Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผู้มาเยือน  

คุณเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวไหม UFO
สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกอะไรทำนองเนียะ
หน้าตามันเป็นยังไงนะเหรอไม่รู้สิผมก็บอก
ไม่ถูกเหมือนกัน แหมก็ถ้าเป็นคุณจะมีสติพอ
ที่จะอยู่ดูหน้ามันชัดๆได้หรือเปล่าล่ะผมคนนึง
ล่ะที่ไม่ขออยู่ดู ที่ผมเห็นน่ะเหรอนั้นมันก็แค่
ร่างแปลงของพวกมันตอนลงมาบนโลกของ
เราเท่านั้น หน้าตามันก็เหมือนคุณกับผมนั้น
แหละดูไม่ค่อยออกหรอก หาว่าผมโกหก
เหรอ เปล่าผมไม่ได้โกหกและก็ไม่ได้บ้า
ด้วยผมเคยเห็นพวกมันมาแล้วจริงๆและยัง
ถูกพวกมันจับตัวไปอีกด้วยแต่ผมหนีมาได้
ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกหก คุณก็รู้นี่ว่า
ผมเป็นใคร ผม ดร.ณรงค์ แล้วคนระดับผม
จะมาแต่งเรื่องหลอกลวงพวกคุณไปเพื่
ออะไรมันไม่มีประโยชน์และชื่อเสียงผม
ก็มีพอสมควร ไม่มีเหตุผลที่ผมจะมาโกหก
ให้ตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงก็เพราะพวกคุณ
เป็นกันแบบนี้ยังไงล่ะผมถึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็น
ความลับมาตลอดแต่ก็เอาเถอะจะเชื่อหรือไม่
เชื่อก็แล้วแต่พวกคุณลองฟังเรื่องที่ผมจะเล่า
ต่อไปก่อนแล้วกัน
       เมื่อหลายปีก่อนขณะที่ผมกำลังสำรวจ
ร่องรอย ’Crop Circles’ ที่ปรากฏบนทุ่งนา
หลายเอเคอร์ในประเทศอังกฤษเพียงลำพัง
มันเป็นร่องรอยใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมีแค่ผมกับ
เจ้าของนาที่ผมให้เงินค่าปิดปากไปแล้วเท่านั้น
ที่รู้เรื่องนี้ ยังไม่มีนักวิชาการและนักสำรวจคน
ไหนๆในโลกรับรู้ ผมล่ะอยากให้พวกคุณได้ไป
เห็นด้วยตาตัวเองจังมันสวยงามมากจริงๆรูปทรง
เรขาคณิตขนาดใหญ่ที่สลับซับซ้อนกลางทุ่งนา
ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนจะ
สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ถ้าไม่ใช่พวกมันหรือ
ไม่ก็พระเจ้ากับซาตาน และในคืนถัดมาผม
ตัดสินใจเฝ้ารอพวกมันและหวังว่าจะได้เห็น
มนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆด้วยตาตัวเองซักครั้ง
ไม่ใช่ซากศพแห้งๆแบบที่พวกอเมริกาเอาออก
มาอวดอ้าง พวกคุณลองคิดดูนะว่ามันจะเป็น
ความทรงจำที่มีค่าขนาดไหนถ้าได้จับมือกับ
พวกมันและถ้าพาออกสู่สายตาชาวโลกได้มัน
จะเป็นยังไง นี่ผมยังไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์
ระหว่างดวงดาวและเทคโนโลยีใหม่ๆของพวก
มันที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาล
ไม่เลยผมไม่เคยกลัวเรื่องที่พวกมันจะมายึด
ครองโลกเลยซักนิด พวกมันอาจจะเป็นแค่ศิลปิน
ข้างถนนที่ชอบพ่นสีตามกำแพงเหมือนๆกับวัยรุ่น
โลกเราก็เป็นได้ ใครมันจะไปอยากได้โลกเน่าๆ
ของพวกเราใบนี้นักหนาคิดกันไปได้ ขนาดผมเอง
ยังอยากหนีไปให้พ้นๆจากโลกใบนี้เลยจวนเจียน
จะพังแหล่มิพังแหล่อยู่แล้ว ผมว่าดีซะอีกพวกมัน
อาจจะมีวิธีทำให้โลกใบนี้เน่าช้าลงกว่านี้ก็ได้ มัน
คงไม่ยากไปกว่าการเดินทางระหว่างดวงดาวที่คิด
ระยะทางเป็นหลายปีแสงแต่พวกมันทำได้ภายใน
พริบตา เร็วกว่าขับรถในบ้านเราออกไปซื้อโจ็กปาก
ซอยมากินเสียอีก แล้วนี่ถึงไหนแล้วล่ะพวกคุณ
ไม่น่าพาผมนอกเรื่องเลย ใช่ๆผมกำลังเฝ้ารอพวก
มันเงียบๆอยู่เพียงลำพัง ตอนนั้นเป็นเวลาดึกสงัด
บริเวณโดยรอบมืดสนิทผมมีเพียงตัวเองกับไฟฉาย
หนึ่งกระบอกที่ยังไม่ได้เปิดมันและในวินาทีนั้นเอง
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมเกือบลืมหายใจ แสงไฟ
ที่พุ่งยาวเป็นเส้นตรงสามสี่เส้นกำลังมุ่งตรงมาที่ผม
เบื้องหลังแสงนั้นคือเงาดำรูปร่างสูงใหญ่คลายมนุษย์
และผมไม่เห็นยานของพวกมัน  ยอมรับอย่างหน้าไม่
อายเลยว่าตอนนั้นผมกลัวจนไม่กล้าขยับตัวแม้แต่
นิดเดียว ในที่สุดพวกมันก็พบผมแล้วช่วยกันจับตัว
ผมไว้ผมพยายามดิ้นรนยื้อยุดอย่างสุดกำลังตะโกน
แหกปากอย่างสุดเสียงเท่าที่จะทำได้แต่มันก็ไร้ผล
ผมสลบไปเมื่อมีหนึ่งในพวกมันฉีดอะไรบางอย่าง
เข้าไปในตัวผม ไปกันใหญ่แล้วคุณไอ้ที่มียานลอย
อยู่กลางอากาศแล้วส่องแสงลงมาดูดคนขึ้นไปอย่างที่
คุณบอกนะมันมีแค่ในหนัง อย่าไรสาระได้ไหมผมกำลัง
ซีเรียสนะ
      ผมรู้สึกตัวอีกครั้งในห้องที่พวกมันจัดไว้ให้ผมสลบ
ไปนานแค่ไหนนั้นผมไม่รู้และหลังจากที่ผมพื้นคืนสติพวก
มันก็ปล่อยผมให้ออกมารวมกับมนุษย์คนอื่นที่มีชะตากรรม
เดียวกันกับผม พวกเขาแต่ล่ะคนละคนเหมือนเสียสติแต่จะ
ไปโทษพวกเขาไม่ได้หรอกคงจะช็อคกับเหตุการณ์ที่ตัวเอง
ต้องเผชิญอยู่ เห็นจะมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละที่ยังพอมีสติ
ทำไมนะเหรอก็เพราะผมอยู่และศึกษากับเรื่องของพวกมันมา
ตลอดชีวิตยังไงล่ะ พวกมันหลอกผมไม่ได้หรอกแต่ถึงผมจะ
รู้ตัวมันก็ไม่มีประโยชน์พวกมันเฝ้าดูมนุษย์อย่างเราๆอยู่ตลอด
เวลาไม่ว่าจะเป็นเวลากิน เวลานอนหรือแม้กระทั้งเข้าห้องน้ำ
พวกมันเฝ้ามองพวกเราในคราบของมนุษย์เหมือนๆกันแต่ผม
แยกแยะออกคุณก็รู้นี่ว่าผมเป็นใคร ผม ดร.ณรงค์ ระดับมัน
สมองมันต่างกันทำไมบนยานพวกมันถึงมีห้องน้ำนะเหรอคง
สงสัยกันล่ะสิ ผมจะบอกให้พวกมันนั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่พวกคุณ
คิดไม่ถึงเลยเชียวล่ะ เพราะว่าทุกอย่างรอบตัวที่คุณได้เห็นนั้น
มันเหมือนกับโลกของเราไม่มีผิด ท้องฟ้า พื้นหญ้า อากาศ
นกตัวเล็กๆที่ร้องระงมทั้วไปในสวนหย่อม พวกมันมีอาหาร
ให้พวกเรากินครบสามมื้อและให้อิสระกับพวกเรามากพอสมควร
หลายคนหลงใหลได้ปลื้มกับความสะดวกสบายที่พวกมันหยิบยื่น
ให้แต่ไม่ใช่ผมคุณก็รู้นี่ว่าผมเป็นใคร ผม ดร.ณรงค์ สาบาน
ได้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินเสียงร้องอย่างโหยหวนของพวกเรา
พวกคุณรู้ไหมว่าเสียงนั้นมันบาดลึกลงไปในหัวใจขนาดไหน
พวกมันคิดว่าตัวเองเป็นใครกันโลกของตัวเองก็ไม่ใช่แล้วยัง
จะมาเอาพวกเราไปทำปู้ยี่ปู้ยำตามใจชอบได้อย่างไร ผมคนหนึ่งล่ะ
ที่ไม่มีวันยอมแต่จะให้ผมทำอะไรได้ผมเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา
คนหนึ่ง แสงแห่งความหวังที่จะหนีจากพวกมันของผมริบหรี่ลง
เรื่อยๆแต่แล้ววันหนึ่งชายคนนั้นก็เข้ามาจุดแสงสว่างให้ผม
อีกครั้ง เขาคือ คมกริช จากการที่ได้พูดคุยกับเขานั้นมันทำให้
ผมมีกำลังใจขึ้นมาเยอะเมื่อรู้ว่า ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ยังมี
สติอยู่ยังมีเขาอีกคน โบราณว่าไว้ สองหัวดีกว่าหัวเดียว
จากคำบอกเล่าของเขาทำให้ผมได้รู้ว่าคมกริช คือนักบินอวกาศ
ไทยคนแรกที่ได้ไปทำงานกับ ‘NASA’ ในการสำรวจดาวอังคาร
และเขาถูกจับมาจากที่นั้น แผนการสู่อิสรภาพของผมเกิดขึ้น
ในหัวอย่างรวดเร็วมันไม่ใช่แผนการที่สลับซับซ้อนอะไร
มากมายก็แค่รอให้คนเฝ้าประตูของพวกมันเผลอแล้วก็วิ่งออก
ไปเปิดประตูเท่านั้น ผมไม่สนใจหรอกว่าข้างนอกจะเป็นอย่างไร
จะยังเป็นโลกมนุษย์อยู่หรือว่าเป็นอวกาศอันเวิ้งว้าง ขอแค่ให้ได้หนี
ไปจากที่นี่ไปให้พ้นจากมนุษย์ต่างดาวงี่เง่าพวกนี้แม้ตายก็ยอม
“ นี่คุณจะอยู่เฉยๆไม่เป็นเลยหรือไงคมกริช ” ผมไม่ค่อยสบายใจ
กับท่าทางลุกลี้ลุกลนของเขาในขณะที่พวกเราหลบอยู่หลังพุ่มไม้
ใกล้ประตูทางออก
“ อย่ากังวลไปเลยน่าด็อกเตอร์มันไม่มีอะไรหรอก” คมกริชตอบ
อย่างไม่ยี่ระ
“นั้นไงมันหลับไปแล้ว”
    ผมหันไปดูตามที่คมกริชบอกมันหลับไปแล้วจริงๆผม
ไม่ปล่อยโอกาสทองที่หาได้ยากแบบนี้ให้หลุดมือไปอย่างนอน
เร็วเท่าความคิดผมคว้ามือคมกริชวิ่งตรงไปที่ทางออกอย่าง
รวดเร็วอิสรภาพอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆแต่มันกลับดับวูบลงไป
ในทันทีเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาและปลุกคนเฝ้าประตูของ
พวกมันให้ตื่นขึ้น
“ เฮ้! เพื่อนนั้นจะไปไหนกันน่ะไปด้วยคนสิ ” นี่คือเสียงของชาย
วัยกลางคนที่พรากอิสรภาพไปจากผม
    พวกมันจับตัวผมไว้ได้และนำผมมาขังไว้ในห้อง ความกลัว
เกาะกุมหัวใจของผมอย่างรวดเร็วพวกมันคงรู้แล้วว่าผมไม่เหมือน
คนอื่นๆและอาจจะเป็นภัยกับพวกมัน ชะตากรรมของผมจะเป็น
ยังไงต่อไปก็ยังไม่รู้เลยผมไม่เห็นคมกริช เขาไม่ได้ถูกขังอยู่
ด้วยกันกับผมไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมไม่น่าพาเขามา
ยุ่งเกี่ยวด้วยเลยผมรู้สึกเสียใจ
    แล้วผมก็ต้องประหลาดใจเมื่ออีกสามวันต่อมาพวกมัน
ปล่อยตัวผม ผมคิดหาเหตุผลจนหัวแทบจะระเบิดแต่ก็คิด
ไม่ออกทำไมพวกมันจึงปล่อยผม หรือพวกมันคิดว่าถึงอย่างไร
ผมก็ไม่มีปัญญาหนีไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน มันจะดูถูกกันเกิน
ไปแล้วพวกมันไม่รู้เหรอว่าผมเป็นใครคุณก็รู้นี่ว่าผมเป็นใครผม
ดร.ณรงค์ การตามหาอิสรภาพของผมเริ่มต้นอีกครั้งคราวนี้ผม
จะทำเพียงลำพัง ผมไม่อยากทำให้เพื่อนเพียงคนเดียวของผม
เดือดร้อนอีกแน่ๆแต่ผมสัญญาว่าถ้าออกไปได้เมื่อไหร่ผมจะ
พาคนมาช่วยมนุษย์โลกทุกคนที่นี่ทันที แผนการครั้งนี้ผมคง
ต้องละเอียดรอบคอบให้มากขึ้นกว่าเดิม
    เมื่อดวงอาทิตย์จำลองของพวกมันที่ใช้บอกเวลา
เช้า กลางวัน เย็นใกล้ลับขอบฟ้าพวกมันจะรวมตัวกันออกมา
ต้อนมนุษย์ทุกคนกลับเข้าที่พักทุกวัน ผมลองสังเกตพฤติกรรม
ของพวกมันอยู่หลายวันจนแน่ใจ ช่วงเวลานี้แหละที่การป้อง
กันของพวกมันหละหลวมที่สุด ผมรอค่อยเวลาอย่างใจจด
ใจจ่อจนในที่สุดผมก็สามารถหลบสายตาของพวกมันเข้าไป
ในเขตหวงห้ามที่มีป้ายเตือนเอาไว้ ไม่เคยมีมนุษย์คน
ไหนเคยเข้ามาที่นี่ได้มาก่อนผมคิดว่าผมเป็นมนุษย์คนแรก
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องที่อยู่ใกล้สุดภายในห้องมืดมาก
และเต็มไปด้วยสิ่งของวางระเกะระกะ
    ผมอยู่ในห้องนี่มาสองวันแล้วตอนแรกผมคิดว่าที่นี่เป็น
ห้องเก็บยานอวกาศที่ใช้หนีภัยของพวกมัน ผมคงคิดผิด
ผมเหนื่อย ผมหิวและผมกระหายน้ำมาก ในเช้าของวันที่
สามสติของผมใกล้จะหมดเต็มทีผมคงต้องตายที่นี่แน่ๆ
ผมคิดอย่างนั้น แต่ทันใดนั้นเองประตูห้องก็เปิดออกแสง
จากข้างนอกส่องเข้ามามันเจิดจ้าเสียจนผมต้องยกมือขึ้น
มากันไว้ พวกมันพบผมแล้ว
“ ใครก็ได้ช่วยไปบอกคุณหมอทีว่าเราพบคนไข้ที่หายตัว
ไปเมื่อสองวันก่อนแล้วที่แท้มาหลบอยู่ในห้องเก็บของหลัง
โรงพยาบาลนี่เอง ” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น
“ นี่ใช่คนไข้ที่ชอบหนีบ่อยๆหรือป่าวคะให้ตายสิชอบทำให้
วุ่นวายกันอยู่เรื่อย ”
“ใช่ครับคนนี่แหละผมจำได้คืนแรกที่มาที่นี่ก็ไปแอบอยู่ใน
สวนหย่อมหน้าโรงพยาบาลแถมยังรื้อหญ้าญี่ปุ่นที่พึ่งเอามา
ลงใหม่ซะเละเลย ”
   พวกมันพูดอะไรกันก็ไม่รู้ผมไม่เข้าใจสติผมเหลือน้อย
เต็มทีระหว่างที่พวกมันกำลังลากตัวผมไปตามทางเดิน
ผมคิดว่าผมคงไม่รอดแล้วแน่ๆพวกมันคงไม่เอาผมไว้อีก
และในตอนนั้นเองผมเหลือบไปเห็นคมกริชผมรวบรวม
กำลังเท่าที่ยังพอเหลืออยู่ตะโกนขอความช่วยเหลืออย่า
งสุดกำลัง แต่เขาหาได้สนใจไม่อาจจะไม่ได้ยินหรือ
แกล้งทำเป็นไม่เห็นกันแน่ เขาสวมหมวกกันน็อคใบเขื่อง
เอาไว้บนหัวทำท่าทำทางเหมือนกำลังเดินอยู่ในอวกาศ
ก่อนที่สติของผมจะเลือนหายไปผมตะโกนอย่างสุดเสียง
อีกครั้ง
“ไอ้...ไอ้บ้า ”

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 19:43:47

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 19:39:37

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 19:37:02

จากคุณ : Davily1
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 53 15:25:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com