Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
:+:+:+: ~ Whrys & Rage - ล่ามารสุดขอบฟ้า ~ :+:+:+: บทนำ: Bloodmoon 03  

ขอบคุณคุณสก็อตตี้ที่กรุณาเตือนครับ ^^
กราบขออภัยสมาชิกทุกๆ ท่านด้วยครับ _/_

หากทำอะไรผิดพลาดไปผมจะรีบแก้ไขทันทีและไม่ทำอีกครับ
------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่ขบวนตรวจแถวของเรพลิก้าจูเนียร์จากไป ลุงบอร์นก็พาเรจไปรักษาอาการบอบช้ำที่ร้านขายของเก่า
ส่วนซินเธียร์ที่ตามไปด้วย เมื่อรอดูอาการสักพักจนเห็นว่าเรจไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงขอตัวกลับไปที่บ้านเผื่อว่าจะมีลูกค้ามา

แต่เมื่อไปถึงที่นั่น เด็กสาวก็ต้องตกตะลึง เพราะพบชาวบ้านหลายสิบคนกำลังทุบทำลายทั้งบ้านและสวนผักสวนดอกไม้ของเธอ

“จะทำอะไรคะ!”

ซินเธียร์ตรงไปที่บ้านของเธอ แต่ก็ถูกพวกชาวบ้านที่เหลือจับตัวเอาไว้

“ถามได้นังตัวดี เพราะเจ้าคนเดียว พวกเราถึงต้องเดือดร้อนกันไปหมด”

คนที่หันมาพูดกับเธอคือลุงฌอน ที่อาศัยอยู่เพียงลำพังในย่านตลาด ซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำของเธอ
ตอนที่เขาป่วยและไม่มีใคร เธอกับน้องชายก็ผลัดกันมาดูแล และทำอาหารให้
ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มด้วยความซาบซึ้งของเขาในตอนนั้น บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของยักษ์ที่บิดเบี้ยวด้วยความชิงชัง

เขาเองก็เหมือนกับพวกชาวบ้านอีกหลายคนที่อยู่นี่ ซึ่งถูกเหล่าคนที่ประสงค์ร้ายต่อซินเธียร์เป่าหูเอาว่าเธอไปทำให้ท่านขุนนางขุ่นเคือง จึงต้องฝากขังไว้ที่หมู่บ้านนี้ และจะมารับตัวไปลงโทษในวันรุ่งขึ้น

พวกที่ไม่พอใจซินเธียร์อยู่แต่เดิมนั้น ก็คือบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในย่านตลาดที่เสียรายได้ เพราะพืชผักของเธองามน่ากิน ซ้ำยังราคาถูกกว่าของในตลาด จึงทำให้ผักของพวกเขาขายไม่ค่อยได้

พวกชาวบ้านที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานาน เมื่อได้ยินเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่าง "ซินเธียร์ได้ล่วงเกินท่านขุนนาง" ก็หลงตีโพยตีพายว่าหมู่บ้านเอคอร์นจะถึงคราวพินาศย่อยยับ โดยไม่พยายามสืบสาวหาความจริง

ต่อหน้าอำนาจอันยิ่งใหญ่ และความจริงที่ผิดเพี้ยน เหล่าผู้คนที่ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และไม่หนักแน่นในมนุษยธรรม ก็พ่ายแพ้ให้แก่สัญชาตญาณดิบที่อยู่ภายใน หันกลับไปประพฤติตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนมีชีวิตรอด

ความหวาดกลัวที่มีต่อความตายของพวกผู้ใหญ่นั้น ถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นความเคียดแค้นชิงชัง และพุ่งเป้าไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ซินเธียร์มองไปรอบๆ ข้างๆ ลุงฌอน ยังมีป้าเจน ลุงทิม และคนอื่นๆ ซึ่งเธอรู้จักคุ้นเคยดี แต่บัดนี้พวกเขากลับส่งสายตาแสดงความอาฆาตแค้นใส่ จนเธอรู้สึกสะท้านใจ

เด็กสาวไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ เธอได้แต่ยืนดูบ้านที่เป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวของคุณพ่อคุณแม่ถูกเผาไปพร้อมๆ กับหนังสือนิทานภาพที่เธอเพิ่งอ่านให้เรจฟังเมื่อคืน รวมถึงหนังสือบทกวีที่เธอเพิ่งนั่งอ่านเมื่อบ่ายนี้

เธอได้แต่มองสวนผัก และสวนดอกไม้ที่เธอเฝ้าทนุถนอมมานานหลายปี ถูกรื้อทำลายจนราบ เพื่อเป็นหลักประกันให้เธอตัดใจทิ้งหมู่บ้าน แล้วยอมไปกับเรพลิก้าจูเนียร์แต่โดยดี

เธอทำได้แค่มองดูดอกแดฟโฟดิลที่เธอรัก ถูกถอน ถูกฉีก ถูกเหยียบย่ำอย่างทารุณ ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นเพิ่งจะผลิดอกออกมาลืมตาดูโลกได้เพียงไม่นาน



“Fair Daffodils, we weep to see

You haste away so soon:

As yet the early-rising sun

Has not attain'd his noon.”



“ไว้แวะไปที่สวนดอกไม้ของหนูสิคะ ถ้าได้เห็นเด็กพวกนี้ ชูช่อล้อลมอย่างร่าเริงอยู่กลางแสงอาทิตย์อยู่ล่ะก็ หนูรับรองว่าลุงบอร์นจะต้องประทับใจยิ่งกว่านี้อีกค่ะ”



เมื่อนึกสิ่งที่ตนได้พูดไว้กับลุงบอร์นเมื่อเช้านี้แล้ว หยาดน้ำอุ่นๆ ก็ไหลออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองของเธอ...

ขอโทษนะคะลุงบอร์น... ที่หนูไม่สามารถรักษาสัญญาได้ ซินเธียร์รำพันกับตนเอง
ทั้งที่เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้แท้ๆ แต่ทำไมในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งเหล่านั้นช่างดูห่างไกลเสียเหลือเกิน

... ... ...



ตะวันคล้อยลงต่ำ หมู่สัตว์ที่หากินในยามราตรีเช่น ค้างคาว หมาป่า และนกเค้าแมวเริ่มลืมตาตื่น

หลังจากที่นำตัวซินเธียร์ไปขังไว้ในห้องใต้ดิน ติดกับโรงสีใหญ่ของหมู่บ้าน พวกชาวบ้านก็จัดเวรยามเฝ้าอย่างแน่นหนา ราวกับขุมขังนักโทษ
จากวิกฤตเล็กๆ เมื่อเกิดกับหมู่ชนผู้มีปัญญาทรามก็กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่
บรรดาชาวบ้านที่เห็นใจซินเธียร์ และลุกขึ้นคัดค้านต่างถูกรุมแทง รุมทุบด้วยจอบ เสียม และคราดอย่างไร้ความปราณี จากเพื่อนบ้านที่เคยกอดคอคลุกคลีกันมาแต่เล็ก

แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านที่ออกมาห้ามก็ถูกเหมาว่าเข้าข้างซินเธียร์และถูกฆ่าตายด้วยเช่นกัน

เหล่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาเป็นเวลานาน บัดนี้เริ่มเสียสติ และเห็นการเข่นฆ่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะถูกปลุกปั่นจากคนเพียงไม่กี่คนที่ต้องการกำจัดซินเธียร์ด้วยจิตใจที่คับแคบและคิดเอาแต่ได้

พวกเขาตีตนไปก่อนไข้และจินตนาการถึงความตายไปต่างๆ นานาจนเกิดความหวาดกลัว ไม่สามารถประคองสติไว้ได้ และค่อยๆ สูญเสียจิตใจส่วนที่เป็นมนุษย์ไปทีละน้อย

“พวกเราดูนั่นสิ!”

หนึ่งในชาวบ้านที่เฝ้ายามอยู่ ชี้ให้เพื่อนคนอื่นๆ มองขึ้นไปบนฟ้า

“พระจันทร์สีเลือด!”

ชาวบ้านอีกคนหนึ่งร้องขึ้น

ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ถูกย้อมด้วยสีแดงฉานราวกับเลือด หมู่เมฆเริ่มคลี่ตัวออกเผยให้เห็นจันทร์ทรงกลด ปรากฏเด่นอยู่กลางแสงสีแดงอมส้ม
เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่ชวนให้ใจหวั่นไหว แต่เหล่าชาวบ้านกลับลุกขึ้นโห่ร้องยินดี ด้วยเข้าใจว่าเทพยาดาฟ้าดินต่างอำนวยพรให้แก่การกระทำของตน
ซึ่งหากพวกเขามีโอกาสได้เปิดอ่านสมุดนิทานภาพ "คัมภีร์เซเลสท์" มาก่อน พวกเขาก็จะรู้ว่า
"พระจันทร์สีเลือด" นั้น คือลางบอกเหตุแห่งหายนะครั้งใหญ่ ที่กำลังจะมาเยือนหมู่บ้านของตน



... ... ...


โปรดติดตามตอนต่อไป

แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 53 22:12:22

จากคุณ : เต้อ้วนมาก
เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 22:02:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com