 |
ความคิดเห็นที่ 24 |
.อีกด้านหนึ่งของสงคราม
อาเชอร์เองก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง, อนาเขตดาบอนันต์ของเขาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีและจวนสลายไปอยู่รอมร่อในเมื่อเซอร์แวนท์ฝ่ายตรงข้ามต่างงัดอาวุธไพ่ตายขนาดมหึมามาใช้จนแทบจะหน่วงรั้งไว้ในมิตินี้ไม่ไหวและที่สำคัญ . . . มาสเตอร์ของเขา, กระบี่แวววาวกำลังจะตาย... บัดนี้อัลเคมิสต์สาวน้อยนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น, ชุดเกราะวิเศษหลายส่วนแตกละเอียดบาดลึกลงไปในร่างกายบอบบาง โลหิตสีเงินไหลนองพื้นดินที่เป็นพิภพแห่งดาบอนันต์ ถ้าพูดถึงภารกิจในการปกป้องมาสเตอร์แล้วอาเชอร์ต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้เลยว่าตัวเองผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ไม่ยอมถอนตัวออกจากสนามรบก่อนหน้านี้
ในสนามรบดาบอนันต์ 10 นาทีก่อนหน้า อาเชอร์รู้สึกตะลึงกับอาวุธลึกลับที่แอสแซสซินสามารถเรียกมาได้ แม้จะอยู่ในมิติแห่งดาบอนันต์ซึ่งถูกแยกจากโลกแห่งความเป็นจริง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่ายานรบลำมหึมาที่มีขนาดนับร้อยเมตรนั้นคือส่วนหนึ่งในตำนานของวีรชนผู้นี้
Noble Phantasm: Super-support Unit Star Cruiser’ Maccara (ศูนย์บัญชาการนักล่า)
“อาเชอร์! สลับคู่เร็ว!” กระบี่แวววาวร้องเสียงดังขณะที่พุ่งผ่านอาเชอร์ไปรับมือเซเบอร์แทน
เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง... อาเชอร์คิดในใจเพราะแม้ว่าเจ้านายของเขาจะสามารถไล่ต้อนแอสแซสซินอย่างได้เปรียบ แต่เมื่อคู่ต่อสู้หนีขึ้นฟ้าซึ่งอยู่นอกระยะการต่อสู้ของเธอเช่นนี้แล้ว ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งอาเชอร์ในการโจมตีระยะไกล
เคร้ง... เสียงปะทะของอาวุธวิเศษดังขึ้น...เซเบอร์นั่นเอง, ดาบแห่งแขนซ้ายที่มีรูปร่างเป็นแขนโลหะของหุ่นรบถูกฟาดเข้าใส่อัลเคมิสต์สาวอย่างรุนแรง แต่ก็พลาดจุดสำคัญไปจากการปัดป้องของริบบิ้นที่พุ่งเข้ามาปัดป้องอย่างทันท่วงที ทำให้พลาดไปโดนเกราะส่วนอื่นแทน
“เกราะเธอนี่มันแข็งแบบแปลกๆดีนะ...ขนาดเซอร์แวนท์โดนยังรอดยากเลย” เซเบอร์บ่นออกมาเมื่อเห็นเกราะบ่าของเธอยังคงปราศจากริ้วรอยแม้จะโดนฟาดด้วยอาวุธวิเศษของเธอ...ต้องเป็นอาวุธคอนเซ็ปต์สักอย่างนึงแน่นอน วีรชนสาวคิดในใจ “แฮะๆ ไงก็อย่าทุบมากนะคะ พอดีไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน” อัลเคมิสต์สาวยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นคู่ต่อสู้เริ่มเอาจริงขึ้นมา... จะหยุดได้ก่อนความแตกหรือไม่หนอ เธอนึกในใจก่อนเข้าต่อสู้อีกครั้ง
แต่ไม่ว่าริบบิ้นพลาสม่าจะว่องไวแค่ไหนก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธเทพของมิโกะสาวมันก็แหลกสลายในทันที ซึ่งบับคับให้เธอต้องใช้พลังเวทย์และวัตถุดิบอันน้อยนิดจากร่างของเธอในการสร้างอาวุธนั้นขึ้นมาใหม่
วัตถุดิบที่ว่านั่นคือเลือดสีเงิน...เลือดจากร่างของเธอนั่นเอง ซึ่งบัดนี้ไหลออกจากบาดแผลที่ข้อมือมาหลอมรวมเป็นคมดาบบางเบา และเธอสะบัดใบดาบที่พริ้วไหวนั้นเป็นวงกลมขนาดใหญ่, เครื่องเล่นที่เธอถนัดที่สุดเมื่ออยู่บนฟลอร์แห่งการแสดง
อาวุธที่พอจะรับมือพละกำลังของเหล่าเทพได้บ้าง... Spining Hoop… วงแหวนสีเงินเจิดจรัสอยู่ในมือของอัลเคมิสต์สาวแทนที่ ริบบิ้นพลาสม่าซึ่งไม่อาจทนทานต่ออาวุธเทพของเซเบอร์, มาสเตอร์สาวสะบัดวงแหวนนั้นให้หมุนวนจากร่างกายกลับไปสู่ข้อมือราวกับนักยิมนาสติกชั้นเลิศ
“อาวุธน่าสนใจดีจริง” เซเบอร์พูด “ขอบคุณที่ชมคะ...พอดีได้ฝึกมาหน่อยนึงตอนไปแข่งกีฬาคัดตัวระดับประเทศ” มาสเตอร์ตัวน้อยตอบรับคำของเซเบอร์ ก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งเข้าฟาดฟันอีกคำรบ
ขณะที่อีกด้านอาเชอร์เองก็สู้อย่างยากเย็น... ยานของแอสแซสซินนั้นใหญ่โตมาก แถมบินต่ำจนแม้แต่นักธนูชั้นต่ำยังหลับตายิงโดนเลยด้วยซ้ำ ทว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของอาเชอร์คือ... เขาเอามันไม่ลง ไม่ว่าเขาจะทุ่มเทอาวุธมากมายมหาศาลขนาดไหนก็ตาม
อาเชอร์เรียกอาวุธนับร้อยๆ รวมถึงยิงธนูเข้าใส่ยานรบลำนั้นแต่มากกว่า 9ส่วนของอาวุธที่ใช้ล้วนติดอยู่แค่เกราะสนามพลังที่เป็นโล่ห์แปดเหลี่ยมซ้อนทับกันทั่วทั้งลำอย่าไม่มีช่องโหว่ พร้อมกับอาวุธวิเศษบางชิ้นที่ทรงพลังหรือมีคุณสมบัติเจาะเกราะเป็นพิเศษก็ถูกสกัดกั้นด้วยกระสุนพลาสม่าที่ถูกระดมยิงมาจากป้อมปืนมากกว่า 10 จุดรอบตัวยานอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่เหลืออาวุธชิ้นใดฝ่าเข้าไปได้เลย
“CaladbolgII” อาเชอร์ร้องก่อนยิงธนูรูปเกลียวสว่านเข้าใส่ส่วนหัวของยานรบลำนั้น พร้อมกับเรียกอาวุธวิเศษอีกนับสิบชิ้นระดมยิงเข้าใส่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของป้อมปืนด้านล่าง
เสียงอาวุธวิเศษนับสิบกระทบกับกระสุนพลาสม่าที่ถูกระดมยิงใส่ดังสนั่นหวั่นไหว เกิดเป็นเศษธุลีแสงกระจัดกระจายไปทั่วราวกับหิมะโปรยปราย...แต่คบเกลียวที่ทะลวงทุกการป้องกันก็ยังคงดึงดันฝ่าไปได้จนสำเร็จ
เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นอีกครั้งเมื่อ CaladbolgII พุ่งทะลุทะลวงเกราะ 8 เหลี่ยมของยานรบแมคคาลา...เสียงนั้นดังอยู่เกือบ 2 วินาทีพร้อมกับสะเก็ดไฟที่ลุกโชนเมื่ออาวุธแห่งคอนเซ็ปพยายามดิ้นรนให้บรรลุถึงหลักการของมัน
ตูม...... เสียงระเบิดเบาๆดังขึ้น, ธนูวิเศษของอาเชอร์ฝ่าเกราะอันแข็งแกร่งของยานรบเข้าไปจนถึงตัวยานได้สำเร็จ และทิ้งรอยแผลเล็กๆขนาด 2-3 ฟุตไว้ใต้ท้องยานที่กำลังเริ่มเชื่อมประสานตัวเองอย่างช้าๆเพื่อปิดรอยแผลอย่างอัตโนมัติ
ให้ตายสิ...มันไม่โผล่หน้าออกมาแล้วจะสอยมันยังไงเนี่ย วิเคราะห์แล้วจะใช้หุ่นรบนั่นให้ได้...ข้าก็ดันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์สะด้วย ทำไมอาวุธเทพมันถึงเรื่องมากขนาดนี้นะ... จะสร้างยานรบมาฟาดแข่งกันดีไหม... ไม่...มันสิ้นเปลืองเกินไปแถมข้าสั่งการอาวุธมันไม่ได้อีกต่างหาก หรือต้องใช้ดาบนั้น... ดาบที่จะนำพาชัยชนะมาให้ข้า... Sword of Promised Victory...
แต่ในขณะที่อาเชอร์กำลังคิดหาวิธีการต่อสู้นั้นเอง ยานรบอันยิ่งใหญ่แห่งขบวนการนักล่าก็ไม่ได้เป็นเป้าที่ไร้การตอบโต้, และในจังหวะที่นักรบแห่งธนูเผลอเพียงเล็กน้อย...ไม่สิไม่ใช่เผลอแต่เป็นการโจมตีที่อยู่นอกมุมมองของอาเชอร์เสียมากกว่า...การโจมตีก็เกิดขึ้น
ซีกขวาของส่วนหัวยานรบถูกเปิดออก, และโดยไม่มีดีเลย์หรือการชาร์จพลังงานใดๆให้วีรชนเบื้องล่างเห็นแม้แต่น้อย…ลำแสงอนุภาพสูงที่สามารถจมเรือพิฆาตได้ทั้งลำก็ถูกยิงใส่เซเบอร์และกระบี่แวววาวเบื้องล่างโดยไม่มีใครทันตั้งตัวแม้แต่น้อย
ครืนนนนนนนน....... ลำแสงสีขาวอมฟ้าสว่างเจิดจ้าพุ่งกวาดทุ่งสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางให้แหลกสลายมุ่งเข้าใส่หญิงสาวทั้งสองที่กำลังต่อสู้โดยไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง, ดาบนับสิบนับร้อยที่ขวางทางระเหิดเป็นจุลในพริบตา
อาเชอร์ถึงกับตกตะลึงที่แอสแซสซินไม่สนใจการต่อสู้กับตนเองแม้แต่น้อย และหันไปยิงมาสเตอร์ของเขาแทน, ทั้งๆที่เป็นเซเบอร์ซึ่งร่วมมือกับมันแต่แรกยังคงพัวพันอยู่ในรัศมีด้วยซ้ำ ราวกับมันเห็นมิโกะสาวเป็นเหยื่อล่อในการกำจัดอัลเคมิสต์สาวแห่งพราฮา
“เซเรล!” อาเชอร์ร้องและเผลอเรียกชื่อจริงของเธอโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อฝุ่นควันจางหายไป, ภาพที่อาเชอร์ไม่อยากเห็นมากที่สุดก็เกิดขึ้นต่อหน้าวีรชนชุดแดง นั่นคือกระบี่แวววาวนอนหมดสภาพหายใจรวยรินอยู่ตรงหน้าเขา ร่างกายแหลกยับเยินด้วยบาดแผลฉกรรณ์ขณะที่เลือดสีเงินไหลนองเต็มพื้นดิน
โลหิตสีเงินยังไหลออกจากร่างบอบบางไม่หยุด แต่กระนั้นมาสเตอร์สาวก็ยังคงกล้ำกลืนมันกลับไปพร้อมกับพูดเสียงดังที่สุดเท่าที่เธอจะมีปัญญาทำได้
“อา...อาเชอร์ หนีเร็ว…” เธอพูด “ยัยบ้า เป็นเซอร์แวนท์จะให้ทิ้งมาสเตอร์ไว้ได้ไง ขืนทำจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปบัลลังค์” อาเชอร์ตอบแบบโกรธๆขณะที่รีบพยุงเธอขึ้นมาพร้อมกับมองเห็นสิ่งแปลกเกิดขึ้นกับเซเบอร์ด้านข้างๆ
เซเบอร์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย, จะว่าไปแม้แต่ตัวเซเบอร์เองก็คงงงไม่น้อยเช่นกันที่อยู่ๆแอสแซสซินหันปืนของมันเข้าหาเธอซึ่งร่วมต่อสู้กันอยู่ หากไม่ได้อาวุธเทพช่วยไว้นั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสภาพของเธอต้องไม่ต่างจากกระบี่แวววาวที่สาหัสอยู่บนพื้นเบื้องหน้าเป็นแน่
ผืนแผ่นดินแห่งพระเจ้า... เทพกระบี่ ‘อาเมโนะ มุราคุโมะ’
บัดนี้ร่างของมิโกะสาวโปร่งแสงราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะร่างจริงของเธอบัดนี้ถูกตัดออกจากระนาบของคนเป็นและย้ายไปสู่มิติของเทพกระบี่บนดวงจันทร์, ซึ่งนั่นหมายความว่าอาวุธของเธอและฝ่ายตรงข้ามไม่อาจทำอะไรซึ่งกันได้อีกต่อไป
บางทีอาจดูเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมเพราะความสามารถนี้ทำงานแบบอัตโนมัติยามที่เธอจะมีอัตรายถึงแก่ชีวิตแน่นอน แต่เซเบอร์ผู้นี้กลับไม่ชอบเลยแม้แต่นิดเพราะมันคือการกักบริเวณเธอไว้กับเทพที่เธอต้องรับใช้บนดวงจันทร์นั้นเอง และเธอไม่สามารถเลือกเวลาในการปลดปล่อยอนาเขตนี้ได้โดยอิสระ, หากต้องการกลับสู่ระนาบมิติปกติ เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากอ้อนวอนต่อเทพกระบี่ให้ปลดปล่อยเธอกลับมา...
ซึ่งมันมักจะชักช้าเอาเรื่องตามนิสัยของเหล่าเทพผู้ใจเย็น ทั้งๆที่หากเปิดปิดมิติได้โดยอิสระแล้ว...เธอย่อมสามารถสร้างโอกาสเอาชนะได้มากมายแท้ๆ แต่เธอก็ไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น
เซเบอร์มองสถานการณ์รอบๆ อย่างไม่พอใจนัก...แอสแซสซินมันเชื่อถือไม่ได้อีกต่อไป, แต่บัดนี้เธอก็ทำอะไรมันไม่ได้เช่นกันนอกจากฝากความคับแค้นเอาไว้ และพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ปริศนาของชุดเกราะของมาสเตอร์แห่งพราฮาคลี่คลายแล้ว
อาวุธที่มีรูปลักษณ์ทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธทั่วไปจนถึงศาสตราเทพนั้นไม่มีผลกับชุดเกราะนั่น, ยกเว้นก็แต่อาวุธเป็นพลังงานหรือลำแสง... นั่นเป็นสาเหตที่ชัดเจนที่สุดว่าทำไมมาสเตอร์สาวน้อยคนนี้จึงใช้อาวุธเป็นริบบิ้นในการปัดป้องอาวุธเวทย์และพลังงานระยะไกลก่อนจะเข้าถึงตัว
เซเบอร์จำได้ดี, สารพัดอาวุธลับของแอสแซสซินที่เป็นการโจมตีทางกายภาพนั้นไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ดาบแห่งแขนซ้ายที่เธอใช้ฟาดฟันใส่เธอเองก็ตั้งรับตรงๆอย่างง่ายดาย แต่ยามที่แอสแซสซินใช้กระสุนพลาสม่าระดมยิงใส่เธอกลับจะคอยปัดป้องอย่างเดียวด้วยริบบิ้นจากระยะไกล และคอยสลับคู่กับอาเชอร์เสมอยามที่เห็นว่าศัตรูเป็นแบบที่ตนเองแพ้ทาง ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดไม่น้อยทีเดียว
แต่กระนั้นชุดเกราะนั่นก็แกร่งเอาเรื่อง...ขนาดรับลำแสงจากยานรบแบบเฉี่ยวๆได้โดยที่เจ้าของไม่ตายทันที เซเบอร์คิด “อาเชอร์ หนีไปเซ่!” กระบี่แวววาวร้องดัง “ไม่ ข้าจะปิดมิตินี้แล้วพาเจ้ากลับไปเอง” อาเชอร์ตะโกนสวน
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเถียงกันจบ, ทุกคนรวมถึงเซเบอร์ก็ได้เห็นยานรบแมคคาลา ทิ้งวัตถุบางสิ่งลงมายังพื้นราบ ตำแหน่งที่ห่างจากอาเชอร์ไม่กี่ร้อยเมตร, สิ่งของที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอย่างที่สุด
NP: Anti-World Class ‘Nasquzar time bomb’ ระเบิดคุณสมบัติต่อต้านสสาร (Anti-Matter)
มันเป็นวัตถุขนาดไม่ใหญ่โตนัก ประมาณกล่องขนาดเล็กธรรมดาที่มีวงจรซับซ้อนอยู่ภายใน แต่กระบี่แวววาวก็รู้ทันทีถึงอนุภาพของมันที่แอสแซสซินหวังใช้กวาดทุกคนบนพื้นให้ราบพาณาศูรในพริบตาเดียวขณะที่มันหลบภัยอยู่บนยานรบที่มีเกราะพลังงานคุ้มกัน และในตอนนั้นเองคำพูดสุดท้ายของมาสเตอร์สาวผู้บอบช้ำก็ดังขึ้น...
“ข้าสั่งในนามแห่งพราฮาด้วยมนต์ประกาสิต...จงหนีไป...” เสียงใสของอัลเคมิสต์สาวน้อย =====================
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 53 14:02:01
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 53 21:36:05
| จากคุณ |
:
Kross_ISC
|
| เขียนเมื่อ |
:
17 มี.ค. 53 17:08:24
|
|
|
|
 |