Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผมจะเป็นพระที่ดี < ตอนที่ 1….บวช >  

NOTE- บทความนี้ผมตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อบอกเล่าประสบการณ์อันมีค่าของผมตลอดช่วงการบวช 30กว่าวันของผม     อยากให้ผู้ที่คิดจะบวชและคนที่สนใจได้เข้ามาอ่าน  เผื่อว่าจะได้รับความรู้ความเข้าใจ
ในการบวชไปบ้างซักนิดซักหน่อยก็ยังดี      

- บทความชุดนี้มีหลายตอนนะครับ  จะทยอยเขียนและค่อยๆ ทยอยเอามาลงเรื่อยๆนะครับ

- ข้อมูลที่นำมาเขียน.. ผมได้มาจากการอ่านหนังสือบ้าง จำมาบ้าง ฟังเทศน์จากครูบาอาจารย์บ้าง  
ทั้งนี้ด้วยความรู้แบบงูๆปลาๆของผม  จึงอาจมีตกหล่นไปบ้าง.....ไม่ครบถ้วนบ้างอย่างไรขอให้ผู้อ่านชี้แนะด้วยครับ

- ผมเขียนบทความนี้ด้วยเจตนาที่หวังดีจริงๆ  ไม่ได้คิดจะอวดอ้างตัวแต่อย่างใด  
====================================================================

บทนำ
        ‘ผม’นั่งพับเพียบตัวตรง  สายตาทอดออกไปยังฝูงชนอันเนืองแน่นเบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง สำรวม  ....ผู้คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่จะเป็นผู้มีคุณซึ่ง‘ผม’เคยยกมือไหว้มาแล้วทั้งนั้น  

ณ ตอนนี้  พวกเขากำลังอยู่เบื้องหน้าผม    ....และพร้อมใจกันก้มลงกราบผม.....!!

......... ‘ผม’รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก    

.....ธารสายตาอันฉายประกายแววแห่งศรัทธาในผ้าเหลืองอันศักดิ์สิทธิ์    มือทุกคู่ที่ประนมแนบอกราวกับช่อปทุมที่พร้อมใจกันยกขึ้นบูชาพระรัตนตรัย    และใจทุกดวงที่ตั้งมั่นพร้อมจะอนุโมทนาในผลบุญกุศล.............ทำเอา‘ผม’ขนลุกวาบขึ้นมา  

...ณ ตอนนั้นเอง  ความคิดหนึ่งก็ได้ผุดขึ้น และ แปรเปลี่ยนเป็นปณิธานอันแรงกล้า  

“  ‘ผม’....จะเป็นพระที่ดี ”

       หากจะพูดถึงการบวชแล้ว  ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะนึกไปถึงการโกนหัวใส่ชุดขาว  แห่นาคเข้าวัด ..อาจมีขบวนแห่ตะลุ่งตุ้งแช่บ้างตามฐานะ      แล้วเข้าไปในอุโบสถให้พระสงฆ์ห่มผ้าเหลืองให้   (ก่อนเข้าอาจมีการให้ญาติๆมารุมมะตุ้มช่วยกันอุ้ม(บอดี้เซิร์ฟ)นาคข้ามธรณีประตู เชื่อว่าได้บุญแรง   )....เท่านั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี............   ถึงตอนนี้ คุณก็อาจจะอิ่มเอมใจในบุญที่ได้รับ และปลื้มอกปลื้มใจที่ได้ทำความดีทดแทนคุณบุพการี    ....พ่อแม่ญาติโยม ทุกคนก็ได้บุญเรียบร้อยแล้ว   .......กลับบ้านได้      ที่เหลือก็แค่รอให้ถึงวันสึกเท่านั้น   (......บางคนนั่งนับวันรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆด้วยซ้ำ)  
..หากคุณคิดแบบนั้น    .........คุณกำลังคิดผิดนะครับพี่น้อง

ถึงตอนนี้คุณอาจจะเถียงผมว่า    ‘ เฮ้ยยย......ถ้าบวชแล้วไม่ได้บุญแล้ว  จะบวชทำไส้ติ่งอะไรวะ  '

…..ครับ.....ใจเย็นไว้ก่อนพี่น้อง    แล้วค่อยๆฟังผมอธิบายไป  
อันดับแรก....  เรามาทำความเข้าใจความหมายของคำว่า บวช กันก่อน  ดีมั้ยครับ

 บวช ... แปลว่า การเว้นหมดจากความเป็นชาวบ้าน    นั่นคือการเว้นจากการกินและความเป็นอยู่เพื่อสนองกิเลสทั้งหลาย     อ๊ะๆ  ตรงนี้อย่าเพิ่งเข้าใจผิด....คือ  ไม่ได้หมายความพระจะเกิดกิเลสไม่ได้นะครับ   พระก็คือคนธรรมดาน่ะแหละครับ มี โลภ โกรธ หลง เหมือนกัน ....แต่ทีนี้พอกิเลสมันเกิดขึ้นมาแล้ว  พระจะต้องรู้ทัน  ไม่หลงไปกับสิ่งเหล่านั้นจนขาดสติก็พอ   เช่น  ....พอเห็นโยมถวายพิซซ่าของโปรด  ก็อย่าหลงเพลินไปกับรสของมันจนลืมตัว    แต่ต้องฉันอย่างรู้เท่าทันกิเลสว่า  พอพิซซ่าสัมผัสกระทบ(ผัสสะ)กับลิ้น(อายตนะ) ทำให้เกิดความอร่อย (สุขเวทนา)  พอหมดแล้วก็เกิดวิภวตัณหา ไม่อยากให้มันหมดอีก   ก็ต้องตามรู้ไปเรื่อยๆ.......อย่างนี้ไม่ผิดครับ  

แต่ทีนี้พระใหม่บางรูปอาจเกิดอาการไขว้เขวบ้าง   .....เมื่อเห็นพระบางรูปยังสูบบุหรี่บ้างล่ะ  ดูหนัง ดูละครบ้างล่ะ      ..เอ้อ...จะว่าไปก็พอจะอ้าง (แบบเอาสีข้างเข้าถู)ว่าไม่ผิดศีล    (ทั้งที่นั่นมันกิเลสตัวบักเอ้กเลยนะนั่น)       แต่เราก็อย่าเพิ่งหลงไปทำตามนะครับ  ...ตรงนี้ผมอยากให้ถืออุเบกขา(วางตัวเป็นกลาง)ไว้ครับ   คือใครเค้าจะทำยังไงก็ช่าง  แต่เราทำตัวเองให้ดีที่สุดเป็นพอ   ....ถือซะว่า เอาไว้ดูกิเลสตัวเองไปแล้วกัน   (อันนี้ไว้ผมจะเล่าเพิ่มเติมในตอนต่อๆไป)  
เอาล่ะทีนี้ผมก็จะกลับมาว่ากันถึงประเด็นที่ผมทิ้งท้ายเอาไว้ในตอนต้น….

 
.....เคยคุ้นๆกับบาลีประโยคนี้กันบ้างมั้ยครับ

“ .....อะนุตตะรัง  ปุญญักเขตตัง  โลกัสสาติ ”   *
.........

 
ครับ   ....อะไรนะครับ.......ไม่เคยได้ยินเหรอครับ......   = =”    (ขอโทษครับ....ผมมันไม่ดีเอง T T)

(* จริงๆมันเป็นช่วงท้ายของบทสวดสังฆานุสติ (สวดสรรเสริญคุณพระสงฆ์)น่ะครับ  เชื่อว่าผู้อ่านที่เคยสวดมนตร์หรือไปวัด  คงจะพอท่องกันได้)

 
....ถ้างั้น   ยังไงก็น่าจะต้องเคยได้ยินประโยคนี้กันบ้างสิน่า  

‘พระสงฆ์  คือ  เนื้อนาบุญของโลก’

นั่นแน่.....ทีนี้ร้องอ๋อขึ้นมากันเลยล่ะสิ    (..เอ่อ..ใครยังไม่อ๋ออีก.....ก็ช่วยๆกันทำเป็นอ๋อหน่อยเฮอะ = =”  ช่วยกันทำมาหากินน๊อยย... ผมไหว้ละ  - / \ - ) เนื้อนาบุญของโลก ..มันแปลว่าอะไรหว่า  หมายถึง มีเนื้อนวล ผิวพรรณผ่องใส รึเปล่าหว่า (สารภาพว่าตอนเด็กๆผมคิดแบบนี้จริงๆ  T T  <....ลองนึกภาพพระมีผิวกายนวลเป็นประกายปิ๊งๆ > )
     
เอ้าเลิกเล่นๆ  ...(จริงๆสมควรเลิกนานแล้วล่ะ) ....  เนื้อนาบุญก็คือ  ผืนนาที่เอาไว้เพาะปลูกเมล็ดบุญยังไงล่ะครับ    ....โดยเมล็ดบุญก็คือ ทาน ศรัทธา ที่ญาติโยมได้ถวายแก่พระ  เป็นเสมือนการฝากให้ไว้กับพระเพื่อให้ท่านได้เอาไว้ใช้ในการทำคุณความดี ทำกุศลต่อไป

 
 จำได้มั้ยครับ  ที่ผมกล่าวเอาไว้ในตอนแรก

“ ธารสายตาอันฉายประกายแววแห่งศรัทธาในผ้าเหลืองอันศักดิ์สิทธิ์    มือทุกคู่ที่ประนมแนบอกราวกับช่อปทุมที่พร้อมใจกันยกขึ้นบูชาพระรัตนตรัย    และใจทุกดวงที่ตั้งมั่นพร้อมจะอนุโมทนาในผลบุญกุศล.............”     .....ในตอนนั้น ญาติโยมทุกคน ผู้เปรียบดังเกษตรกรผู้ปลูกบุญ กำลังพร้อมใจกันหว่านเมล็ดลงบนผืนนา ‘ผ้าเหลือง’ผม    จากนั้นทุกคนก็จะเฝ้ารอคอยให้เมล็ดบุญนั้นค่อยๆเติบโตเป็นต้นบุญให้พวกเขาได้เก็บเกี่ยว     ...........และหน้าที่ของผมในฐานะ ‘เนื้อนาบุญ’   ในฐานะของพระสงฆ์  จึงเริ่มต้นตั้งแต่ตรงนั้น …ถึงตรงนี้  คุณคงพอเข้าใจขึ้นมาบ้างรึยังล่ะครับว่า  บุญของญาติโยมนั้น ...ไม่ได้เกิดจากการมางานบวชเรา   ...ไม่ได้เกิดจากการรำหน้านาค ...ไม่ได้เกิดจากการอุ้มนาคให้ก้าวพ้นธรณีประตู  ...ไม่ได้เกิดจากการเอาปัจจัยใส่ย่ามพระใหม่  ...  

.........บุญของญาติโยมนั้น เกิดจากทุกสิ่งที่คุณทำ …ในทุกการกระทำ ของ ‘คุณ’ ในฐานะ ‘เนื้อนาบุญของโลก’    

.....เมล็ดบุญเล็กๆที่เหล่าญาติโยมพร้อมใจกันหว่านในวันนี้   จะกลายเป็นต้นบุญที่สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาออกดอกออกผลได้มากเพียงไรก็ขึ้นอยู่กับ ‘คุณ’

(มีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งว่าไว้  ฆราวาสทำบุญเท่ากำมือได้บุญเท่าขี้เล็บ   ส่วนพระสงฆ์ทำบุญเท่าขี้เล็บได้บุญเท่ากำมือ ....หรืออะไรประมาณนี้แหละ) แต่ก็อย่าเพิ่งกระหยิ่มใจไปนะครับ.........หากคุณทำสิ่งที่เป็นอกุศล  บาปก็ตกแก่พวกเขาเป็นทวีคูณเช่นกัน (....เป็นพระ บาปหนักซะด้วยสิ)  
ก็คงถูกอย่างที่สไปเดอร์แมนว่าครับ

“ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่   มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” รู้อย่างนี้แล้ว  .....คุณจะอยู่วัด กินนอนไปวันๆ  โดดทำวัตรเช้า  ชิ่งทำวัตรเย็น  แวบไปสูบบุหรี่บ้าง  แอบดูหนังฟังเพลงจากมือถือบ้าง  รอวันที่จะได้สึก   .....ก็แล้วแต่ศรัทธาแล้วกันเน้อ      
=========================

 สักแต่ว่าบวช  ...บวชตามประเพณี ...บวชไป‘ทำไม?’  

.....มีโอกาสบวชทั้งที.......บวชให้มันได้ ‘อะไร’

 
……….…..ดีกว่ามั้ยครับ ??

 
........................

<ซงย้ง>

จากคุณ : ซงย้ง
เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 18:49:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com