ในความทรงจำ
|
|
หวัดดีคะ มีเรื่องมาให้ช่วยอ่านและวิจารณ์ ด้วยคะ กำลังหัดเขียนเรื่องสั้นอยู่แต่เขียนไม่ค่อยไปไหนเลย วันนี้เลยเอามาลงข้อความเห็นด้วยนะคะเพื่อเอาไปปรับปรุงในโอกาสต่อไป ขอบคุณมาล่วงหน้าเลยคะ
เห็นทองกวาวร่วงหล่นบนพื้นหญ้า กลางพนาท้องทุ่งรุ่งไสว ดอกสีแดงแฝงสีส้มพรมพิไล ลอยไสว ไรไรริ่ว ลงผิวนา
วันนี้เสียงพลงบทนี้แวบเข้ามาในหัวได้อย่างไรไม่รู้ มันนานมากแล้วนะเพลงนี้ (คนร้องตอนนั้นยังเป็นสาวหน้าใสอยู่เลย) ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าวันคืนมันผ่านล่วงเลยไปได้เร็วอะไรป่านนั้น
วันคืนเมื่อสมัยยังเยาว์วัยแวบเข้ามา เสียงลมพัดพลิ้ว ดอกทองกวาวข้างรั้วมหาลัย เชียงใหม่ร่วงหล่นเต็มสนามหญ้า ฉันนั่งมองเข้าไปในรั้วอย่างเหงา ๆ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน นักศึกษาส่วนใหญ่ต่างพากันกลับไปเยี่ยมบ้าน ทำให้ถนนหนทางหน้ามหาลัย เงียบไปถนัด
ใจลอย...ไปถึงไหน? เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น ฉันหันไปทางเสียงนั้น แล้วรอยยิ้มก็เกลื่อนเต็มหน้า พี่เมษ ฉันทัก ไม่กลับบ้านเหรอ ไม่หรอก ชายหนุ่มตอบพลางลงนั่งข้าง ๆ ไม่คิดถึงบ้านเหรอ คิดถึงคนที่นี่มากกว่า ชายหนุ่มตอบพลางมองหน้าฉัน เฮ้อ! แย่แล้วพี่เมษเล่นซะใจเราเต้นไม่เป็นจังหวะเลย คืนนี้...เลิกงานแล้ว...เจอกันนะ พี่เมษถามต่อ ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ งั้นพี่ไปล่ะ คืนนี้เจอกัน เขาเดินจากไปนานแล้ว แต่ฉันยังคงนั่งมองตามหลังไปจนสุดสายตา
"..."
ฉันเป็นพนักงานขายของอยู่ที่ร้านขายของชำหน้ามหาลัย ทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันสามทุ่ม กินนอนอยู่ที่ร้านไม่ได้กลับบ้าน ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชิวิตต้องต่อสู้ดิ้นรน มีความรู้แค่มัธยมต้น ไม่มีโอกาสได้เรียนสูง ๆ เหมือนกับคนอื่น บางครั้งฉันก็รู้สึกอิจฉาพวกนักศึกษาที่อยู่ในรั้วมหาลัย ที่ฉันกำลังนั่งมองอยู่นี่เหลือเกิน เขาโชคดีกว่าฉันหลายเท่านักที่มีโอกาสได้เรียน
เมื่อครั้งฉันยังเด็กเคยใฝ่ฝันอยากจะเรียนหนังสือให้จบสูง ๆ จะได้มีงานทำดี ๆ นั่งอยู่ในห้องแอร์สบาย ๆ แต่ฝันก็คือฝัน ชีวิตจริงของฉันทำอย่างที่คิดไม่ได้ เพราะฐานะทางบ้านไม่ได้เอื้อให้ฉันได้มีโอกาสอย่างนั้นได้เลย เรียนจบได้แค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับฉัน
แล้วคืนหนึ่งหลังจากฉันช่วยเพื่อน ๆ ปิดร้านเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกมาเดินเที่ยวกัน มันเป็นเวลาเดียวที่พวกเราได้มีโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเวลาที่ผิดแผกแตกต่างจากคนอื่น ๆ ไปบ้าง แต่พวกเราก็ชอบเพราะหลังเลิกงานแล้วพวกเรามักพากันไปเดินเที่ยว ที่เที่ยวก็ไม่มีที่ไหนหรอกก็ใกล้ ๆ กับร้านที่เราขายของอยู่นั่นแหละ บางทีพวกเราก็จะเดินไปนั่งคุยกับพี่ ๆ ที่เขาทำงานบ้านอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรร เลยจากร้านที่พวกเราขายของไปหน่อยนึง หรือไม่ก็พากันเดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นไร่สตอเบอรี่ที่เขาปลูกอยู่ข้างทาง หรือบางทีก็แวะไปร้านขายอาหารของแฟนพี่ที่ทำงานอยู่ที่ร้าน พวกเราทำอย่างนี้เป็นประจำหลังเลิกงาน
รู้สึกช่วงเวลานั้นมีความสุขมาก เดินคุยกับเพื่อน ๆ ยามค่ำคืน ท่ามกลางลมหนาว พวกเรามักจะนั่งผิงไฟและคุยกันกว่าจะกลับเข้าไปนอนก็เกือบเที่ยงคืนทุกวัน อากาศที่เชียงใหม่ดีมากสำหรับฉัน กลางคืนถึงแม้ไม่ใช่หน้าหนาวแต่อากาศก็ยังเย็นสบาย หรืออยู่ใกล้ดอยก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวแล้วยิ่งหนาวเย็นจับใจ ทำให้พวกเรานอนไม่หลับ จึงชอบที่จะมานั่งผิงไฟคุยกันมากกว่า
และเพราะพวกเรามักจะทำอย่างนี้เป็นประจำ ฉันจึงมีโอกาสเจอกับพี่เมษ เขาเป็นนักศึกษา ปี4 อยู่ที่เทคนิคพายัพ เลยจากมหาลัยเชียงใหม่ขึ้นไปทาง สวนสัตว์เชียงใหม่ เราเจอกันเพราะเพื่อนของพี่เขาเป็นแฟนกับเพื่อนของฉัน คืนนั้นพี่เขามากับเพื่อน พอดีเจอพวกเราจึงคุยกัน ฉันกับพี่เมษคุยกันถูกคอมาก คืนนั้นเราเดินคุยกันเพลินจนไม่รู้จักเหนื่อย ชี้ชวนให้กันดูต้นไม้ ดอกไม้ยามค่ำคืน ผลัดเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
เฮ้ย! ไอ้เมษ ไม่เมื่อยบ้างเหรอว่ะ เสียงตะโกนแซว ไม่โว้ย...น้องเขาคุยสนุกดี ตอบเพื่อนไปแล้วเขาก็หันมาคุยต่อ เราคุยกันเพลินจนเดินรั้งท้ายเพื่อน
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันกับพี่เมษจะคบกันได้ยาวนานแค่ไหน เพราะฉันกับเขาเราต่างกันมาก แค่เรื่องความรู้เราก็ต่างกันแล้ว ฉันมักจะคอยเตือนตัวเองเสมอว่า อย่าเชื่อมั่นอะไรมากมายเผื่อความผิดหวังไว้บ้าง ถ้าพี่เขาเรียนจบไปแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป จะคบกันอีกไหม เขายังจะอยู่ที่นี่อีกรึเปล่า หรือกลับบ้านเขา ไม่อาจจะคาดเดาได้ แต่ช่างเถอะขอให้วันนี้ มีฉัน มีเขา เรามีความสุขกันแค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ
พี่เมษ...ถ้าจบแล้วจะทำอะไร ฉันมองหน้าเขารอคอยคำตอบ เงียบ...ไปนานในความรู้สึกของฉัน พี่ว่าจะสอบเข้าการไฟฟ้านะ ที่ไหน? ก็คงเลือกที่บ้าน..ถ้าโชคดี...แต่ ฉันมองหน้าเขา แต่...ถ้าไม่ได้ที่ไหนก็ต้องเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มบอกสีหน้าครุ่นคิด แล้ว...นา...ล่ะ ฉันกลั้นใจถาม ก็ต้องดูก่อนว่าพี่จะได้ไปอยู่ที่ไหน เขามีสีหน้าสับสน คำตอบนั้น ทำให้ใจฉันเกิดอาการกระตุกวูบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความสุขคงจะเริ่มจางแล้วกระมั้ง ... บ่ายวันหนึ่ง คำตอบที่หัวใจฉันอยากรู้ก็มาถึง ฉันนั่งเรียงขวดแชมพูอยู่ตรงชั้นวางของ สายตาก็เหลือบมองออกไปนอกกระจกร้าน ใจฉันกระตุกวูบ มือที่กำลังหยิบขวดแชมพูขึ้นเรียงหยุดชงัก! ภาพพี่เมษเดินจูงมือคุยมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางสนิมสนมกันมาก เป็นคำตอบที่ฉันไม่ต้องถามเลย และเป็นการตอกย้ำคำตอบที่ดี พี่เมษหันมาสบตากับฉันเหมือนกับจะบอกว่า
พี่มีคนรู้ใจแล้วนะ เรื่องของเราจบแค่นี้
น้ำตาเอ่อเต็มขอบตา แต่กลับไม่ไหลออกมามันย้อนกลับเข้าไปข้างในแทน คิดไม่ถึงว่าพี่เมษจะทำแบบนี้กับฉันได้ ทำไมเขาไม่บอกตรง ๆ กับฉันดีกว่าที่เขาจะทำแบบนี้ หรือว่าฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้ สองสามอาทิตย์นี้ฉันกับพี่เมษไม่ได้เจอกันเลย ฉันคิดว่าเขาคงเรียนหนักเพราะใกล้จบแล้วก็เลยไม่อยากกวนเขา แต่วันนี้ทำไม? ภาพนั้นถึงตามรบกวนจิตใจเหลือเกิน
หลังจากวันนั้นแล้ว ฉันยังไม่มีโอกาสเจอพี่เมษอีกเลย มิหน่ำซ้ำทุกบ่ายเขากับผู้หญิงคนนั้นจะต้องเดินผ่านหน้าร้านทุกวัน เพราะหอพักของเขาจะเลยหน้าร้านที่ฉันอยู่ไป
ถึงเวลาแล้วไม่จำเป็นที่เขาจะต้องบอกฉันด้วยตัวเอง การกระทำที่เขาทำเป็นคำตอบอย่างดี ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานต่อไป หัวใจแตกสลาย...ฉันลาออกจากงานและกลับบ้าน...
วันนี้...ฉันกลับมายืนอยู่หน้าร้านที่เคยเป็นอดีตของฉัน สิบปีแล้วมั้งที่ฉันไม่เคยมาที่นี่อีกเลย วันนี้...ที่นี่ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่...ในรั้วมหาลัยดอกทองกวาวยังคงปลิวไสวล้อเล่นกับลมหนาว...
เห็นทองกวาว แสนร้าวจิต ให้คิดถึง รักครั้งหนึ่ง ในอดีต ก่อนเก่ามา คิดถึงคราว เจ้าผลิดอก เขาบอกสัญญา ทองกวาวจ๋า บอกเขาหน่อย ข้ายังคอยรอ...
........*......*......*......*......*
จากคุณ |
:
น้องใหม่ขี้สงสัย
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.พ. 53 13:52:34
|
|
|
|