ความคิดเห็นที่ 1 |
ตอนที่เจ็ด
พอได้คุยกับแม่ก็นอนต่อไม่หลับแล้ว เธอไม่อยากไปอยู่อังกฤษ ไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอนไป ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากไปอยู่กับแม่ที่แทบจะไม่รู้จักกันเลย
ตั้งแต่เล็ก คนที่เลี้ยงเธอมาก็คือยาย เธอเพิ่งรู้จักแม่เมื่อสามปีก่อน หลังจากที่ยายเสียไปแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าแม่แต่งงานกับชาวอังกฤษตั้งแต่เธออายุได้สี่ขวบ พอรู้ว่ายายตายแล้วแม่ก็เลยจะมารับเธอไปอยู่ด้วย
กิมีแฟนแล้วค่ะ เราคุยกันว่าจะสร้างครอบครัวที่นี่ ตอนนั้นเธอก็เอาโฆษิตมาเป็นข้ออ้าง แต่พอมาถึงตอนนี้ ยายก็ไม่มีแล้ว พี่โฆษิตก็เลิกกันไปแล้ว เธอก็เลยต้องหาข้ออ้างอื่นอีก
ทุกคนที่รู้จักคุณโทมัส พ่อเลี้ยงของเธอ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจกิตาน์โง่มากที่ไม่ยอมไปอยู่อังกฤษ เพราะคุณโทมัสเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว ถึงไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ หรือถ้าอยากทำงานที่โรงแรมของคุณโทมัสก็มีที่ว่างสำหรับเธอเสมอ แต่เธอก็บอกกับตัวเองว่าอยากอยู่ที่เมืองไทยมากกว่า ถึงแม้จะไม่มีใครสักคนก็ตาม
เจกิตาน์คิดเรื่องแม่จนผล็อยหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงโครมครามที่หน้าห้อง ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดแท้ๆ แต่ใครไม่รู้มาทำลายความสุขคนอื่นแบบนี้ เจกิตาน์มองนาฬิกาที่หัวเตียงตอนนี้เก้าโมงเช้า จริงๆ แล้วเธอก็น่าจะตื่นได้แล้วล่ะ
ก๊อก ก๊อก ..เสียงคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องทำให้เจกิตาน์ใจเต้นโครมคราม ได้แต่หวังว่าอย่าเป็นคนที่เธอคิดด้วยเถอะ สาธุ
ขอโทษนะคะ เสียงหวานๆ ของผู้หญิงทำให้เธอค่อยอุ่นใจขึ้น แต่ก็อดระแวงไม่ได้เพราะเดี๋ยวนี้มีข่าวเรื่องแก๊งค์โจรใช้ผู้หญิงเป็นนางนกต่อเยอะแยะ
ใครคะ เจกิตาน์ยืนอยู่หน้าประตูแล้ว มองออกไปเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว แต่ยังไม่กล้าเปิด เพราะไม่คุ้นหน้าซะเลย
ฉันอยู่ห้องตรงข้ามคุณค่ะ มีเรื่องจะรบกวนสักหน่อย
ว่าไงคะ เจกิตาน์สางผมลวกๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป คนที่มาเรียกก็คือแฟนของคุณอาภูตินั่นเอง พอเห็นข้าวของกองอยู่หน้าห้องก็เลยรู้สาเหตุของเสียงที่ดังโครมครามแต่เช้า
เอ่อ... ยุวันดาเห็นคนมาเปิดประตูแล้วพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ยังกล้าแต่งตัวแบบนี้อีก กางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ลายคิตตี้สีชมพู กับเสื้อกล้ามลายเดียวกัน ถ้าไม่บ้าจริงๆ ก็คงไม่กล้าใส่
มีอะไรคะ เจกิตาน์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็คนมันชอบแบบนี้จะทำไม
ฉันจะย้ายออกไปอยู่บ้านแล้วนะคะ พอดีจะแต่งงานแล้ว แฟนก็เลยซื้อบ้านให้ค่ะ
..แล้วมาบอกทำไมเนี่ย.. เจกิตาน์คิดในใจ
แฟนฉันรวยมากเลยค่ะ เขาบอกว่าไม่อยากให้อยู่ห้องแคบๆ แบบนี้ อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ สบายกว่า ที่เธอมาบอกไม่ใช่เพราะพิศวาสยัยคิตตี้นี่หรอก แต่ว่าวันที่เธอไปง้ออาภูติ ยัยนี่ก็อยู่ในลิฟต์ด้วย คงจะคิดว่าเธอถูกผู้ชายทิ้ง เธอจะต้องแก้ความเข้าใจผิดซะหน่อยว่าคนอย่างยุวันดาไม่จำเป็นต้องง้อใคร
คุณยูครับ เรียบร้อยแล้วครับ ชายฉกรรจ์ในชุดซาฟารีสีเข้มเดินมาบอก ท่าทางนอบน้อมยิ่งทำให้ยุวันดาได้ใจ
นี่ก็บอดี้การ์ดค่ะ แฟนส่งมาช่วยดูแล ดีนะคะ จะได้ปลอดภัย ยุวันดากำลังจะสาธยายต่อ
แย่จังที่ต้องเสียเพื่อนบ้านดีๆ แบบคุณ ขอให้โชคดีนะคะ อุ้ย! ขอตัวก่อนนะคะ ฉันปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำค่ะ เจกิตาน์ตัดบทแล้วรีบปิดประตูก่อนที่จะต้องทนฟังเรื่องไร้สาระอีก
แฟนฉันรักฉันมากเลยค่ะ ไม่อยากให้ทนลำบากอยู่ที่นี่ เจกิตาน์ทำเสียงเลียนแบบผู้หญิงห้องตรงข้าม แล้วนึกไปถึงหน้าอาภูติ ยัยแตงกวาต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าเขาหวานขนาดนี้
เจกิตาน์หมกตัวอยู่ในห้อง รอจนเสียงโครมครามเงียบไปแล้วค่อยโผล่หัวออกมาดู มองซ้ายมองขวาไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ค่อยโล่งอกหน่อย แต่อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นห้องนั้นไม่ได้ล็อค เพราะความอยากรู้ทำให้เธอเสียมารยาทเข้าไป อยากรู้ว่ารังรักของผู้ชายแบบอาภูติจะเป็นยังไง
วันนี้วันหยุด อาภูติอยู่ที่คอนโดของบริษัท ตั้งใจว่าจะทำงานของเจ้าสัวประมวลให้เสร็จ แต่เพราะข้อความจากจอโทรศัพท์ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนใหม่
อาคะ ตอนนี้ยูเก็บของออกจากที่คอนโดแล้ว คุณไปดูด้วยล่ะกัน เพราะจากนี้ไป ห้องนั้นคือของคุณคนเดียว อาภูติกดอ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามเข้าใจว่าทุกคนต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตตัวเอง ในเมื่อคอนโดห้องนั้นเขาตั้งใจซื้อมาเพื่อไว้เป็นเรือนหอ แต่ตอนนี้ไม่มีเจ้าสาวแล้ว จะเก็บไว้ก็คงไม่มีประโยชน์ ที่พักบริษัทก็จัดไว้ให้แล้ว และอีกอย่างเขาก็ไม่ควรเก็บมันไว้ให้สะเทือนใจอีก
อาภูติขับรถมาที่คอนโด แอบหวังนิดๆ ว่าจะได้เจอกับเจกิตาน์ด้วย เขารู้แต่ว่าเธออยู่ชั้นเดียวแต่ไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหน เขาอยู่ที่นี่มาหลายปียังไม่เคยเจอเธอเลยซักครั้ง ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอกัน ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก อาภูติขึ้นมาบนชั้นห้าและหยุดที่หน้าห้องตัวเอง
กริ๊ก เขายังไม่ทันเอากุญแจมาไขประตูก็เปิดออกแล้ว และเงาวูบวาบที่อยู่ข้างในทำให้อาภูติรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในนั้น และไม่ต้องให้เดาเขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ยุวันดาคงเปลี่ยนใจไม่ไปจากเขาแล้ว ความจริงเขาพร้อมจะอภัยให้เธอทุกอย่างอยู่แล้ว เพียงแต่ปากแข็งไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้นเอง
อาภูติเห็นเธอยืนอยู่ที่ระเบียง เขาแอบเข้าไปเงียบๆ
ยู ขอบคุณนะ ที่คุณกลับมา อาภูติกระซิบที่ข้างหู แล้วสวมกอดเข้าที่เอวบางๆ ของเธอ
อุ้ย... ยูบ้าบออะไรล่ะ ฉันไม่ได้ชื่อยูนะ
อะไรนะ พอได้ยินว่าเธอไม่ใช่ยุวันดา อาภูติก็ตั้งสติได้ ถ้าไม่ใช่ยุวันดา คนที่เข้ามาโดยที่ไม่ใช่เจ้าของก็คงมีแต่พวกขโมยเท่านั้นแหละ
แล้วคุณเป็นใคร อาภูติจับแขนแน่นเพราะกลัวหัวขโมยหนี เขาดึงเธอให้หันหน้ามา พอเห็นหน้ากันชัดๆ ต่างคนก็ชะงัก แต่เธอมีสติเร็วกว่า
คุณอาภูติ เจกิตาน์เรียกเสียงหลง ไม่คิดว่าคนที่โผล่พรวดพราดเข้ามากอดเธอจะเป็นเขานี่เอง
คุณ เอ่อ.. อาภูติช็อคจนนึกชื่อเธอไม่ออก เขาน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก กลิ่นของยุวันดามีแต่กลิ่นเครื่องสำอาง แต่ของผู้หญิงคนนี้มีแค่กลิ่นแชมพูอ่อนๆ และกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ
กิไงคะ เจกิตาน์ค่ะ (นายบ้าเอ้ย ไม่ไหวเลย ไหนว่าฉลาดหนักหนา แค่ชื่อฉันก็จำไม่ได้)
แล้วคุณมาทำอะไรในห้องผม
เอ่อ.. ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี จะบอกว่าอยากเห็นห้องที่เขากับแฟนเคยอยู่ด้วยกัน ก็จะตรงเกินไป
ว่าไงครับ อาภูติทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน ทั้งรู้สึกอายที่ให้เธอเห็นเขาในสภาพนี้ เธอคงจะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายอ่อนแอแน่ๆ
คือฉันอยู่ห้องตรงข้ามกับคุณน่ะ เห็นห้องคุณเปิดอยู่ นึกว่าแฟนคุณขนของไปหมดแล้ว ก็เลยเดินเข้ามาดู เจกิตาน์พูดเสียงสั่น แขนแข็งแรงของเขาทำให้เธอหวั่นไหวเยอะเลย
ยูคงลืมปิดประตู คุณบอกว่าอยู่ห้องตรงข้ามเหรอ อาภูติเชื่อว่าเธอพูดจริง เพราะถ้าห้องไม่เปิดไว้ เจกิตาน์คงเข้ามาไม่ได้
ค่ะ ฉันอยู่ที่นี่มาหกปี คุณเพิ่งย้ายมาเหรอคะ ฉันไม่เคยเห็น เพิ่งจะเห็นก็วันในลิฟต์.. เจกิตาน์เห็นเขาหน้ามุ่ย ก็เลยไม่พูดต่อ
ปกติผมอยู่ที่คอนโดบริษัท
อ๋อ ดีจังนะคะ แล้วบ้านใหม่ที่ซื้ออยู่แถวไหนเหรอคะ ถึงยังไงถ้าเป็นครอบครัว อยู่บ้านเป็นหลังก็ดีกว่าคอนโดแบบนี้เนอะ อยากจะพูดเอาใจ แต่ไม่รู้ว่าสะกิดใจอาภูติอย่างจัง
บ้าน?
ก็แฟนคุณบอกว่าจะไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่ซื้อไว้ ถ้าฉันมีครอบครัวก็อยากจะอยู่บ้านเหมือนกัน อยากปลูกต้นไม้เยอะๆ แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว อยู่แบบนี้ก็สบายใจดี เจกิตาน์กำลังจะพูดต่อ แต่เห็นหน้าตาเครียดๆ ของเขาแล้วพูดไม่ออก กลับห้องตัวเองดีกว่า
งั้นฉันไปนะคะ ให้ดูค่ะ ไม่ได้หยิบอะไรติดมือไปนะ เจกิตาน์หมุนตัวทำให้ผมที่ยาวสยายปลิวผ่านหน้าเขาไป กลิ่นแชมพูหอมๆ ทำให้อาภูติหวั่นไหวนิดๆ เหมือนกัน
ฉันอยู่ห้องตรงข้ามนะคะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ อยู่กับเขาในห้องสองต่อสองแบบนี้เธอหายใจไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่
ครับ เขาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้
เจกิตาน์ออกไปแล้ว อาภูติก็ค่อยเดินสำรวจข้าวของในห้อง ของทุกอย่างอยู่เกือบครบ มีแต่เสื้อผ้ากับเครื่องสำอางของยุวันดาที่หายไป เขาก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะเจ้าสัวประมวลรวยระดับประเทศแบบนั้น คงซื้อทุกอย่างให้เธอได้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเศร้าใจ เขาไม่อยากจะเก็บห้องนี้ไว้อีกต่อไปแล้ว แต่พอมองออกไปที่ห้องตรงข้าม ชั่วอึดใจเขากลับอยากเป็นเพื่อนบ้านกับเธอขึ้นมา
'
| จากคุณ |
:
ลำบากใจจัง~ ทีเกิดมาหน้าตาดี
|
| เขียนเมื่อ |
:
6 มี.ค. 53 20:58:40
|
|
|
|