ม.5/1 บทที่8...เกิดตัว สารวัตรกองปราบ
|
|
บทที่8
เสียงหวอดังใกล้เข้ามา พร้อมกับรถตำรวจพุ่งแล่นมาอย่างรวดเร็วบนท้องถนน รถยนต์ อันมีแสงไฟสลับหมุนรอบบนหลังคารถ เป็นสัญลักษณ์บอกว่านี่คือรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งมาขณะปฏิบัติหน้าที่ รถยนต์คันนี้ มีนายตำรวจนั่งอยู่ข้างในสี่คน เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ รถก็จอดประชิดขอบถนนเบรกดังเอี๊ยด ประตูรถถูกเปิดออกมา ปรากฏร่างของชายในชุดตำรวจก้าวมายังร้านขายข้าวด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับเล็งปืนสั้นไปเบื้องหน้า เป็นท่าทางพร้อมปฏิบัติงาน รอผู้เป็นหัวหน้าทีมตำรวจสั่งการ และแล้วก็ปรากฏก็ร่างของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเศษๆ มีดาวประดับบ่า แสดงถึงยศที่สูง เขาก้าวลงจากรถ ด้วยความมาดมั่น สายตามองไปยังที่เกิดเหตุ เหมือนจะตรองจิตวิเคราะห์สืบสวนความเป็นไปของเหตุการณ์ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ชายร่างสูงใหญ่ หุ่นบึกบึน ผิวขาว แม้จะมีรอยตีนกาปรากฏบนใบหน้าบ้าง แต่ก็ยังดูดี เมื่อสวมชุดตำรวจ และมีดาวประดับบนบ่าสมเกียรติ นี่คือโฉมหน้าของ...
...ร้อยตำรวจเอก ประสิทธิ์ อิทธิยากร สารวัตรประจำหน่วยกองปราบปราม
เหตุการณ์เป็นไงบ้างหมวด? เขาถาม เมื่อเดินสมทบมาถึง
เหตุการณ์เรียบร้อยดีครับ ท่านสารวัตร สงสัยผู้ร้ายออกจากพื้นที่ไปแล้ว นายตำรวจคนหนึ่งที่เป็นผู้หมวด รายงาน
เมื่อเห็นตำรวจมาแล้ว หญิงเจ้าของร้านข้าวก็กระโจนมาหา พร้อมกับคำแจ้งฟ้อง
คุณตำรวจ...ดูสิ ร้านฉัน เสียหายยับเลย เด็กวัยรุ่นมาตีกันในร้าน ถ้าคิดค่าเสียหายแล้ว โต๊ะเก้าอี้ล้มหัก น้ำแข็งหลายเหยือกหกทิ้งกระจาย พอเกิดเรื่อง ลูกค้าที่อยู่ในร้านวิ่งหนีไปกันหมดเลย ไม่จ่ายตังค่าข้าวด้วย สิบกว่าคน ถ้าคิดเป็นเงิน อาหารจานละยี่สิบห้าบาท รวมกันแล้วมันก็หลายร้อยนะคะ รวมกับค่าน้ำแข็งแล้วก็เป็นพันโน๊นแหละ แล้วฉันจะเรียยกค่าเสียหายกับใครเนี่ย!
ตำรวจทั้งหมด ต่างกระตาปริบๆ หลังจากฟังคำฟ้องเป็นชุดใหญ่ของโจทย์ คำพูดดูท่าทางจะเป็นคนงกเงินเอาการ เมื่อจำเลยหนีไปแล้วจะเรียกค่าเสียหายกับใคร ครั้นมองเข้าไปดูยังร้านข้างในก็เห็นจะจริง ร่องรอยโต๊ะเก้าอี้ถูกผลักล้มระเนระนาด น้ำแข็งกระจายหกตามพื้น อาหารและจานข้าวก็แตกกระจายหกเลอะพื้น
อืม...เท่าที่วิเคราะห์เหตุการณ์แล้ว นับว่าเสียหายมาก
สารวัตรประสิทธิ์พูดขึ้น แล้วก็เม้นปากพยักหน้าเออออตามหญิงเจ้าของร้าน เพราะรู้ว่าเจ้าหล่อนช่างงกเงินเหลือเกิน บรรยายค่าเสียหายเสียละเอียดยิบ เรียกว่าอะไรที่เป็นเงิน เจ้าหล่อนเรียกเอาหมด
จริงค่ะ คุณตำรวจ ฉันเสียหายมาก ต้องลากตัวคนร้ายมาดำเนินคดี แล้วเสียค่าปรับให้ฉันนะคะ หญิงเจ้าของร้านได้ทีก็พูดถึงช่องทางที่จะได้เงินค่าเสียหาย
ใจเย็นๆนะคุณ เราจะตามจับมาดำเนินการให้ได้ครับ ทุกอย่าง ต้องตามขั้นตอน ไม่รอดมือเราหรอก ตำรวจไทย รับใช้ประชาชน... สารวัตรกล่าวปลอบใจเจ้าของร้านให้สบายใจ แล้วมองไปยังร้านข้างใน ก่อนที่จะหันมาสั่งตำรวจผู้เป็นลูกน้องไปว่า
หมวด...ถ่ายรูปภาพเสียหายไว้เป็นหลักฐาน แล้วรีบตามจับผู้กระทำในเหตุการณ์นี้
ครับ...ท่านสารวัตร ผู้หมวดกล่าวรับคำสั่ง พลางถือกล้องเข้าไปในร้าน เพื่อถ่ายรูป
ขณะที่ตำรวจกำลังถ่ายรูป และสำรวจพื้นที่ สารวัตรประสิทธิ์ก็ยืนกอดอกครุ่นคิดว่าจะตามผู้กระทำผิดในเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร ทันใดก็มีนายตำรวจคนหนึ่งเข้ามารายงานอยู่ข้างๆว่า
สารวัตรครับ มีสายวอรายงานมาว่ากลุ่มที่กระทำในเหตุการณ์นี้ ขับรถหนีไปทางสี่แยกกลางเมืองแล้วครับ เป็นกลุ่มนักเรียนวัยรุ่นทั้งหมดครับ
เออดี...งั้น...ออกรถตาม!
สารวัตรสั่ง แล้วก้าวพรวดไปยังรถตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่เหลือก็ก้าวตาม มินาน รถตำรวจคันเดิมก็วิ่งทยานไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็ว
วอสองเรียกวอหนึ่ง ใกล้ถึงสี่แยกแล้ว ผู้ร้ายหนีไปทางไหนหรือ?
ตรงไปเหรอ...ผู้ร้ายขี่รถกระบะสีฟ้า ทะเบียนอะไรนะ ทราบแล้วเปลี่ยน...
ทราบแล้วเปลี่ยน...วอสองจะตามไป นะ บัดนี้
เสียงวอวิทยุตำรวจสื่อสารกันดังอยู่ข้างหูของสารวัตรประสิทธิ์ ทำให้เขาเหงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ และตกใจในที เมื่อได้ยินข้อมูล
ผู้ร้ายเป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น ขี่รถกระบะรึ? สารวัตรถามลูกน้อง เมื่อผู้หมวดคุยวอวิทยุเสร็จแล้ว
ใช่ครับ ท่านสารวัตร ทะเบียนรถเราก็จดไว้แล้ว ผู้ร้ายไม่น่าจะรอดมือเราไปได้
คำรายงานนั้น ทำให้สารวัตรประสิทธิ์ถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ความคิดวาบแรก เขานึกถึงเหตุการณ์ตอนเช้าที่บ้านเขาเอง ก่อนออกจากบ้าน มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเขามาขอรถกระบะขี่ไปโรงเรียน
ลูกจะเอารถกระบะขี่ไปโรงเรียนทำไม รถมอเตอร์ไซน์ก็มี พ่อซื้อให้ขี่ประจำแล้ว
ผมขอวันเดียวครับพ่อ
จะขับไปยังไง ใบขับขี่รถยนต์ก็ไม่มี แล้วถ้าไปชนเขา รถเป็นอะไรไปกลับมาจะว่ายังไง อย่าถือว่าเป็นลูกตำรวจแล้วจะทำอะไรได้ตามใจตนเองนะ พ่อไม่ช่วยนะจะบอกให้
ผมสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับพ่อ
สัญญา!...แล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมา สัญญาโง่ๆมันจะช่วยอะไรได้ คนที่รับกรรมก็คือพ่อ
ผมสัญญาว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นครั้งนี้ จะไม่ขอรถไปอีกครับพ่อ
งั้นก็ได้ แฟร์ๆกัน สัญญาแล้วนะ เดี๋ยวจะหาว่าพ่อไม่ให้โอกาส
เมื่อสารวัตรคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า ครั้งที่ลูกชายวัยสิบเจ็ดขอรถกระบะขี่ไปโรงเรียน ที่เขาให้ลูกไปตอนนั้นก็คิดว่าถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ลูกชายก็จะไม่มาขอรถยนต์ขี่ไปโรงเรียนอีก แต่ทว่า ครั้งถึงตอนเย็น มีประชาชนแจ้งความมาว่าเกิดเหตุการณ์เด็กตีกันตรงกลางเมือง และเมื่อตำรวจลูกน้องสืบได้ว่าเด็กกลุ่มที่มาหาเรื่องตีกันในการณ์นี้ หัวโจกขับรถกระบะสีฟ้า ยี่ห้อและประเภทรถก็เป็นข้อมูลเดียวกันกับรถของเขาเอง ที่ให้ลูกชายขี่ไป
สารวัตรภาวนาในใจว่าผู้ร้ายในเหตุการณ์นี้ อย่าให้เป็นลูกชายของตนเองเลย เพราะจะทำให้เขาลำเอียง ผิดจรรยาบรรณของตำรวจ ซึ่งเอาเรื่องส่วนตัวมาตัดสินข้องเกี่ยวกับงานหน้าที่
คิดอะไรอยู่หรือ?...ท่านสารวัตร เห็นท่าทางครุ่นคิดอยู่นาน ผู้หมวดคู่ใจถามขึ้น ทำให้สารวัตรประสิทธิ์รู้สึกสะดุ้งตัวทันที แต่ก็แก้ตัวไปว่า
เปล่าครับหมวด...เอ่อ...คือ...ผมกำลังคิดว่าผู้ร้ายจะหนีไปทางไหน...น่ะครับ
ใกล้จะถึงสี่แยกแล้วนะครับ ท่านสารวัตร จ่าตำรวจ ผู้ทำหน้าที่ขับรถกล่าวบอก แล้วชะแง้หันมามองข้างหลังนิดหนึ่ง มี สารวัตร ผู้หมวด และจ่าตำรวจอีกคนนั่งอยู่เบาะหลัง
จากสี่แยกไฟแดง แล้วตรงไป ก็จะเป็นทางไปบ้านของสารวัตรประสิทธิ์ แน่นอน หากผู้ร้ายที่เป็นนักเรียนวัยรุ่นก่อเหตุในครั้งนี้ คือลูกชายของเขาเอง เจ้าประวิทย์ก็คงขับจากสี่แยก แล้วตรงไป สารวัตรคิดได้ดังนั้นก็สั่งจ่าตำรวจผู้ทำหน้าที่ขับรถไปว่า
ถึงสี่แยกแล้วก็เลี้ยวขวา ไปดักผู้ร้ายที่ถนนฝั่งโน๊น
ผู้หมวดได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าแปลกใจ จึงพูดกับสารวัตรว่า
ทำไมไม่ตรงไปล่ะครับ ตำรวจด่านหน้ารายงานว่ารถกระบะสีฟ้า ขับตรงจากสี่แยกไปแล้วนะครับ
ผมไล่ตามผู้ร้ายในเขตกลางเมืองอย่างนี้บ่อย รู้ดีว่าผู้ร้ายมักใช้ไหวพริบหนีตำรวจ ข้างหน้ามีถนนเลี่ยงไปทางลัด แล้วไปออกอีกถนนฟากหนึ่ง สี่แยกนี้ ผู้ร้ายเคยใช้วิธีนี้หนีตำรวจแล้ว
สารวัตรพูดเชิงวิเคราะห์ เหตุผลที่ต้องสั่งให้เลี้ยวขวา แทนที่จะตรงไป อันเป็นเส้นทางที่ผู้ร้ายขับรถหนีไปตามสายรายงาน
วอสาม เรียก วอสอง...
ยังไม่ได้ตักสินใจเลี้ยวไปทางไหน เสียงเครื่องวิทยุสื่อสารของผู้หมวดก็ดังขึ้น ทำให้ผู้หมวดยกเครื่องมาแนบหู แล้วพูดกรอกเข้าไป พลางสายตาก็สายมองไปข้างหน้า เหมือนเสือที่ส่ายสายตาหาเหยื่อ อย่างกล้าแกร่ง
วอสอง เรียก วอสาม...ทราบแล้วเปลี่ยน
ขณะนี้ พบผู้เห็นเหตุการณ์ที่หน้าวิทยาลัยอาชีวะ พบตัวเด็กที่ตีกันแล้ว เป็นนักศึกษาอาชีวะ...ทราบแล้วเปลี่ยน... เสียงอีกฝ่ายดังเข้ามาในเครื่อง ทำให้ผู้หมวดตอบทันที
วอสองทราบ...ขอบใจวอสาม ที่บอก วอสอง เมื่อครู่นี้ มี วอหนึ่ง รายงานบอก วอสอง ว่ามีนักเรียนขับรถกระบะสีฟ้าหนีมาทางนี้ เป็นเด็กนักเรียน เมื่อ วอสาม รายงานบอกพบคู่กรณีเป็นเด็กอาชีวะ ก็คาดการณ์ได้เลยว่าเหตุการณ์นี้ เด็กอาชีวะกับเด็กมัธยมตีกัน...ทราบแล้วเปลี่ยน...
ผู้หมวดพูดติดตลกเล็กน้อย พอทราบรูปรอยคดีแล้วก็โล่งใจ ไม่มีเหตุการณ์ร้ายอะไร นอกจากปัญหาเด็กตีกันธรรมดา
เอาไงดีครับ ท่านสารวัตร ตำรวจทางโน๊นพบผู้ร้ายอีกฝ่ายแล้ว เป็นเด็กอาชีวะ ผู้หมวดหยุดคุยเครื่องวิทยุสื่อสาร แล้วหันมาคุยกับผู้บังคับบัญชา
กลับไปสืบสวนทางโน๊นดู ส่วนทางนี้ ได้เบาะแส แล้วค่อยตามจับอีกที แล้วลงบันทึกประจำวัน สารวัตรสั่งเป็นงาน
จะถึงสี่แยกแล้วคร๊าบ...ท่านสารวัตร ตกลงให้ผมเลี้ยวไหนเนี่ย ขวา ซ้าย หรือตรงไป? จ่าตำรวจผู้ขับรถยังพยายามถาม เพราะกำลังทำหน้าที่ขับรถอยู่
สารวัตรประสิทธิ์ทำหน้าเหนื่อยที่ต้องตามไล่จับเด็กตีกัน กลับไปกลับมา แล้วก็คิดว่าได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามความแจ้งของประชาชนแล้ว แม้รูปคดีจะยังไม่สรุปได้ดีก็ตาม เพราะตามจับผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็จับได้อีกฝ่ายหนึ่งก็ถือว่าได้เบาะแสคดีนี้ ครั้งสายตาเหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือก็ใกล้จะออกเวรแล้ว จึงสั่งจ่าตำรวจผู้ขับรถ สั้นๆว่า
ยูเทิร์น!
หา!...ยูเทิร์น มันแปลว่าอะไรวะ ศัพท์อังกฤษด้วย จ่าตำรวจทำหน้างงนิดหนึ่ง ก่อนที่จะร้องอ๋อ
...ยูเทิร์น...แปลว่า กลับรถ...แป่ว!
@@@@@
| จากคุณ |
:
เหงาเศร้า
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 ก.พ. 53 21:25:34
|
|
|
|