บางที
|
|
บางที
จักรวาลนั้นมืดมิด...
ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ อุกกาบาต หลุมดำ ทั้งหมดทั้งปวงเริ่มต้นจากการระเบิดครั้งใหญ่
กลุ่มพลังงานเล็กจิ๋วแต่ควบแน่นจนอยู่ในสภาวะสุดขีดนั้นสร้างความขัดแย้งให้แก่ทฤษฏีสัมพัทธภาพและทฤษฎีควอนตัมอันยิ่งใหญ่ทั้งสอง
โลกเป็นอีกดาวเคราะห์หนึ่งที่อยู่ในจักรวาลนั้น แล้วจักรวาลล่ะอยู่ในอะไร
จักรวาลเกิดจากการระเบิดของพลังงาน แล้วพลังงานที่ก่อให้เกิดการระเบิดนั่นล่ะมาจากไหน
อยู่ในถ้วยกาแฟสีชมพูหรือสีเขียวรึเปล่า แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถ้วยเหล่านั้นตั้งอยู่บนอะไรหรืออยู่ในห้องไหนกันล่ะ
...ใครจะรู้บ้าง...
ด้านหลังของหลุมดำเป็นยังไง ก็ในเมื่อหลุมดำมันดำออกขนาดนั้นบางทีเราก็เลยแยกไม่ออกว่าที่เราเห็นเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง
หรือบางทีมันอาจจะเป็นด้านข้างก็ได้
...ใครจะรู้...
จักรวาลมีรูปร่างยังไง แล้วมันมีจุดสิ้นสุดรึเปล่า
จะอยากรู้ไปทำไมกันนะว่าจักรวาลมีขอบรึเปล่า เพราะยังไงซะเราก็คงไม่เดินทางไปที่ขอบของจักรวาลหรอกมั้ง
หรือว่าเราอยากจะไปที่ขอบจักรวาลเพื่อที่จะไปดูว่าจักรวาลบรรจุอยู่ในถ้วยกาแฟสีอะไร
จะรู้ไปทำไมว่าจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน
บางทีสุดขอบจักรวาลในความหมายของเราก็อาจเป็นเพียงแค่สุดขอบเขตการรับรู้ของเรา
บางทีมันก็อาจเป็นเพียงสุดขอบสายตาของเราแค่นั้นเอง
...บ้านของเราคือโลก...
ถึงจะรู้ว่าจักรวาลใหญ่ขนาดไหน แต่เราเองก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ในโลก
บางทีโลกนั่นล่ะคือจักรวาลของเรา
แล้วสิ่งที่เรียกว่าเวลาล่ะมันคืออะไร...
มันเป็นลูกศรแห่งการดำเนินไปสู่สถานะที่มีเอนโทรปีสูงและไม่มีทางจะไหลย้อนกลับ
หลายต่อหลายคนอยากรู้ว่าเราเดินทางไปในกาลเวลาได้หรือไม่
หากย้อนอดีตกลับไปได้จากไปแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดพลาด หากเดินทางไปในอนาคตได้จะไปดูหวยงวดหน้าว่าออกอะไร
ทฤษฎีสัมพัทธภาพบอกว่าเราสามารถเดินทางไปยังอดีตได้ แต่จักรวาลที่เราเป็นอยู่ ช่วงเวลาที่เราดำเนินอยู่ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
แนวคิดที่หนึ่งบอกไว้ว่า ถ้าเราย้อนเวลากลับไปเพื่อทำอะไรสักอย่างซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยในอดีต สิ่งๆ นั้นก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดในอนาคตแม้ว่าเราจะย้อนกลับไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม
เพราะเหตุการณ์ที่เราย้อนกลับไปก็เป็นหนึ่งในปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดปัจจุบันอย่างที่เป็นอยู่อยู่แล้ว
หรือจะเป็นอีกแนวคิดที่บอกว่าถึงแม้เราจะกลับไปทำอะไรสักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในอดีตและเราก็สามารถทำมันได้สำเร็จอย่างที่คิดไว้จริงๆ
นั่นก็เป็นแค่เพียงจะทำให้เกิดจักรวาลคู่ขนานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจักรวาลเพื่อที่จะดำเนินเรื่องราวของมันต่อไป
จักรวาลที่เราเป็นอยู่ก็ยังคงเป็นอย่างที่มันเคยเป็น
...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
ถึงแม้สุดท้ายเราอาจจะเดินทางไปในห้วงเวลาได้อย่างไม่มีขีดจำกัดจริงๆ แต่ท้ายสุดจุดสิ้นสุดของเราก็จะยังคงอยู่ในกระแสกาลเวลาของเราเอง
แล้วจะอยากรู้อยากทำไปทำไม เพราะบางทีการดำเนินชีวิตในปัจจุบันให้ดีเพื่ออนาคตที่เราหวังไว้นั้นออกจะง่ายกว่าการหาทางออกแบบอื่นๆ เป็นไหนๆ
...เราสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้หรือไม่...
ทฤษฎีควอนตัมบอกว่าเราสามารถทำอย่างนั้นได้ แต่นั่นเป็นการเคลื่อนย้ายแบบการทำสำเนาจากต้นฉบับที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเหมือนการส่งโทรสาร
หากแต่ตามทฤษฎีก็อาจจะเป็นการส่งรถยนต์ทั้งคันแทน
อาจจะต้องมีเครื่องมือที่ถึงแม้ต้องหาเงินอีกร้อยชาติก็ซื้อไม่ได้มาไว้ครอบครองก่อนเพื่อเอาไว้แปลข้อมูลโฟตอน
อาจต้องมีเครื่องคัดแยกเพื่อให้เครื่องทั้งสองมีโฟตอนที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ
แล้วถ้าหากเรามีเงินมากขนาดที่ซื้อเครื่องมือเหล่านี้ได้ การซื้อรถยนต์อีกคันมันง่ายกว่าเป็นไหนๆ ไม่ใช่เหรอ
...แล้วจะทำไปทำไม...
ทำไมถึงต้องดิ้นรนอยากได้ที่ดินตรงนั้นตรงนี้ อยากเป็นเจ้าของภูเขา อยากเป็นเจ้าของผืนป่า
ถึงแม้จะมีที่ดินมากมายมหาศาลขนาดไหน แต่เราเองก็ไม่เคยนอนดิ้นจนทั่วภูเขาหรือผืนป่าเลยแม้สักครั้ง
เราไม่เคยสร้างบ้านครอบภูเขาทั้งลูก เราไม่เคยสร้างบ้านครอบผืนป่าทั้งผืน
...เรายังคงอยู่บ้านหลังเดิม กินดื่มที่เดิม และนอนดิ้นบนกรอบเตียงเล็กๆ หลังเดิม...
ทำไมอยากได้เงินมากๆ แล้วเท่าไหร่กันล่ะถึงเรียกว่ามาก แล้วอีกเท่าไหร่ถึงเรียกว่ามากพอ
เรามีเวลาว่างน้อยลง มีเวลาให้คนอื่นน้อยลง มีเวลาให้ตัวเองน้อยลง คุยกับคนอื่นหรือแม้กระทั่งคุยกับตัวเองน้อยลงด้วยเรื่องเหล่านี้ใช่มั้ย
ทั้งๆ ที่ถึงแม้เราจะมีเงินมากขนาดไหน เราก็ยังกินข้าวได้แค่เพียงวันละสามถึงสี่มื้อเหมือนเดิมเท่านั้น
...เงินมากขึ้นสิบเท่าก็กินข้าววันละสาบสิบสี่สิบมื้อไม่ได้...
บางที...
ปล่อยจักรวาลให้ดำเนินไปอย่างที่มันเป็น ปล่อยกาลเวลาให้ทำหน้าที่ของมันอย่างที่มันเคยทำ ปลดปล่อยความคิดออกจากภูเขา ผืนป่า และหน้าที่การงานสักครู่
...ลองมองดูว่าความจริงแล้วอะไรหรือใครที่สำคัญกับเรา...
ลองวางปึกธนบัตร วางประเป๋าสตางค์ใบโตไว้บนโต๊ะ หยิบเพียงแค่เศษธนบัตรไม่กี่ใบติดกระเป๋าไป แล้วเอ่ยปากชวนคนสำคัญคนนั้นของคุณออกไปหาอะไรอร่อยๆ ข้างทางกินกัน
...บางทีด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ก็อาจทำให้คุณเข้าใจอะไรบางอย่างมากกว่าที่เคยเข้าใจ...
ความสุขที่แท้อาจจะไม่ได้มาจากความรู้ความฉลาดอะไรเลย เราไม่จำเป็นต้องรู้จักหรือเข้าใจอะไรมากมายลึกซึ้งอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เพียงแต่ว่าความเคยชินจากเรื่องเรียบง่ายอาจทำให้เราชินชาและหลงลืมมันไปจนเราเข้าใจผิดและกลายเป็นความไม่พอในชีวิต
ทำไมเราไม่ลองปัดฝุ่นความรู้สึกและความสุขเหล่านั้นขึ้นมา เพราะบางทีชีวิต บางทีสิ่งที่เราต้องการจริงๆ มันก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่นี้เองก็ได้
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.พ. 53 19:47:02
|
|
|
|