาจึงเป็นฝ้า และทำไมพวกเขาจึงต้องตื่นก่อน นอนทีหลัง วันนั้นเราได้นอนทีหลังจริง ๆ เพราะกว่าที่พวกเราจะลำเลียงของทั้งหมดเข้าไปในเครมลินก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน เมื่อไปถึงที่นั่นท่านผู้หญิงที่เป็นผู้อำนวยการโครงการศิลปาชีพจิตรลดาก็ได้มาช่วยกำกับงาน ทางฝ่ายรัสเซียเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือโดยการให้ทหารเกณฑ์หน่วยประจำพระราชวังเครมลินมาช่วย หัวหน้ายามของเครมลินช่วยเหลือพวกเราจนทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ตามแผนการแล้วหน้าที่ของดิฉันจะต้องจบลงแค่ตรงนั้น แต่ท่านผู้หญิงได้วานให้ดิฉันไปช่วยอีกในวันรุ่งขึ้นเพื่อให้ไปช่วยติดตั้งของที่นำมาแสดง ท่านเห็นแล้วว่าไม่มีใครในนั้นสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ จึงเรียกให้ดิฉันไปช่วยอีกแรง เมื่อคนของทางกระทรวงการต่างประเทศรู้เข้าจึงท้วงและบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ดิฉัน แต่ท่านผู้หญิงยังคงยืนกรานคำเดิมดิฉันจึงได้เข้าไปในเครมลินในวันถัดไป
รุ่งขึ้นดิฉันได้เข้าไปอำนวยความสะดวกจนทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ในตอนค่ำของวันนั้นท่านผู้หญิงได้ขอให้ดิฉันเข้าไปช่วยในวันรุ่งขึ้นอีก ท่านอยากให้ดิฉันคอยเป็นล่ามแปลหลังจากที่งานเลี้ยงเสวยพระกายาหารค่ำสิ้นสุดลง สมเด็จพระราชินีทรงมีพระประสงค์จะแนะนำช่างของศูนย์ศิลปาชีพจิตรลดาทั้ง ๕ คนที่ตามมาติดตั้งของแสดงให้ท่านประธานาธิบดีรู้จัก ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่ กต. พูดว่า ไม่ได้นะคะท่านผู้หญิง เด็กคนนี้ไม่มีชุดไทยเรือนต้น ท่านผู้หญิงบอกว่า ให้เด็กคนนี้ใส่ชุดของพี่ก็ได้ ดิฉันเห็นดังนั้นจึงเสนอว่า จอยมีค่ะท่านผู้หญิง เมื่อสมัยการบินไทยให้ไปช่วยยืนโปรโมทสายการบินเขายกชุดให้จอยสองชุด ถอดสไบออกก็กลายเป็นชุดไทยเรือนต้นแล้ว เป็นอันว่าแผนสกัดดาวรุ่งของใครต่อใครเป็นอันล้มเหลว...
แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 53 17:43:58
จากคุณ |
:
venograd
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.พ. 53 08:32:59
|
|
|
|