ความคิดเห็นที่ 1 |
Chapter 9
เช้ามืดบนโลกเทอร่าอันกว้างใหญ่ แสงแดดยังไม่มากนักด้วยเพราะยังเป็นช่วงเวลาที่โลกยังหันเข้าหาแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ได้ไม่เต็มที่ หากแต่ไม่ใช่บน ‘วิลอน’ ที่แทบจะลอยรับแสงอาทิตย์แทบตลอดเวลา ซึ่งดินแดนแห่งนี้เป็นที่รวมของเหล่าเทวทูตที่ทำงานขึ้นตรงกับลูซิเฟอร์ หากแต่ที่นี่มิใช่สวรรค์ที่แบ่งเป็นชั้นต่าง ๆ ออกจะเป็นดินแดนที่อยู่เป็นเอกเทศซะมากกว่า
แม้จะบอกว่าที่นี่รับแสงอาทิตย์ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะสว่างทั้งวัน หรือร้อนมาก เพราะอากาศต่าง ๆ ภายในก็เฉกเช่นอีเดน มีทั้งร้อน ฝน และหนาว ด้วยที่นี่แทบจะกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ ๆ พระผู้เป็นเจ้าทดลองสร้างระบบต่าง ๆ ก่อนจะนำไปใช้จริงบนอีเดน จึงทำให้อากาศ ณ ที่นี้หมุนไปตามเวลาเฉกเช่นอีเดน
ลูซิเฟอร์นั้นในยามนี้ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงของนาง ด้วยเพราะภารกิจต่าง ๆ ของผู้เป็นอัครสาวกเช่นนางแม้จะไม่ได้มากมายนัก หากในแต่ละงานนั้นค่อนข้างที่จะวุ่นวาย และหนักหนาอยู่ ทำให้บ่อยครั้งนางต้องลงไปจัดการด้วยตัวเองบ่อยครั้ง
นางค่อยกลิ้งไปมาบนเตียงช้า ๆ เพราะได้เวลาที่ตามปกตินางจะตื่นจากนิทราแล้ว นางดิ้นไปมาสักพักหนึ่งจนกระทั้ง
ตึง!!!
“โอ้ย!!”
นางตกจากเตียงลงมาพร้อมกองผ้าห่ม แม้ว่าเตียงของนางจะไม่สูงนัก แต่มันก็เจ็บเอาเรื่องอยู่ เสียงร้องของนางนั้นไม่ได้ทำให้เหล่าเทวทูตที่อยู่นอกห้องสนใจนัก เพราะการที่ลูซิเฟอร์นอนตกเตียงเช่นนี้เป็นเรื่องปกติที่เทวทูต ‘เคยชิน’ ไปเสียแล้ว
นางค่อย ๆ สะบัดผ้าห่มที่กองทับตัวนางออกด้วยความงัวเงีย ถึงจะตกลงมาจากเตียง แต่ท่าทางของนางก็หาได้ตื่นเต็มตาไม่ เหมือนว่ายังคงเบลอ ๆ พร้อมจะหลับได้อีกตลอดเวลา ลูซิเฟอร์ที่ออกจากกองผ้าห่มได้แล้ว จัดการเก็บที่นอนของตนแล้วเดินออกมาจากห้องโดยมีเหล่าเทวทูตที่เป็นข้ารับใช้มองเป็นตาเดียวกัน ด้วยเพราะนางเป็นเทวทูตที่งดงามมากองค์หนึ่งแม้ว่าเพิ่งจะตื่นนอนในสภาพที่หัวยังยุ่ง ๆ อยู่ก็ตาม นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความงามปนความน่ารักของนางลดน้อยลงไปเลย
“อ้า...อรุณสวัสดิ์ ซาตานาเกีย” ลูซิเฟอร์ยกมือขึ้นทักทายเทวทูตผู้เป็นดั่งเลขานุการของนาง ซึ่งเป็นเทวทูตชาย ท่าทางภูมิฐานมีเคราที่ดูงดงาม ดูแล้วท่าทางมีความน่าเชื่อถือและดูเป็นผู้ทรงปัญญาอย่างมาก หากแต่ซาตานาเกียที่ได้รับการทักทายค่อนข้างแสดงสีหน้าเอือม ๆ เล็กน้อยต่อสิ่งที่พบเห็น
“อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านลูซิเฟอร์ แต่...ก่อนหน้าที่ท่านจะทักทายข้า ข้าว่าท่านน่าจะแต่งตัวให้ดูดีกว่าอีกซักนิดนะขอรับ” ซาตานาเกียกล่าวเตือนออกไป ทำให้ลูซิเฟอร์สำรวจตนเอง นางในชุดนอนสายเดี่ยวผ้าแพรสีชมพูเป็นเงา หากแต่ตัวชุดนอนนั้นยาวมาถึงเพียงแค่ต้นขาของนางเท่านั้นเอง
ลูซิเฟอร์เกาหัวตนเองนิดหน่อยก่อนตอบซาตานาเกียกลับไป “ก็เพิ่งตื่นนี่นา อีกอย่างชุดนี้ไม่ได้เสียหายตรงใหนสักหน่อย”
“แต่ข้าว่ามันออกยั่วยวนไปนิดนะขอรับ” ซาตานาเกียขัดเพราะอย่างไรเสียเขาคิดว่า ด้วยตำแหน่งสถานะของลูซิเฟอร์น่าจะทำอะไรที่ดูเรียบร้อยมากกว่านี้
ลูซิเฟอร์บุยปากหน่อย ๆ นางรู้สึกไม่ค่อยดีนักเวลาใครจะมาบอกให้นางเคร่งครัดกับกฏไปซะทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นที่พักของนางเองแท้ ๆ นางสะบัดมือเป็นเชิงไล่ซาตานาเกียด้วยความรำคาญก่อนที่จะกล่าวออกไป “เดี๋ยวท่านช่วยสรุปเอกสารงานที่ข้าต้องทำในวันนี้ให้ทีนะ ขอข้าแต่งตัวให้เรียบร้อยเป็นที่พอใจของท่านก่อนก็แล้วกัน”
ซาตานาเกียโค้งตัวรับคำสั่ง เขาไม่ได้คิดมากต่อกิริยาท่าทางของลูซิเฟอร์ เพราะนี่ก็เป็นอีกอย่างที่เขาเองก็ ‘เคยชิน’ ไปซะแล้ว แต่กระนั้นเขาก็อดที่จะบ่นทุกครั้งเวลาเจอนางไม่ได้
ลูซิเฟอร์จัดการล้างหน้าล้างตา แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยจะได้ไม่ถูกซาตานาเกียบ่น ทว่าวันนี้ดูเหมือนนางจะประชดนิดหน่อย ด้วยการใส่ชุดลายลูกไม้สีขาว กระโปรงยาว ตบท้ายด้วยการแต่งหน้าที่ดูหวาน ๆ เหมือนกุลตรีชั้นสูงดูท่าทางเหมือนนางจะไปงานเลี้ยงซะมากกว่า
หลังจากแต่งตัวจนพอใจแล้ว นางเดินตรงไปยังห้องทำงานซึ่งซาตานาเกียนั่งคอยอยู่ เขาเลิกคิ้วแปลกใจกับการแต่งตัวของ ลูซิเฟอร์พอสมควรจึงกล่าวถามออกไป “วันนี้ท่านลูซิเฟอร์ต้องไปงานเลี้ยง ณ ที่ใดรึขอรับ”
“เปล้า...ข้าก็แค่แต่งตัวให้เรียบร้อยสมฐานะก็เท่านั้น” นางตอบกลับเสียงสูงซึ่งใครฟังก็รู้ได้ว่านางกำลังประชดอยู่ หากแต่ด้วยความเคยชินของซาตานาเกียก็กล่าวเตือนออกไป
“หากเป็นเช่นนั้น วันนี้ข้าแนะนำว่าท่าน ‘ไม่ควร’ ไปหาท่านมิคาเอลนะขอรับ”
เป็นคำแนะนำที่ดูแปลก ๆ จนลูซิเฟอร์สงสัยเป็นอย่างยิ่ง “ทำไมล่ะท่าน แบบนี้ก็เรียบร้อยน่ารักดีออก”
“...........” ซาตานาเกียนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จึงตอบข้อสงสัยของลูซิเฟอร์
“ระยะหลังมีข่าวลือว่าการที่ท่านลูซิเฟอร์ไปที่ มาร์เชิร์น ซึ่งเป็นที่พำนักของท่านมิคาเอลบ่อย ๆ นั้น เพราะท่านต้องใจในตัวท่านมิคาเอลน่ะขอรับ” ซาตานาเกียหลับตาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
ทว่าลูซิเฟอร์นั้นกลับแสดงสีหน้าแปลกใจระคนตกใจอย่างมาก กับการที่ผู้ใดจะลือเช่นนั้น “ใครกันที่เอาไปลือเช่นนั้น” แม้ว่าลูซิเฟอร์จะกล่าวน้ำเสียงเหมือนโมโห แต่ท่าทางและสีหน้าของนางดูเขินอายอย่างมาก จนซาตานาเกียแทบจะขำออกมา หากแต่เขาพยายามอดกลั้นไว้เพราะจะเป็นการไม่เหมาะสม แล้วเขาจึงกล่าวต่อไป
“ซึ่งข้าคิดว่าถ้าท่านไปพบท่านมิคาเอลในชุดเช่นนี้ ใคร ๆ ย่อมคิดว่าท่านแต่งตัวเอาใจท่านมิคาเอลเป็นแน่ขอรับ”
“แล้วจะทำไมล่ะ”
“ทำไม?” ซาตานาเกียดูจะแปลกใจกับคำพูดของลูซิเฟอร์
“ถ้าข้าจะชอบพอในตัวของมิคาเอลแล้วจะทำไมล่ะ” นางกล่าวออกมาให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งทำให้ซาตานาเกียแสดงสีหน้าหนักใจนิดหน่อย
“ก็คงไม่มีใครว่าท่านได้หรอกนะขอรับ หากว่าท่านแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่ดูท่าทางท่านจะไม่กล้าซะมากกว่านะขอรับ” ซาตานาเกียกล่าวตรง ๆ เพราะลูซิเฟอร์นั่นเวลาอยู่ภายนอกจะบ่ายเบี่ยงตลอดว่าไม่ได้คิดอะไรกับมิคาเอลไปเกินกว่าคำว่า ‘สหายรัก’
ลูซิเฟอร์ที่ถูกซาตานาเกียกล่าวตรง ๆ ก็แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาทันที ‘ก็ใครจะไปกล้าบอกตรง ๆ เล่า’
นางคิดภายในใจก่อนที่จะ พยายามออกนอกหัวข้อที่ชวนให้นางรู้สึกเบื่อ “อ่ะ ๆ ข้าว่าทำงานก่อนดีกว่า”
“วันนี้มีเรื่องอะไรบ้างล่ะท่าน” นางกล่าวถามด้วยเพราะเอกสารต่าง ๆ นั้นอยู่ในมือของซาตานาเกียทั้งหมด
ซาตานาเกียดูเอกสารคร่าว ๆ แล้วจึงรายงานต่อลูซิเฟอร์ “มีเพียงแค่สามเรื่องเท่านั้นเองล่ะขอรับ เพราะงานเก่าถูกสะสางไปจนสิ้นแล้ว”
“งั้นก็ว่าของใหม่มาเลย” ลูซิเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักเนื่องจากอารมณ์ยังค้างต่อเรื่องเมื่อครู่อยู่
| จากคุณ |
:
joyka
|
| เขียนเมื่อ |
:
6 มี.ค. 53 21:22:03
|
|
|
|