หอมกลิ่นโบตั๋น (บทที่ 1)
|
|
บทที่ ๑
เมฆสีขาวบนท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกค่อยๆ รวมตัวกันจนกลายเป็นก้อนสีเทาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนบดบังแสงอาทิตย์ที่สาดแสงแรงกล้ามาตั้งแต่เช้าเกือบสิ้น สายลมที่นำความร้อนอบอ้าวของบรรยากาศรอบตัวพัดผ่านไปช้าๆ ทำให้ผมยาวสลวยดำขลับปลิวละแก้มเนียนของหญิงสาวร่างสูงโปร่ง ในชุดเสื้อกระโปรงสีดำซึ่งนั่งเอนหลับอยู่คนเดียวที่เก้าอี้บนดาดฟ้าเรือนำเที่ยวสองชั้นขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งกำลังแล่นเอื่อยๆ ผ่านผืนน้ำสีน้ำตาลเข้มของแม่น้ำไป่เว่ย ใบหน้าสวยหวานรูปไข่ดูค่อนข้างอิดโรย ใต้ตาดำคล้ำอย่างคนอดนอนมาหลายวัน คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อยทั้งที่กำลังหลับสนิท ที่ปลายหางตายังมีคราบน้ำตาจางๆ เป็นทางยาว
ต้น...อย่าไป... ริมฝีปากอิ่มสีชมพูพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะสะดุ้งลืมตาตื่น เมื่ออยู่ๆ บรรยากาศที่เงียบสงบก็ถูกทำลายจนสิ้นด้วยเสียงคำรามกึกก้องของเรือเร็วที่แล่นผ่านไปด้วยความเร็วสูง โดยไม่สนใจผู้ร่วมใช้แม่น้ำด้วยกัน ก่อให้เกิดคลื่นลูกย่อมซัดเข้าหาฝั่งและกระแทกกราบเรือ ทำให้เรือที่ลำไม่ใหญ่นักโคลงเคลงไปมา
กิรณากะพริบตางุนงงเล็กน้อยกับภาพท้องนาริมแม่น้ำที่เห็นตรงหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้หล่อนกำลังอยู่บนเรือท่องเที่ยว โดยโปรแกรมเที่ยววันนี้ก็คือ การล่องเรือไปตามแม่น้ำไป่เว่ยเพื่อชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวหมินทั้งสองฝั่งน้ำ ระยะทางจากสุสานกษัตริย์โบราณมายังเมืองหลวงจางซี ซึ่งมีการขุดพบซากเขตพระราชวังแห่งแรกของประเทศหมิน... ประเทศที่ใช้ภาษาจีนในการสื่อสารมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากก่อนที่จักรพรรดิหวางเหยินหมิงจะสามารถก่อตั้งอาณาจักรหมินได้ ดินแดนแถบนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่นมาก่อน และบางเวลาก็ยังถูกปกครองโดยราชสำนักจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้ชาวหมินมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมบางอย่างที่คล้ายคลึงกับชาวจีนอยู่หลายอย่าง
เมื่อลูกคลื่นที่ซัดกระแทกเรือผ่านพ้นไป เรือที่โคลงเคลงไปมาก็กลับมาแล่นเรียบลื่นตามเดิม บ่ายหน้ามุ่งสู่บริเวณปากแม่น้ำกว้างข้างหน้า ทำให้หญิงสาวเริ่มเห็นหมู่บ้านอิฐดินเผาชั้นเดียวสีเทาหม่นกระดำกระด่างตามอายุการใช้งานเกือบร้อยปี บ้านส่วนมามีหลังคากระเบื้องปลายโค้งงอนขึ้นตามความนิยมในสมัยก่อน เพียงแค่เห็นหมู่ตึกตรงหน้า มือเรียวบางก็เผลอกำเข้าหากันแน่น เพื่อสะกดกลั้นความเสียใจที่กลับมาอีกครั้ง เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่นี่เมื่อสามปีก่อน
ความเจ็บจากวัตถุเย็นๆ ในอุ้มมือทำให้กิรณาได้สติกลับมาอีกครั้ง หล่อนคลายมือออกจากกัน ก้มลงมองแผ่นหยกสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดพอดีมือ ซึ่งยังพอเห็นลายแกะสลักเป็นรูปหญิงสาวในชุดจีนแบบโบราณมีรูปวงกลมลอยอยู่เหนือมือขวา และตัวอักษรที่เริ่มเลือนรางไปตามกาลเวลานับพันปี อักษรสองตัวที่พออ่านออกเพียงตัวหลัง คือคำว่า เยวี่ย ซึ่งแปลว่าพระจันทร์
แผ่นหยกแผ่นนี้หล่อนพกไว้กับตัวมาตั้งแต่เด็กและดูแลทนุถนอมมันเป็นอย่างดี แต่ตลอดเวลา ๓ ปีที่ผ่านมากิรณาเคยคิดอยู่หลายครั้งว่า ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นหยกแผ่นนี้และเรื่องเล่าที่เล่ากันจากรุ่นสู่รุ่นถึงบรรพบุรุษที่เป็นชาวหมิน ซึ่งหล่อนฟังมาตั้งแต่เด็กตอนที่ได้รับแผ่นหยกแผ่นนี้มาจากแม่ หล่อนก็อาจจะไม่อยากมาเที่ยวที่ประเทศนี้ ไม่เพ้อเจ้อจนบ้าเรียนภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก และคงไม่ทำให้ปรเมศ...เพื่อนสนิทและอดีตคนรักของหล่อนต้องมาจบชีวิตอยู่ที่นี้เมื่อสามปีก่อน ...ต้น... เพียงแค่คิดถึงใบหน้าคมเข้มที่มักเห็นในความฝันเกือบทุกคืน ดวงตากลมโตก็เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาและเก็บแผ่นป้ายหยกลงกระเป๋าสะพาย เมื่อได้ยินเสียงไกด์สาวชาวหมินกำลังบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของวัดโบราณริมน้ำที่เรือกำลังจะแล่นผ่าน กลบเสียงพูดคุยของลูกทัวร์อีกเกือบสี่สิบชีวิตที่พากันเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ เพื่อหามุมดีๆ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกในการมาท่องเที่ยวครั้งนี้ นุชนารถที่เพิ่งเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ กวาดตามองหาเพื่อนสาวที่หลบขึ้นมานั่งอยู่บนนี้ตามลำพังตั้งแต่เรือเริ่มออกเดินทางเมื่อเกือบสี่ชั่วโมงก่อน เมื่อเห็นตาที่แดงกล่ำซึ่งแสดงว่าเจ้าตัวเพิ่งผ่านการร้องไห้มา และรอยยิ้มจางๆ ที่ดูก็รู้ว่ากำลังฝืนยิ้มอยู่นั้น หล่อนก็ส่ายหน้าและถอนหายใจออกมาอย่างแรง พลางนึกแช่งชักหักกระดูกไอ้หมอโรคจิตกนกที่ดันแนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้หล่อนน่าจะลองพากิรณากลับมาที่นี้อีกครั้ง เผื่อความเศร้าลึกๆ และการโทษตัวเองของเพื่อนสาวจะลดน้อยลง แต่แค่นี้หล่อนก็รู้แล้วว่า ท่าทางการมาครั้งนี้คงไม่ได้ผลตามที่หวังแน่นอน แล้วเหมือนจะยิ่งทำให้กิรณาเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ
อย่าฝืนยิ้มเลย เห็นแล้วมันยิ่งเศร้า นุชนารถว่าพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่าง มองสำรวจใบหน้าอิดโรยตรงหน้า เลิกโทษตัวเองเสียทีดีไหมณา พ่อแม่ของต้นเขายังเข้าใจเลยว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แล้วทำไมณาถึงไม่ยอมเข้าใจเสียที ตลอดสามปีมานี้ยังลงโทษตัวเองไม่พออีกหรือ
คนถูกถามมองตรงไปข้างหน้า แต่ในสายตากลับไม่เห็นบ้านเรือนหรือภาพใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อในสมองมีเพียงใบหน้าของปรเมศในวันนั้น ทำไมวันนั้นหล่อนถึงใจร้ายยังคงยืนยันที่จะบอกเลิกกับเขาอยู่อีก ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าเขาต้องเจ็บปวดแน่นอน
เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะต้น คำพูดของหล่อนเมื่อสามปีก่อนบนดาดฟ้าเรือลำนี้หวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง
ทำไม
เพราะสำหรับเรา ต้นเป็นเพื่อนและพี่ชายที่เรารักมากที่สุด
รักแบบเพื่อน แบบพี่ชาย แต่ไม่เคยรักแบบคนรักเลยหรือ เสียงย้อนถามแหบพร่า แล้วเวลาที่ผ่านมาล่ะณา จะบอกว่าณาแกล้งทำเป็นรักเราใช่ไหม หรือว่าที่ทำดีกับเรามาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณที่พ่อแม่ของเราดูแลณามาตั้งแต่คุณลุงคุณป้าจากไป
ต้น...ณาขอโทษ ณาพยายามแล้ว แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ทำไมเรายังต้องฝืนคบกันต่อไปอีกล่ะ ต้นควรได้เจอผู้หญิงที่เหมาะสมกับต้นมากกว่าณา ไม่ใช่มามัวเสียเวลาอยู่กับณาอย่างนี้
มือที่ค่อนข้างคล้ำนั้นช่วยเช็ดน้ำตาให้หล่อนอย่างเบามือ เสียงปลอบของเขาสั่นเครืออย่างพยายามระงับอารมณ์ ขอโทษที่ถามคำถามที่ทำให้ณาต้องร้องไห้อย่างนี้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันควรเป็นความผิดของต้นเองใช่ไหม ที่ไม่สามารถรักณาในแบบที่ณาหวังได้
ความเงียบดำเนินไปในขณะที่เรือนำเที่ยวเริ่มแล่นเข้าสู่ย่านตัวเมืองของเมืองหลวงจางซี เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาหล่อนได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา ทำให้เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเศร้าคู่นั้น
ฝนตกแล้ว ณาลงไปหลบฝนข้างล่างดีไหม
แล้วต้นล่ะ
ขอเวลาต้นอยู่บนนี้คนเดียวอีกสักพักเถอะ
สายตาที่เริ่มแดงกล่ำคู่นั้นทำให้กิรณายอมพยักหน้าและหันหลังเดินลงบันได แต่พอลงไปสองสามขั้นหล่อนก็หันกลับไปมองร่างสูงโปร่งที่ยังยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิม ทั้งๆ ที่ฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่จึงเปียกฝนลู่แนบติดตัว หล่อนยืนมองตรงนั้นนานแค่นั้นไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโลหะชนกันดังสนั่น พร้อมกับเรือทั้งลำโยกเอียงไปทางซ้าย หล่อนเบิกตากว้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า อยากกรีดร้องแต่ไม่สามารถทำได้ เมื่อเห็นปรเมศเซอย่างตั้งตัวไม่ทันไปชนกับราวกั้นดาดฟ้าเรือที่สูงไม่ถึงเมตร ก่อนจะพลิกหล่นจากเรือ และห่างหายไปจากชีวิตของหล่อนตลอดไป
(มีต่อ)
แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 22:03:26
| จากคุณ |
:
w_panda
|
| เขียนเมื่อ |
:
21 ก.พ. 53 18:08:25
|
|
|
|