ความคิดเห็นที่ 1 แวะมาอ่านค่ะ ........ยิ้มหวาน........ ในวิถีทางเดินที่เพลินอยู่ เราต่างรู้มุ่งมั่นเพื่อฟันฝ่า อุปสรรคท่วมท้นล้นกายา สู้อุตส่าห์บากบั่นนั้นเพื่อใคร ......แหะๆ.. จากคุณ : อาลีอา เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:20:21

ความคิดเห็นที่ 2 อ้านแล้ว...เหมือนจะระลึกชาติได้ จากคุณ : นักแต้ม เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 11:45:18

ความคิดเห็นที่ 3 เจียมตนจึงหมอบก้ม..........................สดับกรรม พออยู่กินเพียงคำ..............................แค่นั้น ยินยอมถูกกระทำ..............................ทนอยู่ เพียงตระหนักมิอาจรั้น........................เพราะพื้นเพียงใต้ถุน คุณคนขุนครอบไว้..............................สยบเวร สยบจิตจนโอนเอน..............................อ่อนล้า แลตน ต่างเพียงเดน............................ศักดิ-นานอ มิอาจอวดเผยอกล้า.............................พลิกฟื้นฝ่าผยอง ขอครองตนต่ำต้อย..............................ตลอดกาล เทียมเท่ามิเทียมทาน............................เทียบขั้น พึงสงบอยู่ยาวนาน...............................สนองกลุ่ม ฟังเชื่อชนกลางชั้น..............................เชิดซ้องศักดิ์สยาม .......................................................................................... ขอประทานอภัยใช่หาญหัก ข้าน้อยนักจักอยู่มิสู้เถียง ขอสยบซบกายใฝ่พอเพียง พึงหล่อเลี้ยงเพียงกายให้ยั่งยืน///////  ด้วยจิตคารวะ ท่าน จขกท ขอรับ จากคุณ : เสกคาถา เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:07:53

ความคิดเห็นที่ 4 ๏..หมดวาระ   ๚ะ๛-      ๏  คิด พูด ทำ คือกรรม นำ กาย  ปาก สิ่งสะท้อน คือวิบาก  แม้นอยากขว้าง เสมือนงู พันคอ  ขู่ฟ่อกลาง เขวี้ยงทิ้งขว้าง  วกเก่า เข้ากมล ๚      ๏   ทั้งชีวิต  พินิจไป ดั่งใบ้บ้า ทุรน ทุราย  แสวงหา  อย่างสับสน พล่านหนี ทุกข์วิบาก  สิ่งฝากตน ทุกชาติวน  น้อมนำ  กรรมเหลือเกิน ๚      ๏  เพียงชาตินี้ ชาติเดียว ช่างเลี้ยวลด อกุศล  กรรมบท  งดสรรเสริญ กุศลกรรม   เคยทำ  ห่างดำเนิน จึงเผชิญ  บาปวิบาก แสนตรากตรำ ๚      ๏  เปรียบว่า ชั่ว   ก็เกลือกกลั้ว เข้าเกลือกกลิ้ง แต่เรื่องดี  มากจริง  กลับทิ้งคว่ำ จึงอย่าบ่น  ชาติไฉน ไยระกำ วิญญานกอด  กรรมดำ   กรรม กาย วจี ๚      ๏   เรื่องทางพระ   อยู่ข้างหน้า  ตาแลเห็น แหวกประเด็น  ทิ้งห่าง  อ้างหลีกหนี ยังเป็นหนุ่ม  สาวว่า    เวลามี จะคิดดี  หับเวร  เป็นอีกนาน ๚      ๏  แต่กระนั้น เวลา ก็มาถึง ขบลึกซึ้ง  กำราบ บุญ-บาป ผ่าน จะยึดดี  หรือ ยึดดำ  ซึ่งชำนาญ คือสามแพร่ง  หยุดวิจารณ์  วิจัยตัว ๚      ๏  กี่ชาตินั้น  ขอดคั้น  ข้นเข้มนัก บาปนำชัก  เชี่ยวชาญ แต่งานชั่ว อันงานดี  หยุดตน  พ้นเมามัว ถือสันโดษ  หยุดพันพัว  เพ่งเพียรธรรม ๚ะ                                                                  tiki_ทิกิ      ๏  ขออนุญาต ต่อกลอน แค่ตอนนี้ วิบากดี  ธรรมวิสุทธิ์ หยุดถลำ สร้างสติ  ผลิแต่ดี หยุดสีดำ ถือธงนำ  ธรรมดำเนิน  เดิน ละ-วาง .๚ะ๛                                    tiki_ทิกิ จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:53:51

ความคิดเห็นที่ 5 วิธีใช้ | การให้คะแนนไม่สำเร็จ เนื่องจากคะแนน Give ของคุณเหลือน้อยกว่าคะแนนที่คุณทำการให้คะแนน    ขอขอบคุณ ทุกท่าน หันมาเห็น ช่างลำเค็ญ  กิฟท์ ยังหมด  ถึงหดหัว ฝากถ้อยคำ ขอบคุณ เพื่อแทนตัว ถึงอยู่ห่าง  ก็พันพัว  มาตอบคำ          เขาส่งข่าวทางไกลให้ไปหา   เพื่อดูใจ ลูกค้า ก่อนชีพคว่ำ จึงจะต้อง จัดกระเป๋า  ไปด้วยธรรม เพื่อส่งนำ  ขอบคุณ บุญใกล้ตาย  ... ขอโทษทุกท่านที่มาอ่าน เพราะคงจะหยุดตอบไปอีกระยะอีกแล้วนะคะ จักต้องเดินทางไปช่วงบ่ายไปดู ลูกค้า ซึ่งกำลังจะลาโลก ลูกหลานเขาแสนโศก ส่งข่าวมาตอนสายให้ไปเรียงราย อำลาท่านจะลาไกล จึงส่งใจให้ทุกคน ขอให้พ้นวิบากไม่ดี กันทุกคนนะคะ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 13:12:27 จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:58:45

ความคิดเห็นที่ 6 บุญบาปอาจทราบได้.......แต่ตน เจตน์เนื่องจำนงค์ผล.......แผ่กล้า ยึดคติสติดล............ทางถูก มุ่งมั่นมิอายฟ้า...........สะทกอ้าอายดิน จินต์นำกรรมเนื่องต้อง......ตริกรรม ทุกท่วงทีมีธรรม..........ถูกแล้ว สุขใจสุขกายนำ..........แนบอก...นาพ่อ บุญส่งตนจึงแคล้ว.........บาปถ้วนทั้งผอง จากคุณ : xiao zheng fei dao เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:43:45

ความคิดเห็นที่ 7 ... ... . . จากคุณ : ploythana เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:56:52

ความคิดเห็นที่ 8 ๏  ชีเปลือยห่มฟ้านุ่ง-............ลมหมาย วิตกวิจารณ์หาย...................เกลศกลุ้ม พอใจใช่มากมาย.................เมินส่วน....เกินแฮ เพียงหนึ่งจิตบ่คลุ้ม-.............คลั่งฟุ้งเกินตน ๚ะ๛ จากคุณ : ศาลายา เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:49:37

ความคิดเห็นที่ 9 อยากมีบ้านเป็นลอมฟาง อยากอยู่ใต้ขอบฟ้ากว้าง อยากเก็บดอกไม้ในป่า อยากดอมดมกลิ่นไออุ่นดิน ณ ตอนนี้เป็นคนเมืองของแผ่นดิน จากคุณ : ravio เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:58:33

ความคิดเห็นที่ 10 test       โดย: tiki_ทิกิ  วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:18:15:24 น.     อ่า แค่จะเข้ามาบอกว่า ตอนนี้ ไม่ต้องไปไกลแล้ว ดีใจ จะได้มาจับคอมพ์ เจอโดนบล็อค เข้าไปอย่างแรง ดังนี้ คิดว่าโดนกันทุกคน เพราะเข้าได้ที่ละสเต็ป ดังข้างบนนี้แหละค่ แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 53 20:35:57 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 21:43:01 จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 18:44:31

ความคิดเห็นที่ 11 ค.ห.1 หรือ ค.ห.4 มาชี้บอก ไม่ได้ หลอก  ไม่ได้ ลวง คิดห่วงเพื่อน แค่ค้นหา กลอนเก่า ต่างเหย้าเรือน " ดนตรี" "ธรรม" จึงคิดเตือน สติตน            มิใช่หมายถึงชายคนใดดอก และขอบอกมิใช่เรื่องการเมือง..ฉงน แต่เป็นเรื่องของตัวเอง อื่นมิปน มิใช่บ่นแต่เพ่งพิศพินิจธรรม             อีกประการหนึ่งนั้น คอมพ์ฉันเดี้ยง หาข้อมูลเปลี่ยนเกลี้ยง เกินคิดขำ จากภาษาไทย คลิกเข้าเห็น เป็นระกำ ไทยเป็นเทศ เลศนำ ช้ำเหลือดี           จึงจะส่งมาให้ดูให้รู้แจ้ง เพื่อแถลงป้องกันป่นคนอึงมี่ ฉันเพียงแค่ "เคาะหน้าจอจ้อกวี" ถ้อยที่มี หายไป ไม่หวนคืน            รับรองได้ ว่าถ้อยธรรม นำในจิต เพราะชีวิตหลายปีนี้ต้องฝืน เกรงจะลี้หายล่มล้มทั้งยืน มิอาจฟื้น ข้อมูล สูญหมดพวง จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 18:57:19

ความคิดเห็นที่ 12 คราวนี้เขียนเป็นภาษาธรรมดาละ กลอนที่เขียนนี่เมื่อคืนเข้ามาดึก ๆ ความสะเทือนใจบังเกิดเมื่อหวนคิดถึงคำลูกชายผู้มา เยือนแม่ เสาร์-อาทิตย์          เขาถามแม่ว่า " แม่จะอยู่ไปวัน ๆ อย่างนี้ในชีวิต  ไม่คิดจะไปนิพพาน หรือ ? "         แม่กำลัง เคาะหน้าจอ หาข้อมูลเรื่องดนตรีไทย และ ข้อมูลครูดนตรีไทยอยู่ ก็หัวเราะตอบทันทีว่า         "แม่คงไม่เผยอ ไปนิพพานดอกจ้ะลูก "        " งั้นแม่ก็จะคิดเกิดไปเรื่อย ๆ  อย่างนี้ละซีหรือ ? "       " เอ่อ  แม่คงไม่มีบุญมากพอที่จะไม่เกิดอีก ได้ดอก ..."  ฯลฯ ฯลฯ          ตอนค่ำ เขาหอบเสื้อผ้า ที่แม่ซักเครื่องซักผ้าและตากไว้ชั้นบนให้จนแห้งหมดแล้ว ก็ ออกไปจากบ้าน  tiki_ทิกิ  ก็ เข้าไปกดจอคอมพ์เครื่องในห้องเขา ที่นี่มีคอมพ์หลาย เครื่องในหลายห้อง              แต่มันเครื่องที่ tiki_ทิกิ  มักไปนั่งตอนดึก เพราะยุงไม่กัด เหมือนห้องข้างนอก และ ไม่เสียงดังเพราะมีทีวี และ อื่น ๆ รบกวนสมาธิ             แต่พอดึก ๆ ก็จะมาหาข้อมูล ครูดนตรี ห้องนี้อีกหน  กดเข้าไป ห้องดนตรีใน เว็บพันทิป  แล้วเลยแวะมาเยือน บ้านกลอน ดูคำตอบในกระทู้เก่า         ขณะนั้น บ้านชั้นบนนี้ สงบเงียบ และ ไม่ร้อนเหมือนเตาอบ 38-41 องศาดีกรีเซลเซียสเหมือนเพลากลางวัน        tiki_ทิกิ  นั่งไป แกว่งสะบัดผ้าไล่ยุงไป โคตรชุมจริงๆ  ก็เลย มานั่งเคาะหน้าจอ ออกเป็นโคลง และ กลอนอย่างที่ท่านเห็น ไม่มีนอก ไม่มีใน ไม่มีนัยยะการเมืองอะไรทั้งสิ้น เป็นธรรมะ ในใจ รำพึงถึงชีวิตที่ผ่านมา ว่า รับวิบาก คือผลของกรรม คือผลของการ กระทำในวันก่อน ๆ ของตน  และเลย หวนคิด ถึงเจ้าของเรือนไม้ ผู้จากไปสองปีที่ผ่านไป เหลือแต่ลูกชายท่าน และ สะไภ้ท่าน ครอบครองห้องบน สี่ห้องนี้  หลานย่าท่านก็ไป หาที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเขา           ลูกสาวย่าเขาก็ นอนข้างล่างบ้าง ไปนอนค้างโรงเรียนอนุบาลที่เขาเป็น นอมินี ดูแลแทนเจ้าของโรงเรียน ญาติกันนั้นอยู่         กลางคืน อากาศเย็น เป็นสุข เหมือนกึ่งสวรรค์กลาย ๆ หากไร้ยุง       แต่กลางวันนั้น  "นกไร้ ไม้โหด" ร้อนแทบคลั่งกันทีเดียว จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:23:57

ความคิดเห็นที่ 13 จึงแถลงสัจธรรมว่า           "เคยคิดดูแคลนเรือนคุณย่านี้ว่า ฉันเป็นพวกอยู่ตึก บ้านแม่ฉัน ก็ตึก บ้านพี่ชายฉัน ก็ตึก บ้านน้องชายฉันก็ตึก  ตัวฉ้นก็เคยอยู่ยอดตึก ยอดคอนโด ชั้นสูงที่สุดของตึก มาแล้ว เช่นกัน ไม่มีวันจะต้องอยู่เรือนไม้ร้อน ๆ เก่าๆ นั่นดอก ..."        " แต่ตก สี่ปีเข้าปีที่ห้านี่แล้ว  ....48-53 นี่ก็นับห้าปีพอดี  อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง มาได้ อย่างไร   ทนความทุกข์ ความร้อน นี้ได้อย่างไร ? " " เวลาเป็นสุขและสงบอย่างยิ่ง คือได้ประตูหลังบ้าน ด้านบน สู่หลังคาด้านหลัง ซึ่งมี มะม่วงรายล้อมหลังบ้าน ดูสารพัดนก บินโฉบไปมา และ เวลาโยนข้าวที่เหลือในหม้อ ไปบนหลังคาเพื่อให้นกกิน   ลมเย็น ๆ ที่พัดอยู่ด้านทิศตะวันตกต่อทิศใต้นั้น ทำให้เป็นสุข สงบ ไม่มียุ่งกับใครทั้งสิ้น  เป็นความรู้สึก สำนึก ในวาระ  สันโดษ พอเพียง อย่างแท้จริง" ว่า  " มีอะไร ก็ใช้ อย่างนั้น "  พอเพียง จึงเพียงพอ  พอดี จึง ดีพอ จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:39:59

ความคิดเห็นที่ 14 หากเป็นสมัยก่อน เก่า จะ ดิ้นรนกระเสือกกระสน จะต้องทุบห้องทิ้งให้หมด ก่ออิฐขึ้นมาให้ได้  เปลี่ยนทั้งหมด ให้หมด        แต่เพราะความจำเป็นบังคับ  ให้ปลดตัวเอง จาก "เจ้าบ้าน" ณ คอนโด มากลายเป็น "ผู้อาศัย" ในทะเบียน   ไม่ถือสิทธิ์ ทำอะไร ทำตัวเป็นผู้อาศัย พี่และคุณที่บ้าน เสียแทน   ความดิ้นรน ดิ้นพล่านที่เคยแบกไว้ทั้งชีวิต จึงปลดลง                   ความรู้สึก เพียงพอ และ สงบนั้น จึงเกิดขึ้น                   คุณที่บ้าน ก็ สั่งสอนอบรมด้วยการกระทำ ประหยัด มัธยัสถ์ ให้เห็นมา ตลอดสี่ห้าปีนี้ ฝึกให้เรา กินพออยู่พอกิน  ทุกมื้อ                 หน้านี้มีมะม่วงมัน มะม่วงหนองแซง  ข้างบ้านด้านทิศเหนือ ก็มีมะม่วง แม่ลูกดก  ได้กินไม่ต้องซื้อหา เต็มที่               หน้ากลางปี ก็มีชมพู่สีแดงสด ไว้กินไม่ขาด จนต้องเอามาทำ ชมพู่แช่อิ่มไว้กิน กับน้ำแข็ง            หน้าบ้านก็มี ชมพุ่เขียวไว้กินอีก             ข้างบ้าน ก็มี สาเกต้นใหญ่ จะไว้ ทำ แกงบวด หรือ สาเกเชื่อมก็ได้เสมอ         กล้วยสารพัด พันธุ์ ซึ่งคุณ แกขยันปลูก  ทั้ง น้ำว้า ทั้ง กล้วยหอม ทั้งกล้วยไข่ แถมด้วยกล้วยหินปักษ์ใต้อีกต่างหาก                อย่างนี้ จะไม่พอเพียง ได้อย่างไร ? จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:47:48

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนจะไปไหนต่อ ต้องขอขอบคุณ เว็บ ไทยโพม ที่เก็บกลอนเก่าไว้ให้นับพันเรื่อง และ เว็บพันทิป ที่เอื้ออารี นักกวีวัยปลาย อย่างเรา       ตัวอย่าง ข้อมูลในเครื่องของเรา ที่ไม่สามารถกู้คืนในวันนี้ซะแล้ว http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem91605.html   ÄåºÒ§ÊÔè& sect;¢Ò´ËÒÂä». tiki ...ºÒ§ÍÂèÒ§& cent;Ò´ËÒ ¤ÇÒÁËÁÒ ¤¹·ÕèäÁè& agrave;¤ÂàËç¹Ë¹ éÒnickmansl@hotmail.com   àÇçºä«·ì http://www.pantown.com/group.php?id=11020 ¤ÇÒÁ¤Ô´àËç¹·Õè 1 : ËÁÒÂàÅ¢ 600123   ÄåºÒ§ÊÔè§& cent;Ò´ËÒÂä»..       tiki 31 ¡.¤. 49 - 21:24 IP 221.128.111.241   เป็นอย่างนี้ ซะ ตลอด ไฟล์ ปี 2003-2009 น่ะ เศร้า จริง ๆ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 21:39:12 จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:53:34

ความคิดเห็นที่ 16 ชะพลูม้วนหมู tiki     รอบบ้านสวนนั้นมีพลูแบบกินหมาก ขึ้นอยู่มากเขียวขี้ม้าด้านข้างที่ เหล่าคนแก่แต่ก่อนป้ายปูนแดงดี เคี้ยวหมากสีแดงแช้ดแปร๊ดถึงใจ     เมื่อเห็น ใบชะพลูอย่าดูเฉย เด็ดมาเลย เต็มกำมือพอถือได้ ล้างน้ำคว่ำด้านหลังวางเขียงไป สับหมูไว้หมักน้ำปลาลงมาวาง      แล้วม้วนจากข้างใบไปจรดปลาย ให้สีเข้มมันประกายวางเรียงข้าง จัดในจานครอบบ่มต้มน้ำพลาง สิบห้านาทีนึ่งร้อนกลาง จัดซ้อสเคียง       ยกมาเสิร์ฟตอนร้อนเตรียมช้อนส้อม มีดวางพร้อมบนจานแบนใช้แทนเขียง จัดผักสด พร้อมพลูสดวางรายเรียง อร่อยเยี่ยงกินเหลา...เราทำเอง    ทิกิ_tiki สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เก็บใบชะพลูมาไว้ทำอาหาร ใบนี้ รับประทานสดทำให้จมูกโล่งหายใจสะดวกด้วยค่ะ ลองทำดูนะคะ หมู อาจสับ หอมแดง  รากผักชี ต้นหอม ลงไปด้วยก็ได้ ผสมปรุงรส เค็ม หวาน ตามชอบ แล้ววางเฉียงใบ ม้วนเข้านึ่งหม้อนึ่ง สิบนาที หรืออบ (ทำง่ายจัง ใช้ไมโครเวฟอบปิดฝาหมูใบชะพลูนี้ 4 นาที กินร้อนอร่อยมากค่ะ ) ฝากสูตรไว้ให้เพื่อนพี่น้องไทยโพมทำอะไรปิดเทอม คราวหน้าจะมาอีกสูตร สงวนลิขสิทธิ์นะคะท่าน Copyright  All rights reserved.   ชะพลูม้วนหมู   หมายเลขกลอน 73591 IP 203.151.217.160  ความยาว 1092 ตัวอักษร แต่งเมื่อ 29 มี.ค. 48 - 16:06 จำนวนคนชม ผู้ชม 163 - ผู้ตอบ 20 เขียนโดย  ทิกิ_tiki ผู้นำกลอนมาลง tiki แหล่งที่มา ทำเอง เขียนเองเจ้าค่ะ ข้อมูลในเครื่องเราเอง ก็เป็นแบบตัวอย่าง คห 15 ข้างบนนั่นแหละ จึงต้องไปควัก เอามาจาก เว็บไทยโพม ดอทคอม ขอบคุณ ปีกฟ้า  ที่ให้ความเอื้อเฟื้อ แก่เรามาตลอดละนะ 73591 29 มี.ค. 48 - 16:06 ชะพลูม้วนหมู  1092 162 20 http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem73591.html จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:36:12

ความคิดเห็นที่ 17 tiki กล้วยจ๋า     เรื่องกล้วยกล้วย          อยู่คนเดียว  ทำอาหาร..เวลามี หยิบน้ำตาลสตรอเบอรีสีสวยใส มาผสมน้ำเปล่าเข้าเตาไฟ เดือดแล้วใส่กล้วยน้ำว้าผ่าหกตอน      กวนจนน้ำตาลสีชมพูพรูเข้าเนื้อ กล้วยเชื่อมสวยเหลือเชื่อนำมาสอน กินไม่ทันอย่าทิ้ง...เชื่อมนะอร เก็บตู้เย็นเถิดงามงอนขนมไทย       กล้วยมีมากหากเหลือเชื่อฉันเถิด กวนก็ได้อร่อยเลิศเกินขานไข ยีให้น่วมลงกระทะกวนเรื่อยไป น้ำตาลทรายหกช้อนใส่เป็นกล้วยกวน     อยู่คนเดียวเวลาเหลือไม่เบื่อเลย ดีกว่านั่งเฉยเฉยละห้อยหวน กล้วยน้ำว้าสดกินดีที่ทบทวน เหลือแล้วควรกวนเชื่อมหวานกินนานเทอญ ทิกิ_tiki วันนี้ ทำกล้วยหอมกวนเข้าโหลไว้ แล้วตามด้วย กล้วยน้ำว้าเชื่อมน้ำตาล น้ำตาลมีเป็นโหลสมัยทำ ใส่สีผงสตรอเบอรี เลยมาเชื่อมกล้วยเป็นสีชมพูดูคล้ายกล้วยหักมุกเชื่อม แต่เป็นสีชมพูอมส้มสวยกว่ากล้วยหักมุกเชื่อมนะคะ ลองทำ กันเถิด สูตรอื่นก็มีแล้วจะบอกต่อคราวหน้าค่ะ สวัสดีเพื่อน....ทุกคน ...คิดถึงทุกท่านค่ะ ทิกิ_tiki เขียนหน้าจอเมื่อเวลา ๑๓:๕๐ บ่ายพระจันทร์ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร..เย็นลมค่ะ      _tiki   กล้วยจ๋า   หมายเลขกลอน 73113   ความยาว 1060 ตัวอักษร แต่งเมื่อ 21 มี.ค. 48 - 14:22 จำนวนคนชม ผู้ชม 943 - ผู้ตอบ 27 เขียนโดย  ทิกิ_tiki ผู้นำกลอนมาลง tiki สูตรง่ายๆค่ะ น้ำหนึ่งส่วน น้ำตาล สองส่วน ผสมกันตั้งไฟพอเดือด   ใส่กล้วยน้ำว้า ผ่าครึ่งซีก แล้วหั่นเป็นสามส่วน อีกทีจะได้ 6 ชิ้นต่อ 1 ลุก นำลงวางในน้ำตาล คอยพลิกไปมาจนกว่าน้ำตาลจะข้นเหนียว      น้ำตาลใส่สีทำหน้าเค้ก สีสตรอเบอรี่ จะออก สีชมพูแปลกตาค่ะ ปิดเทอม คุณแม่ คุณน้า พี่ๆ ทำให้เด็กๆลองชิม ทานนะคะ  ถ้า มีกระทิก็ราดกระทินิดหน่อย เค็มปะแล่มน่ากินค่ะ    สองอาทิตย์นี้ ทำกล้วย เชื่อม กล้วยกวน และ กล้วยบวชชี ไปสามอย่างแล้วค่ะ อิอิ กล้วยจ๋าไหมคะ ? tiki 21 มี.ค. 48 - 14:27 http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem73113.html จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:53:07

ความคิดเห็นที่ 18 บ้านร่มรื่นดีจังค่ะ ได้ข่าวเหมือนกันว่าตอนนี้เมืองไทยร้อนมาก เพิ่งต้นเดือนมีนาเองนะคะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 00:33:30

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : xiao zheng fei dao  Thank you 1st na ka คุณ : ploythana                 Thank you as well ka.       ๏  ชีเปลือยห่มฟ้านุ่ง-............ลมหมาย วิตกวิจารณ์หาย...................เกลศกลุ้ม พอใจใช่มากมาย.................เมินส่วน....เกินแฮ เพียงหนึ่งจิตบ่คลุ้ม-.............คลั่งฟุ้งเกินตน ๚ะ๛ คุณ : ศาลายา     A very nice poem ka คุณ : ravio   Hope you get what you'd like ka     คุณ : กุลธิดา (kdunagin)  I'm going to  Cient's ceremony na ka will come back tomorrow. จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:11:51

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นถ้อยความนัยที่งดงามค่ะ ดีใจที่ได้อ่านนะคะ จากคุณ : ร้อยคำ คณาความ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:10:08

ความคิดเห็นที่ 21 เจียมใจเจียมว่าซ้ำ    เตือนตน เพียงหนึ่งชีวิตคน         ยิ่งแล้ว กำเนิดเพื่อเสกผล        เพียงผ่าน เดินย่างเพียงทางแก้ว   สู่สิ้น ณ ธรรม์ ไอซ์ไม่ถนัดโคลง แต่อยากเขียน แหะ ๆ จากคุณ : ดอกไม้ป่า (Argent) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:49:35

ความคิดเห็นที่ 22 การให้คะแนนไม่สำเร็จ เนื่องจากคะแนน Give ของคุณเหลือน้อยกว่าคะแนนที่คุณทำการให้คะแนน จากคุณ : tiki_ทิกิ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 02:24:58