ความคิดเห็นที่ 1 |
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ไม่ว่าใครเคาะประตู บอกให้รู้ ฉันไม่เคยไว้ใจ หน้าประตูมีสิ่งใดจะดีร้าย? ไม่สนใจ เพราะอย่างไร ฉันจะไม่เปิดดู ก๊อก ก๊อก ก๊อก ...
บทที่ 3 บานประตู
1 ไม่ได้ล๊อค! กันณพตตะโกนบอกในที่สุด หลังจากที่ฟังเสียงอันน่ารำคาญนี่มานานเกินจะทน แต่ร่างกายและสายตายังแน่นิ่งไม่คิดจะขยับไปไหน นิ้วชี้คลิกเม้าส์หนึ่งครั้ง คอมพิวเตอร์แมคอินทอชทำงานด้วยความว่องไว ปรากฏภาพบนการ์ดจอในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ สายตาเพ่งไปยังรูปหาดทรายอันเนืองแน่นไปด้วยผู้คนท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับที่ประดับอยู่เกลื่อนหาด ชัดลึกลงไปเห็นเป็นน้ำทะเลสีนิลในยามค่ำคืนที่สาดซัดระลอกคลื่นแผ่วเบาหยอกล้อกับพระจันทร์ดวงกลมโตบนฟากฟ้ามืด ลากเม้าส์ตีกรอบวงกลมรอบดวงพระจันทร์ จากนั้นคลิกอีกสองสามครั้ง พระจันทร์ส่องแสงนวลระเรื่อชัดเจนขึ้น ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซดขนหมดกระป๋อง ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็เปิดขึ้น พร้อมกับการก้าวเข้ามาของชายหนุ่มอีกคน กันณพตหาได้มีทีท่าว่าสนใจในตัวผู้มาเยือนไม่ สายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คราวนี้แสงของจันทร์คล้ายจะแลดูเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด เริ่มเป็นที่พอใจของศิลปิน บานประตูถูกเปิดในที่สุด พร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายปนกับหงุดหงิดของผู้ที่มาเยือน บางทีก็ต้องการน้ำใจว่ะ มาช่วยถือของบ้างอะไรบ้าง กรณพัตเดินเข้ามาด้านใน สายตามองน้องชายฝาแฝดที่กำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า ถอนใจ โยนสัมภาระข้าวของลงบนโต๊ะด้านหน้า ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า คราวนี้เองที่กันณพตเริ่มจะใส่ใจในตัวผู้มาเยือน พวกมันกำลังทำอะไรอยู่ ถามขึ้มพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น คว้าเบียร์ขึ้นมาเปิดเพิ่มอีกหนึ่งกระป๋อง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่ยอมตอบสักที จึงถามซ้ำพร้อมกับตวัดสายตามอง มาถึงนานแล้วใช่ไหม เออ ! กำลังกินข้าว แต่ฉันแยกออกมาก่อน กรณพัตลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปที่ตู้เย็น สวนกับชายหนุ่มอีกคนที่เดินกลับไปนั่งประจำที่ตรงคอมพิวเตอร์ ในจังหวะที่เดินสวนกัน ถ้ามีสักคนสังเกตการณ์อยู่ คงจะรู้สึกได้ว่าถ้ามองผาด ๆ แบบชั่ววินาที ก็คงจะว่าชายหนุ่มทั้งสองดูเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก กรณพัตเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์ขึ้นมาเปิดแล้วดื่มเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างฉงนปนกับหมั่นไส้ปนกับหงุดหงิดและปนกับอาการคันไม้คันมืออย่างประหลาดกับท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่แสนจะรบกวนโทสะจากน้องชายฝาแฝด พวกเขาถามหานายกันอยู่นะ ไม่คิดจะไปหาพวกเขาหน่อยหรือไง เอาไว้พรุ่งนี้ อีกฝ่ายตอบทันทีแบบขอไปที - ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกอยากจะต่อยปากสักที - ในขณะที่สายตาและสมาธิเพ่งไปกับรูปถ่ายในจอคอมพิวเตอร์ ท่าทางของกันณพตทำเอากรณพัตเสียการควบคุมทางอารมณ์ไปกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่นายนัดเขามาวันนี้น่ะนะ ! พวกมันไม่ถือหรอกน่า เออ ! ก็สมกับเป็นนายดี ไม่รู้จะว่าอย่างไร กรณพัตก็ตัดสินใจเมินเฉยเสีย ไม่อยากจะสนใจให้ปวดหัวไม่เป็นเรื่อง คิดในใจถึงอีกฝ่ายเพียงว่ามันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ กวนตีนมาตั้งแต่เด็กจนโต ชายหนุ่มผู้พี่เดินมายืนอยู่ด้านหลังของน้องชาย สายตามองข้ามไหล่ จับจ้องไปที่ภาพถ่ายในคอม ก่อนจะถามขึ้น ที่ไหน พงัน อ่อ ! ฟูลมูนปาร์ตี้ มุมปากเชิดเล็กน้อยคล้ายกับจงใจปรามาส พนันได้เลยว่านายไม่น่าจะได้เอาสาวสักคนเพราะมัวแต่ตั้งกล้องถ่ายไอ้รูปบ้านี่อยู่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอา แต่จะบอกให้ว่าฉันเป็นคนที่สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียว และทำได้ดีด้วย อีกฝ่ายตอบสวนไปอย่างรวดเร็วด้วยเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ในขณะที่สายตาและสมาธิยังคงจดจ่อกับการรีทัชพระจันทร์ดูให้โดดเดี่ยวกว่าเดิม ท่ามกลางท้องฟ้ามืดและแสงสีของปาร์ตี้เบื้องล่างที่ไร้ซึ่งแววแห่งการแยแส นี่นายไม่คิดจะขอบคุณฉันบ้างหรือที่วันนี้อุตส่าห์ไปรับเพื่อนนายมาให้ ว่าจะเมิน แต่สุดท้ายกรณพัตก็ไม่อาจจะสลัดมันได้หลุด ไม่จำเป็น กันณพตพ่นลมหายใจเล็กน้อย ดูคล้ายจะเป็นลมหายใจเย็น ๆ ที่ละเลียดแผ่วออกมาจากปลายจมูกอย่างบรรจง ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง กรณพัตถอนใจแรง ไหน ๆ นายก็ต้องมาที่นี่วันนี้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง นายบอกเองว่าอยากเจอขวัญ สองหนุ่มสบตากันเล็กน้อย ในตอนนี้ ถ้ายังมีผู้สังเกตการณ์อยู่ แล้วมองเข้ามาอย่างละเอียด ก็จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่าชายหนุ่มทั้งสองเริ่มจะมีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด กรณพัตหรือ สอง ดูสำอาง มีมาดเป็นหนุ่มเนื้อหอม แต่งกายอย่างพิถีพิถัน ผมทุกเส้นเรียกได้ว่ามีบทบาทเท่าเทียมกันในการประกอบจัดเป็นทรง นอกไปจากนั้น กรณพัตมีแววตาหลุกหลิกกระตือรือร้น ฉายแววรักสนุกและเปิดเผย ในขณะที่กันณพตหรือ สาม แทบจะไม่มีเค้าดังกล่าวเลย ตรงกันข้าม เขาปล่อยปะตัวเองอยู่ภายใต้เสื้อผ้าปอน ๆ แบบพวกศิลปินจัด ผมเผ้าก็ปล่อยปะไม่เป็นทรง หามีความสำอางไม่ แววตาของเขาก็ดูสงบ แน่นิ่ง จนแทบจะไร้ความเคลื่อนไหวใด ๆ บนประกายตาที่จะแสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง แล้วนี่เป็นไงบ้างล่ะ หมายถึงขวัญหรือ กรณพัตทวนคำถาม อีกฝ่ายขมวดคิ้ว งั้นใครก็ได้ ขวัญก็ดี เจอกันแล้วก็หายคิดถึง ส่วนคนอื่นก็.... ผ่อนลมหายใจ สายตาเหม่อลอยผ่านหน้าต่างมองออกไปยังเกลียวคลื่นบนผืนน้ำที่สะท้อนแสงสีส้มเบา ๆ ของดวงตะวันที่กำลังละลายอยู่สุดขอบโพ้นทะเลไกลลิบ เนิ่นนานกว่าที่กรณพัตจะเอ่ยคำสุดท้ายออกมาได้ ...น่ารักดี กันณพตชะงักไปกับคำพูดของพี่ชาย ก่อนจะยิ้มมุมปาก บอกได้ไหมว่าใคร ก็พวกเพื่อน ๆ นายไง กรณพัตขมวดคิ้วอย่างงุนงง เดินไปที่ตู้เย็น คว้าขวดน้ำออกมารินใส่แก้ว ฉันว่าฉันรู้สึกเพื่อนฉันดี กันณพตตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบแฝงไว้ด้วยความยโสโอหังอย่างบอกไม่ถูก ขอโทษนะ ที่มากันวันนี้ไม่เห็นจะมีใครที่นายควรจะสนเลยสักคน เหมือนกับโดนจี้เข้าที่แผล กรณพัตยอมรับว่าตนรู้สึกพล่านขึ้นมาเล็กน้อยในห้วงความรู้สึก เขาเป็นอย่างนี้เสมอ จึงมักจะโดน จี้ เอาได้ง่าย ๆ และพอโดนจี้ทีไรก็มักจะไร้สติ ปกปิดความรู้สึกไม่ค่อยอยู่ คราวนี้ก็ไม่รอด งั้นนายกับฉันคงคิดต่างกัน หลุดปากโพล่งออกไปทันที เพราะฉันรู้สึกว่าเพื่อนนายน่ะ น่ารักและน่าสนใจมาก ใคร เหมือนจะเข้าช่อง คราวนี้อีกฝ่ายดูจะสงสัยถึงขั้นจริงจัง ถึงขนาดละสายตาจากหน้าจอ แล้วหันมารอคำตอบจากพี่ชาย แต่กระนั้น น้ำเสียงของกันณพตก็ยังคงเยียบเย็นและใบหน้าของเขาก็ยังแน่นิ่ง ความเคลื่อนไหวเดียวที่จับได้คือประกายความสงสัยเล็ก ๆ บนดวงตาดำสนิท กิ่ง? นั่นมันผู้ชายไม่ใช่หรือ เพศชายแต่ไม่ใช่ผู้ชาย กันณพตหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ดังออกมาแค่ในลำคอ แต่ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ก็แค่นึกว่านายอาจจะเปลี่ยนรสนิยม ไม่ขำเลยว่ะ กรณพัตพ่นลมหายใจ แล้วหันหลังตั้งท่าจะขึ้นบันไดไปห้องนอน คราวนี้อีกฝ่ายพูดชิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเผยความตื่นเต้นออกมาอย่างชัดเจนที่สุด เอาจริง ๆ สิ จะไม่บอกหน่อยหรือว่าใคร ผู้ถูกถามหันหลังกลับ บุคลิกเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่เล็กน้อย ดูสงบขึ้นอย่างทันท่วงที มองสีหน้าคาดคั้นจากผู้ถาม ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ตอบคำถาม แต่เสพูดไปเรื่องอื่น พี่หนึ่งฝากฉันมาด่าที่นายไม่ยอมไปงานแต่ง บอกว่าถ้าไม่โทรไปบอกเหตุผลดี ๆ เธอจะไม่คุยกับนายอีก แล้วก็จะตัดพี่ตัดน้องด้วย คราวนี้เธอเอาจริง และฉันก็จะสนับสนุน พูดจบก็หันหลังกลับ แต่ก็ยังไม่วายชะงักหันมาพูดอีกรอบ คล้ายกับเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วก็อย่าลืมโทรหาแม่บ้าง นายก็น่าจะรู้นี่หว่าว่าแม่ป่วย ต้องการกำลังใจ โทรไปแค่อาทิตย์ละครั้งมันน้อยเกิน พอจบประโยคนี้ ก็เหมือนไม่หลงเหลืออะไรต้องพูดอีกแล้ว กรณพัตเดินลิ่วขึ้นไปชั้นบน ไม่ได้กลับลงมาอีก กันณพตยกเบียร์ขึ้นซดอีกหนึ่งอึก ก่อนจะเพ่งสายตาจับจ้องดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสงเศร้าสร้อยท่ามกลางความสนุกสนานสุดเหวี่ยงของผู้คนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงจันทร์เหงา ๆ ... ...ไม่มีใครแยแส กันณพตลืมไปหมดสิ้นว่าพี่ชายกำชับอะไรตนเอาไว้
| จากคุณ |
:
Waasuthep
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 ก.พ. 53 19:35:37
|
|
|
|