Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อาณาจักรแห่งเม็ดทราย และสายลมจากท้องทะเล (ตอนที่ 2 -3)  

ตอนที่ ๒

ซาอีฟก้มหน้า เพ่งมองดูใบหน้าเล็กเรียว ของหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่สลบหลับใหลอยู่ในอ้อมอกกว้างของเขาด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

แค่เพียงแว๊บแรก เขาก็สามารถตระหนักได้ว่าเธอเป็นคนต่างถิ่น

ทั้งผิวพรรณสีน้ำผึ้งที่ผ่องใส และเส้นผมสีดำขลับที่ตรงและยาวสลวย

อีกทั้งดวงตาที่เรียวเล็กภายใต้คิ้วบางที่แลดูขนคิ้วอ่อนนุ่มและโค้งแต่พองาม จมูกเล็กที่มีสันเด่น หน้าผากกว้าง และริมฝีปากหนากำลังงามสีแดงอ่อน ๆ ราวกลีบกุหลาบ ซึ่งรวม ๆ กันแล้วทำให้ใบหน้าของเธอดูหวานและอ่อนโยนกว่าสตรีอื่น ๆ ที่เขาเคยพบเจอในอาณาจักรกาซี ซึ่งส่วนใหญ่จะมีใบหน้าที่คมคาย

และทันใดนั้น ท่ามกลางความเหม่อลอยของเขา ซาอีฟก็รู้สึกตกใจขึ้นมา เมื่อหน้าผากของหญิงสาวแปลกหน้าบังเอิญพลิกมาสัมผัสกับหน้าอกของเขา

“ตัวร้อนจี๋เลย...” นายพลหนุ่มพึมพำเบา ๆ พลางขยับร่างของหญิงสาวเพื่อให้สามารถหอบหิ้วหล่อนได้สะดวกมือมากขึ้น

“ฟารุค... จาฟา” ซาอีฟหันไปตะโกนบอกผู้ติดตามของตน “นางตัวร้อนมาก ข้าต้องพานางไปหาอะมินก่อน พวกเจ้าทั้งสองคนตระเวนดูบริเวณนี้ให้ทั่วอีกครั้ง ว่ายังมีใครที่รอดชีวิตอีกหรือไม่”

ฟารุคที่กำลังวิ่งหน้าตื่นมาทางนายพลหนุ่มหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อสังเกตเห็นแววตาของนักรบนามกระเดื่องผู้หาญกล้า ที่ในบัดนั้นแลดูอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความอาทร

ตั้งแต่เขาติดตามรับใช้นายพลซาอีฟมาเป็นเวลานับสิบปี เขาไม่เคยเห็นเจ้านายมองใครด้วยสายตาเช่นนั้นเลย...

เว้นเสียแต่ เจ้าหญิงฮายัท...

“ซาเกอร์” นายพลหนุ่มตะโกน ก่อนที่จะยกมือข้างที่ว่างขึ้น แล้วแตะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่ริมฝีปากแล้วผิวปากเรียกอาชาคู่ใจ ทำให้ฟารุคพลอยตื่นจากภวังค์ เมื่อม้าสีดำสนิทเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามเสียงเรียกอย่างชาญฉลาด จนเขาต้องปล่อยบังเหียน

เมื่อได้สติแล้ว ฟารุคจึงวิ่งตามไปช่วยนายพลซาอีฟยกร่างของหญิงแปลกหน้าขึ้นพาดบนหลังม้า แล้วจับซาเกอร์ไว้ในขณะที่นักรบหนุ่มถีบตัวขึ้นนั่งบนม้าสีดำ

“ระวังตัวด้วยนะ ฟารุค จาฟา” ซาอีฟบอก ก่อนที่จะแตะลำแข้งเข้าที่ข้างลำตัวซาเกอร์และบังคับให้มันวิ่งไปข้างหน้า ในขณะที่ใช้มืออีกข้างหนึ่งกึ่งรั้งกึ่งพยุงร่างบอบบางของหญิงสาวต่างถิ่นไว้อย่างทะนุถนอม

*****

ซาอีฟยันตัวเองลุกขึ้น แล้วเดินมาหาชายชราทันทีที่อะมินก้าวออกมาจากเต็นท์ขนอูฐกลางโอเอซิส

“นางเป็นอย่างไรบ้าง” นักรบหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความห่วงใย เกินกว่าที่เขาตั้งใจ

และแม้ชายชราจะจับและตีความหมายของน้ำเสียงผู้ที่อ่อนวัยกว่าออก แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

“นางเป็นพิษแดด ร่างกายของนางเพลียและอ่อนแอมาก” ชายชรา ผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งอาจารย์ของนายพลหนุ่ม และหมอประจำกองพลลาดตระเวน เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแหบแห้ง “หากนางเดินทางมาบนเรือที่อัปปางจริง ก็ถือว่าพระเจ้าทรงปรานีที่ให้นางรอดชีวิตมาได้”

“แล้วเราจะช่วยนางได้อย่างไร” ซาอีฟถาม พลางลอบมองผ่านม่านผืนบางหน้าเต้นท์ เข้าไปแลดูร่างของหญิงแปลกหน้าที่นอนนิ่งอยู่บนพรมผืนใหญ่สองสามผืนที่วางทับกันอยู่บนผืนทรายด้านในเต้นท์ เพื่อพอที่จะให้ภายในเต้นท์มีพื้นที่มั่นคง

“ต้องมีคนเฝ้าดูแล และซับตัวนางจนกว่าไข้จะลด” อะมินสบตาชายหนุ่ม และเห็นเขาครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่อยู่ดี ๆ กองกำลังชายฉกรรจ์ ๒๕ คน จะต้องมาต้อนรับ และรับรองอิสตรีนางหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงระหว่างการลาดตระเวนในยามที่บ้านเมืองกำลังอยู่ระหว่างช่วงหน้าสิ่งหน้าขวาน ภายใต้ความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยกองทัพของเจ้าชายวากาซ

แต่เมื่อพระเจ้าทรงพิทักษ์ปกป้องนางแล้ว พวกเขาก็มีหน้าที่ต้องดูแลเธอในฐานะอาคันตุกะต่อไป เพราะมันเป็นทั้งวิถีแห่งชาวทะเลทรายและธรรมเนียมปฏิบัติที่มิอาจปฏิเสธได้

ซาอีฟถอนหายใจเสียงดัง เพราะตระหนักว่าทางเลือกของเขามีไม่มากนัก

แม้ทหารในกองกำลังของเขาจะรับใช้เขา และผ่านสมรภูมิ สู้รบเคียงบ่าเคียงใหล่กับเขามายาวนานนับครั้งไม่ถ้วน และทุกคนต่างก็มีระเบียบและมีความจงรักภักดีต่อเขาชนิดยอมตายถวายชีวิต

แต่เท่าที่ผ่านมา คู่ต่อสู้ของพวกเขา คือศัตรูที่มีตัวตน

คือผู้รุกรานที่หมายจะยึดครองหรือก่อความไม่สงบในอาณาจักรกาซีของพวกเขา

แต่ในครั้งนี้ การที่อยู่ดี ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งเข้ามาอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์ที่ห่างเหินครอบครัว ห่างเหินจากสังคมมาเป็นเวลานาน ก็แทบไม่ต่างจากการมีฟืนมาอยู่ใกล้กองไฟ หากพลาดพลั้งไปไฟก็จะรุกโชนจนเผาพลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง

เขาไว้ใจทหารของเขาทุกคน และไม่เคยสงสัยหรือคลางแคลงใจในความกล้าหาญของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งการที่มีหญิงแปลกหน้าอยู่ท่ามกลางพวกเขาเช่นนี้ แทบจะทำให้จิตใจของพวกเขากลายเป็นศัตรูของตัวเอง เพราะต้องมีการอดทน อดกลั้น และควบคุมสติอยู่ตลอดเวลา

ซาอีฟกัดฟันแน่นด้วยความห่วงกังวล พลางแหงนหน้าขึ้นมองดูใบสีเขียวของต้นปาล์มที่สั่นไหวในสายลมบาง ๆ ที่พัดผ่านมา

มันเป็นความเสี่ยงเกินกว่าที่เขาจะยอมรับได้...  

“ท่านดูแลนางได้หรือไม่ อะมิน” อาซีฟถามด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเป็นการขอร้อง

ชายชราส่ายหน้าเบา ๆ

“ข้าอายุมากแล้ว เกรงว่า อาจจะไม่เป็นประโยชน์ในการเฝ้านางข้ามคืนมากนัก...” อะมินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีนัยและความหมายลึกซึ้งกว่าข้ออ้างตื้น ๆ

นักรบหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ

“งั้นข้าจะรับหน้าที่ดูแลนางเอง” นายพลหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง และท่าทีที่อึดอัด

ชายชราพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

“ท่านตัดสินใจได้ดีแล้ว ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างให้กับไพร่พลเสมอ”

ซาอีฟถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ทำให้ใบหน้าที่คมเข้มของเขาดูอ่อนวัยลง

“ขอบคุณท่านมาก อะมิน...”

“ข้ามีหน้าที่เพียงแต่อยู่ด้านหลัง คอยสนับสนุนท่านเท่านั้น” ชายชรายิ้มอบอุ่น พลางโค้งศรีษะเบา ๆ “แต่การตัดสินใจทั้งหมดทั้งปวงล้วนแต่เป็นของท่านทั้งสิ้น... เจ้าชายซาอีฟ”

*****

นักรบหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมผืนใหญ่สองสามผืนที่วางทับกันอยู่บนผืนทรายด้านในเต็นท์ มองดูใบหน้าของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอย่างเงียบสงบอยู่กลางเต้นท์ ที่มีกาละมังทองเหลืองที่บรรจุน้ำเย็นวางอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่แสงไฟอ่อนโยนจากตะเกียงแก้วที่ด้านล่างเป็นทองเหลืองและด้านบนเป็นแก้วครอบเทียนเอาไว้ สาดส่องไปสะท้อนสั่นไหวอยู่ที่ผนังเต้นท์ด้านใน จนแลดูเหมือนการท่วงท่าที่พริ้วไหวของนางระบำ

ซาอีฟมองเลยออกไปด้านนอกผ่านม่านเต้นท์บาง ๆ และเห็นร่างของฟารุคที่ยืนเฝ้ายามอยู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

นักรบหนุ่มชายตาขึ้นแทบจะด้วยความรู้สึกโล่งใจ เมื่อมองเห็นร่างที่ผอมแห้งของอะมินมุดเข้ามาในเต็นท์ช้า ๆ โดยที่ในมือถือถ้วยทองเหลืองเล็ก ๆ ใบหนึ่ง

“ช่วยข้า ยกนางขึ้นทานยาสิ”อะมินกล่าวเบา ๆ ทำให้ลูกศิษย์ของเขารีบลุกขึ้นแล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างหญิงแปลกหน้า และใช้แขนซ้ายช้อนร่างเธอขึ้นนั่ง ในขณะที่ชายชรายื่นมือข้างที่ว่างไปจับใบหน้าของหญิงสาว และค่อย ๆ บีบแก้มเธอเบา ๆ ทำให้ริมฝีปากงามของเธอเผยอออก

อะมินฉวยจังหวะดังกล่าวกรอกยาน้ำสีดำที่เขาบดมากับมือลงคอของเธอช้า ๆ

แต่กระนั้น ก็ยังทำให้เธอไอสำลักเบา ๆ

“เอาน้ำให้นางทานหน่อย” อะมินบอกกับนายพลหนุ่ม ซึ่งแลดูอึดอัดและงุ่นง่านราวเหยี่ยวปีกหัก

ซาอีฟรีบทำตามคำบอกของอาจารย์ เอี้ยวตัวไปคว้ากระติกน้ำที่ทำมาจากหนังอูฐ ด้วยมือข้างที่ว่าง ใช้นิ้วโป้งดันฝาจุกเปิดออก แล้วจึงรินน้ำดื่มลงปากของหญิงสาวแปลกหน้าช้า ๆ

และเมื่ออะมินพยักหน้าให้สัญญาณ ซาอีฟจึงยั้งมือ แล้วค่อย ๆ วางร่างของหญิงสาวลงคืนที่

“หมั่นซับหน้าผากนางบ่อย ๆ อย่าให้นางตัวร้อน” อะมินทิ้งท้าย ก่อนที่จะเดินออกไปจากเต้นท์ “เดี๋ยวอีกสักพัก ข้าจะกลับมาดูนางใหม่”

นายพลหนุ่มพยักหน้ารับ แล้วหันไปทางกาละมังทองเหลือง ใช้มือขวาหยิบผ้าเล็ก ๆ ผืนบางที่อยู่ในนั้น ขึ้นมาบิดน้ำหมาด ๆ ก่อนที่จะใช้มือซ้ายบรรจงปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากของเธอไปทัดหลังใบหูเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ใช้ผ้าซับหน้าผากของหญิงแปลกหน้า พลางอดรู้สึกแปลก ๆ กับประสบการณ์ใหม่ ที่ฝ่ามืออันคุ้นเคยกับการเข่นฆ่าและปลิดชีวิตศัตรูของเขา กำลังเยียวยารักษาชีวิตใครคนหนึ่งอยู่

และมันราวสัมผัสของผ้าที่เปียกหมาด ๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว แต่เหนื่อยล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นมา เธอจึงส่ายหน้าเบา ๆ และพึมพำอะไรบางอย่างในภาษาที่เขาไม่คุ้นหูมาก่อน

หญิงสาวส่ายหน้าถี่และแรงขึ้นราวกำลังอยู่ในห้วงฝันร้าย ทำให้นักรบหนุ่มยกมือข้างซ้ายขึ้นไปลูบเส้นผมที่ยาวสลวยและอ่อนนุ่มเบา ๆ อย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบขวัญ

“ชูว์...” ซาอีฟทำเสียงเบา ๆ ราวกำลังปลอบเด็กน้อยที่หวาดหวั่น “เจ้าปลอดภัยแล้ว...”

และเพียงครู่เดียว หญิงสาวแปลกหน้าก็นิ่งสงบและจมอยู่ในความหลับใหลอีกครั้งหนึ่ง

ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งเฝ้าเธอต่อไปอย่างเดียวดาย

จากคุณ : Charkrienorrathip
เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 17:33:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com