Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พลอย มินิ ชะแลง ตอนที่ 2  

ลิ้งค์สำหรับตอนที่แล้วค่ะ

พลอย มินิ ชะแลง ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W8879671/W8879671.html

เดี๋ยวไว้คุยคห.ข้างล่างละกันเนอะ อ่านตอนนี้ก่อนก็แล้วกันค่ะ

=============================================

2.

‘อย่าลืมโทรมานะครับ ผมจะรอ’

รอไปเถอะ...ฉันคงโทรหานายหรอก! คนอะไรทำตัวน้ำเน่าไม่สมกับหน้าตา

ทว่าเอาเข้าจริงแล้ว คำพูดของคนที่ไม่ยอมขึ้นไปทำงานหลังพักกลางวัน แถมยังยืนส่งเธออยู่ชั้นล่างของตึกงามนั่นทำให้เธอต้องลองมาส่องกระจกดูหน้าตาตัวเองว่ามันมีอะไรให้น่าติดใจหรืออย่างไรกัน เพราะเท่าที่จำความได้ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้ามาในชีวิตเธอลักษณะนี้เสียที ที่เคยคบๆอยู่ก็เป็นประเภทเพื่อนมาก่อนทั้งนั้น

สิ่งที่สะท้อนจากกระจกก็มีเพียงแค่ผู้หญิงหน้าเรียว ผิวสองสี ตาโต ผมยาวมัดหางม้าดูแล้วเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยมากกว่าคนที่เรียนจบมาได้เกือบห้าปีแล้ว รูปร่างก็ไม่ได้วิเศษเลิศเลอ เธอสูงตามมาตรฐานหญิงไทย ออกจะมีกล้ามเนื้อเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ รสนิยมแต่งตัวหรือก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แค่ต้องเปลี่ยนไปตามงานที่ทำ ยิ่งตอนที่เจอนายนั่นก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตกับกระโปรงสีสุภาพ เอ่อ...ถ้าตอนที่เปลี่ยนเสื้อก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เท่านั้น

หรือนายนั่นติดตาเรื่องที่เธอไปทำงามหน้าไว้?

เอาเป็นว่าช่างหน้าตาเธอเถอะ จะเป็นแบบไหนก็ช่างมัน ตอนนี้เธอต้องหาทางสืบเรื่องของนายเก่งกาจคนนี้ให้ได้ก่อนดีกว่า เธอหยิบนามบัตรของเขาขึ้นมาดู ในนั้นไม่มีเขียนอะไรนอกจากชื่อนามสกุลเป็นภาษาไทยและอังกฤษ โลโก้บริษัท ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือ

จริงๆแล้วทั้งหมดนั่นเป็นข้อมูลที่เธอมีในมืออยู่แล้ว อภินันทนาการจากอานั่นเอง เธอต้องชั่งใจทีเดียวว่าจะเอาแบบไหนดี นายนั่นอยู่คอนโดเสียด้วยสิ จะทำก็คือการดักรอว่าเขามีตารางประจำวันแบบไหน แต่ที่เธอติดใจสงสัยก็คือเจ้ารถมินิซึ่งดูจะเป็นเป้าหมายหลักของผู้ว่าจ้างครั้งนี้มันมีอะไรกันแน่ เท่าที่ดูแล้วคงไม่ได้สนใจว่านายนั่นจะทำอะไรหรอก สนใจแค่ว่านายนั่นจะอยู่ห่างจากรถคันนั้นในเวลาไหนบ้างเท่านั้นเอง

นายนั่นทำงานผิดกฎหมายแล้วซุกอะไรบางอย่างไว้หลังรถมินินั่นหรือเปล่า

ความแคลงใจนั่นผลักดันให้เธอขับรถคันเล็กยี่ห้อสุดโหล สีบลอนด์สุดฮิตที่มีทั่วไปตามท้องตลาดมาจอดรออยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามห่างจากคอนโดมิเนียมไปเล็กน้อยตั้งแต่เช้ามืด เตรียมเสบียงพร้อมมูลตั้งแต่กาแฟ ขนมปังปิ้ง ขนมขบเคี้ยว พร้อมกล้องส่องทางไกล

เธอไม่อยากเสี่ยงขับรถเข้าไปรอด้านในที่จอดรถ เท่าที่สืบรู้มาคือที่นี่อนุญาตให้รถที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ของคอนโดเข้ามาจอดได้ไม่เกินสองชั่วโมงเท่านั้น เธอยังไม่รู้เวลาออกจากห้องที่แน่นอนของเขาจึงดักรอเพื่อเก็บเป็นข้อมูลต่อไป

กาแฟหมดไปนานแล้ว เมื่อยแล้วเมื่อยอีกจนฟ้าสางมานานโข รถราบนถนนเริ่มวิ่งกันขวักไขว่แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของรถมินิสีฟ้าของเป้าหมายเลยสักนิด นายเก่งนั่นตื่นสายจนตะวันส่องก้นขนาดนี้เชียวหรือนี่ เข้างานเก้าโมงกะออกจากห้องเก้าโมงหรือไงกันนะ

อะไรไม่เท่าตอนนี้เธออยากเข้าห้องน้ำสุดๆ...เมื่อกี้ไม่น่าดื่มกาแฟเข้าไปเล้ยจริงๆ

จะยังไงดีละนี่ อั้นไว้ก่อนดีหรือว่าเลี้ยวรถเข้าไปตรงคอนโดแล้วไปเข้าห้องน้ำดี

ดูเหมือนว่าความต้องการปลดปล่อยของเสียออกจากร่างกายจะมีอำนาจมากกว่าสมองและหน้าที่ หญิงสาวจึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในคอนโดของเขาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่รถมินินั่นสวนออกมา เหมาะเหม็งจนเธอก้มหน้าแทบไม่ทัน ยังดีที่คนขับดูเหมือนจะมีสมาธิกับการขับมาก เขามองถนนซ้ายขวาเพื่อออกจากประตูใหญ่ของคอนโดแทนที่จะสนใจรถที่ขับสวนเข้ามา เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย เป้าหมายดันออกมาจังหวะนี้เสียอีก เท่ากับว่าเธอต้องคลาดกับรถของเขาพอดีน่ะสิ

เอาเถอะ...ที่เธอต้องการจะรู้ก็คือเวลาที่เขาออกจากห้อง ถึงยังไงเขาก็ต้องไปทำงานอยู่แล้วล่ะ...เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองไปแกนๆอย่างแสนเซ็ง

หลังจากเสร็จธุระเรียบร้อยเธอก็ขับรถออกจากคอนโดนั่นด้วยอาการเนือยสุดขีด เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรีบอีกต่อไปในเมื่อคลาดจากนายเก่งฉกาจนั่นไปแล้ว ทว่าขับรถออกถนนไปได้ไม่นาน เธอก็เห็นรถมินิสีฟ้าเลขทะเบียนเดียวกับรถนายนั่นจอดอยู่ข้างทางจนเธอต้องชะลอรถแบบไม่สนใจเสียงแตรด้านหลัง และค่อยๆเลียบจอดข้างทางห่างจากรถของนายนั่นอย่างสนใจ

เขาจอดทำไมกัน...

คำตอบเป็นสิ่งที่พอเดาได้ในเมื่อเขาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ และไม่นานร่างสูงนั่นก็ออกมาพร้อมกับถุงของร้านแล้วอ้อมไปเปิดประตูด้านคนขับ เธอพยายามเพ่งอยู่เหมือนกันว่ามีอะไรในถุงนั่น แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากถุงนั่นถูกโยนมาข้างหลังรถอย่างไม่ไยดีเมื่อเขานั่งเรียบร้อยแล้ว

ช่างเป็นบริษัทที่ชิลเสียเหลือเกินนะ พนักงานถึงได้หวานเย็นขนาดนี้

เหนือสิ่งอื่นใด นายเก่งนั่นไม่ได้ใส่ชุดแบบที่คนทำงานเขาควรใส่กันเสียด้วยสิ เป็นแค่เสื้อยืดสีดำไม่รู้ลายอะไร กับกางเกงยีนส์มีโซ่ห้อยอยู่ด้านข้างซึ่งคงห้อยกระเป๋าเงินแบบสปอร์ตของเขา หรือว่านายนั่นกะโดดงานกันเนี่ย...

หญิงสาวเริ่มสนุกในใจกับพฤติกรรมแบบคาดเดาไม่ได้ของเป้าหมาย มิน่าล่ะ! อาถึงต้องใช้มือแบบเธอคอยติดตาม รับรองเลยว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยให้นายคนนี้คลาดสายตาไปได้เด็ดขาด

รถมินินั่นมาหยุดที่ซอยหนึ่งในถนนสุขุมวิทที่เต็มไปด้วยแมนชั่นหรู แถมเป็นหน้าร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆเสียด้วย เนื่องจากเป็นเวลาเช้าในวันทำงาน ทั้งคนทั้งถนนจึงไม่พลุกพล่านเลยสักนิด เขาจึงนั่งได้อย่างสบายๆพร้อมกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จิบกาแฟควันฉุย

แสดงว่าโดดงานจริงๆ หรือไม่อีกอย่างก็คือ งานของนายนี่เป็นแบบโฮมเบส

สบายใจดีเหลือเกินนะ!

เธอนั่งเอนเบาะคนขับอีกครั้ง มือถือกล้องส่องทางไกลเพื่อดูพฤติกรรมของคนในร้านกาแฟ โชคดีที่เขานั่งอยู่ริมหน้าต่างจึงมองเห็นได้ง่าย เธอจอดอยู่แอบอยู่ข้างทางในถนนเล็กๆแคบๆ ฟิล์มกรองแสงที่ติดแบบค่อนข้างเข้มทำให้ไม่เป็นที่สนใจของใคร จึงนั่งกินขนมไปด้วย ใช้กล้องส่องไปด้วยเหมือนคนกำลังนั่งดูภาพยนตร์มากกว่ามานั่งจับตาใครสักคน

เขานั่งในนั้นอยู่จนเกือบบ่ายซึ่งเธอหิวเสียยิ่งกว่าหิว ขนมที่เอามาตุนก็หมดไปแล้ว แถมยังไม่กล้าดื่มน้ำอีกเพราะกลัวจะเป็นแบบเมื่อเช้า หญิงสาวรอให้รถมินินั่นทิ้งระยะห่างออกไปจึงค่อยขับตาม ดูเหมือนเป้าหมายจะไปหยุดที่สวนสาธารณะใหญ่ใกล้กับร้านกาแฟนั่นเอง

รถของคนทั้งสองจอดไม่ไกลกันนัก แน่นอนว่านักสืบฝึกหัดอย่างเธอทิ้งระยะห่างค่อนข้างดีทีเดียว เมื่อวนรถเข้าที่จอดรถก็พบว่าเจ้าของรถมินินั่นไม่อยู่บนรถแล้ว เธอจึงจอดอีกด้านซึ่งห่างกันพอสมควร

ในที่เปิดโล่งแบบนี้หญิงสาวลังเลที่จะก้าวลงจากรถ ได้แต่ชะเง้อชะแง้มองหาเป้าหมายจากในรถเพื่อความมั่นใจว่าระหว่างที่เธอย่องไปสำรวจรถของเขานั้น ชายหนุ่มจะไม่จู่ๆโผล่พรวดมาให้เธอขวัญเสียและต้องหาข้อแก้ตัวเป็นพัลวันแบบเมื่อวานนี้อีก

เมื่อค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าของรถไม่อยู่ในรัศมีจริงๆ เธอจึงก้าวลงจากรถ แดดร้อนเปรี้ยงเสียจนไม่คิดถอดแว่นกันแดดออก และคิดไปคิดมาแล้ว เธอก็ชะโงกตัวเข้าไปหยิบขวดน้ำขึ้นมาด้วย ถ้าไม่ได้ดื่มน้ำมีหวังตัวแห้งกรอบเป็นข้าวเกรียบแน่ๆ หญิงสาวชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหลียวซ้ายแลขวาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง จากนั้นก็ลองเดินไปยังรถมินิสีฟ้านั้น

ภายในรถก็เป็นไปอย่างที่รถคันหนึ่งควรจะเป็น บนเบาะทั้งคนขับคนนั่งก็ไม่มีอะไร จะมีก็แค่เบาะหลังที่ดูจะเป็นที่สุมของเอกสาร หนังสือ กล่องซีดีศิลปินร็อกของต่างประเทศ รวมไปถึงถุงร้านสะดวกซื้อเมื่อเช้านี้ด้วย  

ไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติสักนิด...ทำไมคนว่าจ้างถึงได้ติดอกติดใจนักนะ

เธอใช้เวลาตามติดเขาได้หนึ่งอาทิตย์จึงรายงานกับอาว่าเธอต้องการเวลามากกว่านี้ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะเป็นประเภทที่ใช้เวลา 7 วันก็ยังจับจุดไม่ได้ บางวันนึกตื่นเช้าก็ตื่นชนิดที่เธอตั้งรับไม่ทัน ตอนแรกคิดว่าเขาจะตื่นสักแปดเก้าโมง กลายเป็นว่าช่วงเวลานั้นเขาเพิ่งขับรถกลับมาที่คอนโด หรือวันที่กะว่าเขาจะไม่ไปทำงาน เขาก็เข้าบริษัทเสียเฉยๆ เดี๋ยวเดียวเขาก็กลับออกมาใหม่แบบไม่ตั้งตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอมีข้อสรุปได้ในใจ

ไม่มีครั้งไหนที่เขาทิ้งรถเกินสามชั่วโมงสักครั้ง หรือถ้าทิ้งจริงๆแปลว่ารถต้องอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา

อารับฟังรายงานชิ้นแรกอย่างสงบ ซึ่งนับว่าแปลกมากเพราะปกติอย่างน้อยจะต้องมีความเห็นอะไรบ้าง แต่นี่ไม่มีอะไรนอกจากการพยักหน้ารับรู้แล้วก็...

หาวหวอด!

‘อา! ไม่คิดจะแนะนำอะไรอันบ้างหรือไงน่ะ’

‘แนะนำอะไรล่ะ’ อางึมงำงัวเงียนั่งพุงอืดหน้าคอมพิวเตอร์อย่างน่าหมั่นไส้ ‘แนะนำให้ทำความสะอาดสำนักงานหน่อยเป็นไง แกไม่อยู่ไม่มีคนทำ รกไปหมดแล้วเนี่ย’

‘ไอ้คุณอา! อันไปตามสืบคนนะ เอาเวลาที่ไหนไปทำความสะอาดกันล่ะ’ เธอกรี๊ดใส่คนนั่งบนรถเข็นที่เอี้ยวตัวหนีเอามืออุดหู

‘แล้วทีงานแต่งงานคืนนี้ทำไมแกไปได้ไม่ทราบไอ้คุณหลาน!’

‘อารู้ได้ไง’ เธออ้าปากถามอย่างสงสัย

‘ก็ไอ้ชุดที่แกถืออยู่ดูยังไงมันก็เป็นชุดราตรีนี่หว่า ถือโชว์หราอย่างนี้ใครที่ไหนมันก็รู้ ถามแปลกๆ’ อาพ่นจมูกพรืด

เออ...จริง

ชุดในมือเธอมันออกจะเด่นชัดขนาดนี้ ไม่ต้องนักสืบที่ไหนก็รู้แล้วว่าเธอกำลังจะทำอะไร หญิงสาวจึงได้แต่ทำหน้าพองแก้มป่อง และยิ่งพองกว่าเดิมเมื่ออาร่วมโลกของเธอหัวเราะเสียงดังไม่หยุด

‘อาบอกแล้วไงว่างานนี้น่ะไม่ธรรมดา เราตามได้เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว’

‘ปลอบใจกันหรือเปล่าน่ะ’ ปากมันเป็นแบบนั้นเอง แต่จริงๆแล้วเธอยิ้มจนแก้มแทบปริอยู่แล้ว ‘ว่าแต่...อันสงสัยคนว่าจ้างแล้วว่านายคนนี้เขามีอะไรน่าสนใจถึงต้องให้เรามาตามดูด้วยล่ะ โดยเฉพาะเป้าหมายของเขาน่าจะอยู่ที่รถเขาเสียด้วย นายคนนี้ขนยาเสพย์ติดหรืออา’

‘อืม...เอาอะไรมาสันนิษฐานล่ะ ไหนว่ามาซิ’

‘ไม่รู้ สัญชาตญาณมั้ง’

‘เฮ้ย...สัญชาตญาณมันก็ใช่ แต่ไม่ใช่สัตว์ถึงจะได้ใช้สัญชาตญาณตะพึดตะพือ มันต้องใช้นี่...’อาชี้นิ้วที่ขมับ ‘มันต้องใช้สมองด้วย นักสืบน่ะไม่ใช่ว่านึกจะเป็นก็เป็นได้ มันต้องใช้พรสวรรค์บวกพรแสวงด้วย ไม่ใช่เอามองแต่สิ่งที่อยู่รอบตัวเป้าหมายในคดีเท่านั้น แต่ต้องทันข่าวสารจากรอบข้างเพื่อเอาไปประมวลเหตุการณ์ด้วย’

‘รู้น่ะรู้ แต่มันทำไม่ได้ง่ายๆน่ะสิ’ เธอทำหน้ามุ่ย

‘อ้าว! ก็รู้นี่ว่ามันไม่ง่าย ก็ต้องฝึกฝนเข้าไว้ ของแบบนี้ไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นเลยนี่!’ อาสั่งสอนเข้าให้ ‘ไปๆ วันนี้ไม่ต้องไปตามนายคนนี้หรอก อนุญาตให้ไปงานแต่งงานได้ แล้วนี่มันงานแต่งใครกันล่ะ แกยังมีใครคบอีกหรือไง’

‘เพื่อนสิ...เพื่อนร่วมงานเก่าน่ะ’ เธอตอบหน้ามุ่ย

เธอเคยเป็นพนักงานกินเงินเดือนมาก่อนที่จะตัดสินใจลาออกเพื่อมาทำงานในสำนักงานนักสืบแห่งนี้ ต่อให้รายได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่เธอก็พอใจที่จะทำงานนี้ต่อไป คิดว่าจะตัดขาดจากเพื่อนร่วมงานเก่าๆไปแล้ว แต่ฝ่ายนั้นก็ยังมีน้ำใจส่งการ์ดเชิญให้เธอ แบบนี้แล้วไม่ไปคงไม่ได้หรอก

‘พูดถึงเพื่อนเก่า’ อาเอ่ยลอยๆคล้ายนึกขึ้นได้ ‘เดี๋ยวอาต้องไปหาเบอร์เจ๊แกหน่อย รู้สึกเขาทิ้งไว้ให้ มีเรื่องจะต้องโทรไปหาด้วย’

‘ทำไม เพื่อนอาจะแต่งบ้างเหรอไง’ หญิงสาวตอบยียวน ‘ถ้าเป็นเพื่อนอาได้นี่ เขาเทื้ออยู่บนคานนานน่าดูนะ’

‘เฮ้ย! จะบ้าหรือ เขาแต่งงานแล้ว พอดีเขามีเรื่องวานให้ช่วยแล้วตอนนี้รู้ความคืบหน้าแล้ว’ อาอธิบายเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ แล้วมองซ้ายมองขวารอบทิศทางบนโต๊ะทำงานรังหนูของตัวเอง ปากก็บ่น ‘นี่เพราะแกไม่ทำความสะอาด มันเลยรกแบบนี้ หานามบัตรไม่เจอเลย ดูสิ!’

‘อันไม่อยู่ก็รกอย่างกับรังหนูอยู่แล้วนี่อา!’ เธอพูดเสียงขึ้นจมูก ‘นี่จริงๆคือกะหลอกด่าใช่ไหมนี่ เลยทำเป็นหานามบัตรน่ะ ทำอย่างกับอาเคยติดต่อใครเองนักล่ะ’

‘เฮ้ย! คนเราก็ต้องมีเพื่อนกันบ้างสิวะ แกยังมีเลย’ อาหันกลับมาตอบเสียงขุ่น ‘จะไปไหนก็ไปเลย ไม่ช่วยหาแล้วยังจะกวนบาทาอีก’

กะจะด่าแต่พอโดนตอกกลับก็ทำเฉไฉ คิดว่ารู้ไม่ทันหรือไงน่ะอา!

-

แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 53 20:59:17

 
 

จากคุณ : peiNing
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 20:57:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com