Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ถึงจะเป็นเพียงฝัน....ฉันก็พอใจ  

“แบร้ แน่จริงก็จับให้ได้สิ ”
ฉันหันไปแลบลิ้นหลอกเชอรี่ ขณะกำลังวิ่งขึ้นไปยังเนินเขาเบื้องหน้า พลางได้ยินเสียงตะโกนของเธอคล้อยหลังมา
“อย่าวิ่งเร็วนักสิ ยัยจิน ฉันเหนื่อยแล้วนะ ”

“ ก็ตานี้เธอเป็น เธอก็ต้องแปะฉันให้ได้สิเชอรี่ อย่ามาขี้ตู่ ” ฉันตะโกนตอบกลับไปโดยไม่หันไปมอง ใจจดจ่ออยู่ที่ต้นไม้ใหญ่บนยอดเขาเบื้องหน้าที่กำหนดให้เป็นเส้นชัย

ไม่กี่นาทีต่อมาฉันก็วิ่งมาถึงยอดเขา พลางล้มตัวลงนอนแผ่หลาบนพื้นหญ้านุ่มๆเหมือนเตียงนอน
…ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปเป็นร่มเงาบังแดดให้กับพุ่มดอกไม้หลากสีข้างใต้ และฉันซึ่งกำลังนอนหอบแฮ่กๆอยู่ตรงนั้น

“นี่แน่ แปะได้แล้ว” เชอรี่ยื่นมือมาแตะที่ขาฉันเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่ข้างๆฉัน
“บ๊อก บ๊อก บ๊อก ”
….เจ้าแป๊กลูกหมาน้อยพันธุ์โกลเด้นของฉันตามหลังเธอมาติดๆ ขณะนี้มันกำลังวิ่งวนไปมารอบต้นไม้พลางเห่าชวนฉันเล่น

“ ขี้โกงนี่นา ฉันมาถึงเส้นชัยก่อนก็ต้องชนะแล้วสิ ” ฉันตอบพลางหันมองเชอรี่ที่อยู่ข้างๆแล้วยิ้มให้
เชอรี่ไม่ตอบอะไร เธอเอาแต่หอบเบาๆสลับกับหัวเราะคิกคัก ผมสีทองของเธอแผ่สยายออกบนพื้นหญ้า ฉันจึงเอานิ้วมือไปม้วนเล่น
ผมของเชอรี่ช่างเบาและนุ่มน่าสัมผัส ฉันชอบเล่นผมของเชอรี่เสมอๆซึ่งเธอก็ไม่เคยว่าอะไรฉันสักนิด

ฉันมองขึ้นไปข้างบนเห็นสีฟ้าเป็นหย่อมๆของท้องฟ้าลอดมาตามกิ่งก้านสาขาสีเขียวสดของต้นไม้ พอมองออกไปข้างหน้าเห็นเมฆขาวกำลังลอยเกลื่อนอยู่เต็มฟ้า ฉันแอบจินตนาการเล่นๆให้มันเป็นปราสาทเมฆสีขาว
ถ้ามันเป็นจริงๆข้างในนั้นมันก็คงจะนุ่มมากเลยสินะ

เชอรี่หยิบดอกไม้สีฟ้าสดที่ตกอยู่ในดงดอกไม้ข้างๆขึ้นมาทัดหูให้ฉันพลางชมฉันว่าสวยเหมือนเจ้าหญิงเลย ฉันก็เลยชมเธอกลับไปว่าเธอก็สวยเหมือนนางฟ้าเช่นกัน แล้วเราสองคนก็นอนหัวเราะกันอยู่อย่างนั้น
…เจ้าแป๊กวิ่งมาหมอบข้างๆฉัน แล้วแลบลิ้นเลียหน้าฉันแผลบๆ ทำเอาฉันรู้สึก …เอ่อ
…………รู้สึก….??
……………….รู้สึกยังไงนะ

…….ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ
………………………………

ฉันลืมตาขึ้นมา…..บนหัวฉันไม่มีกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ไม่มีสีฟ้าของท้องฟ้า มีแต่เพดานสีขาว กับหลอดไฟยาวๆ
ข้างๆกายฉันยังมีเชอรี่และเจ้าแป๊กนอนอยู่เคียงข้าง
….แต่เป็นเชอรี่ที่พูดไม่ได้ ..วิ่งเล่นไม่ได้
…….เจ้าแป๊กนั้นก็เห่าบ๊อกๆไม่ได้ เลียแก้มฉันก็ไม่ได้

ทั้งสอง…เป็นเพียงแค่ตุ๊กตาธรรมดาๆเท่านั้น

ฉันพยายามหันไปข้างๆอย่างยากลำบาก พลางแอบภาวนาในใจให้มันเป็นดอกไม้หลากสีทีเถอะ
แต่แล้วก็เหมือนกับทุกๆครั้ง …..ที่มันเป็นถุงน้ำเกลือ

…ถัดจากถุงน้ำเกลือไปที่ผนังฝั่งนั้น…… คือภาพต้นไม้ใหญ่บนยอดเขาที่มีดอกไม้หลากสีอยู่ข้างใต้
……………….

กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วนะที่ฉันต้องตื่นมาเจอกับภาพเหล่านี้

…….ฉันไม่รู้ว่าเมื่อกี๊นี้เป็น ‘ฝันดี’….หรือนี่เป็น ‘ฝันร้าย’ กันแน่

…แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะให้นี่เป็นเพียงแค่ ‘ฝันร้าย’มากกว่า

ฉันหลับตาลงไปอีกครั้ง…..
…..ตอนนี้ฉันคงกำลังหลับอยู่บนผืนหญ้านุ่มๆบนยอดเขาสินะ
อีกซักพักฉันก็คงจะได้ยินเสียงของเจ้าแป๊กเห่าบ๊อกๆชวนฉันเล่น แล้วพอฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ปราสาทเมฆก็จะลอยอยู่เบื้องหน้าฉัน
แล้วฉันก็จะวาดภาพปราสาทเมฆในจินตนาการต่อให้เสร็จ ใช่แล้วฉันยังไม่ได้ใส่ประตูหน้าต่างเลยนี่นา แล้วจะเข้าไปเล่นได้ไงกันนะ
…….........
……….…………….
……………ฉันนอนหลับตาอยู่ตรงนั้นซักพักใหญ่ น้ำตาฉันก็ไหลซึมมาจากตาที่ปิดอยู่ทั้งสอง

ฉันไม่รู้สึกถึงผืนหญ้านุ่มๆเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง
…..ฉันไม่ได้ยินเสียงเห่าของเจ้าแป๊กด้วย แล้วฉันก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่าเวลาเจ้าแป๊กเลียแก้ม ฉันจะรู้สึกยังไง

แต่ฉันกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงอาการปวดหัวเป็นระยะๆ มือทั้งสองข้างที่ชาเหมือนไร้ความรู้สึก และคอที่แห้งผาก

ในที่สุดฉันก็ลืมตาขึ้นมายอมรับความเป็นจริง

“ แม่จ๋า หนูหิวน้ำ ” ฉันพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

แม่ของฉันซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ปลายเตียง รีบลุกขึ้นมารินน้ำใส่แก้ว แล้วค่อยๆประคองฉันให้ลุกขึ้นมาดูดพลางเอามือปาดน้ำตาจากแก้มทั้งสองของฉัน

“ …ร้องไห้อีกแล้วลูกแม่ ” แม่พูดปลอบฉันพลางเอามือข้างที่ประคองฉันอยู่ตบบ่าฉันเบาๆ “ ฝันร้ายเหรอจ๊ะลูกจิน ”

….ฉันดูดซวบๆจนหมดอย่างรวดเร็วด้วยความกระหาย จนแม่ต้องรินแก้วที่สองมาให้

“ แม่จ๋า …” ฉันกล่าวขึ้น หลังจากดูดน้ำแก้วที่สองจนหมด “ เวลาหมาเลียแก้ม นี่มันรู้สึกยังไงเหรอจ๊ะ ”

แม่ยิ้มหวานให้ฉัน …แต่ฉันกลับรู้สึกเสียงของแม่ที่ตอบฉันนั้นสั่นเล็กน้อย

“ อ๋อมันก็จะรู้สึกสากๆ แฉะๆ แล้วก็จั๊กจี้นิดหน่อยจ้ะลูกแม่ ” แม่กล่าวพลางลูบหัวซึ่งพันแน่นไปด้วยผ้าพันแผลของฉัน

แม่เคยบอกว่าเมื่อก่อนตอนสองสามขวบฉันเคยมีผมยาวสีน้ำตาลอ่อนและสวยมาก แต่หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆร่วงจนแทบไม่มีเหลือ

ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันไปๆกลับๆระหว่างโรงพยาบาลกับบ้านแทบทุกเดือน ฉันได้เรียนหนังสือเพียงแค่ชั้นป.1 เท่านั้น พอขึ้นป.2 พ่อก็จ้างครูให้มาสอนที่บ้าน ฉันแทบไม่เคยได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันเลยซักครั้ง ครั้งหนึ่งฉันเคยแอบไปวิ่งไล่จับกับเพื่อนข้างบ้าน แต่ฉันก็เป็นลมล้มลงไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว …ตอนนั้น ฉันกลัวพ่อกับแม่จะว่าฉันแทบแย่ แต่ท่านก็ไม่พูดอะไรซักคำได้แต่กอดฉันไว้ในอ้อมอกแล้วร้องไห้ …จนฉันเองรู้สึกผิด และสัญญากับท่านทั้งสองว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกเด็ดขาด

ปีนี้จริงๆแล้วฉันจะต้องขึ้น ป 3แล้ว แต่เนื่องจากฉันตัวซีดขาวลงไปมาก เรี่ยวแรงจะเดินก็แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว ฉันเลยต้องมานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเวลา ภายใต้การดูแลของหมออย่างใกล้ชิด …..ห้องเรียนของฉันจึงต้องถูกย้ายมาอยู่ในโรงพยาบาลไปโดยปริยาย โดยคุณครูก็คือพ่อกับแม่ของฉันนั่นเอง

ท่านทั้งสองจะผลัดกันมาสอนหนังสือให้กับฉันบ่อยๆ ฉันได้เรียนการคูณหารเลข เรียนวาดรูป และวิชาอ่านเขียน ซึ่งเป็นวิชาที่ฉันชอบมากที่สุด บางทีแม่ก็จะเล่านิทานให้ฉันฟังก่อนนอน บางทีก็จะให้ฉันอ่านให้ฟัง …แม่ชอบชมฉันให้พ่อฟังเสมอว่าฉันอ่านหนังสือเก่ง
พ่อก็เลยซื้อหนังสือมากมายมาให้ฉัน จนต้องมีชั้นหนังสือส่วนตัวสำหรับฉันเลยทีเดียว

เตียงนอนของฉันอยู่ใกล้หน้าต่างบานใหญ่ ฉันชอบมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นเสมอๆ ภาพข้างนอกนั้นเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ตอนเย็นๆของทุกวันจะมีเด็กๆมาวิ่งเล่นกัน บ้างก็เล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน เสียงตะโกน เสียงหัวเราะหยอกล้อกันดังลอดผ่านหน้าต่างห้องฉันเข้ามา ปลุกให้ฉันตื่นจากนอนกลางวันแล้วลุกขึ้นมาดูภาพเหล่านั้นทุกวัน ฉันรู้สึกอิจฉาเด็กๆพวกนั้นเหลือเกิน ฉันอยากมีแขนขาที่แข็งแรง มีเรี่ยวแรงวิ่งเล่นอย่างนั้นแบบเด็กคนอื่นๆเขาบ้าง แต่นั่นก็ทำได้แค่เพียงในความฝันสินะ

ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่ที่กำลังเช็ดตัวให้ฉันอยู่พลางเอ่ยปากเรียก

“ แม่จ๋า ” ฉันพูดเบาๆ

“ มีอะไรเหรอจ๊ะลูก ” แม่พูดขึ้นขณะกำลังเอาผ้าชุบน้ำอุ่นถูหลังให้ฉัน

“ หนูก็คงไม่ต่างอะไรไปจากเจ้าแป๊กกับเชอรี่ใช่มั้ยจ๊ะแม่ ” ฉันกล่าวพลางเอานิ้วไปม้วนกับเส้นผมของเชอรี่เล่น

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะลูกจิน” แม่หยุดถูหลัง แล้วหันมามองหน้าฉัน

“ ก็หนูมีแขน มีขา แต่เดินไม่ได้ วิ่งเล่นไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ” ฉันพูดอย่างน้อยใจ ขณะมองออกลอดหน้าต่างไปยังเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ข้างล่าง

“ ..แต่หนูก็ยังเปิดหนังสืออ่านและเขียนหนังสือได้นี่จ๊ะ”

“…. บางทีถ้าหนูเกิดเป็นตุ๊กตาก็คงจะดีกว่านะคะแม่ หนูจะได้ไม่ต้องมีความคิด ความรู้สึก แล้วจะได้ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องปวดแบบนี้ ว่ามั้ยคะแม่ ” ฉันเริ่มงอแงขึ้นมา น้ำตาฉันไหลเป็นทางลงมาอาบสองแก้ม

ถึงตรงนี้แม่ดึงตัวฉันเข้ามากอดไว้แน่น พลางลูบหัวฉันเบาๆ

“จิน…ฟังแม่นะลูก ” เสียงแม่สั่นเครือ ฟังดูเหมือนแม่ก็กำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน ……แม่เงียบไปซักพักใหญ่ก่อนจะพูดต่อว่า

“ชื่อจริงของลูกคือ จินตนาพร แปลว่า พรจากความคิด … ความคิดและจินตนาการจะเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดของลูก ถึงลูกจะมีสุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น วิ่งเล่นไม่ได้เหมือนเพื่อนๆ แต่ลูกก็ยังสามารถคิดฝันตามไปได้นี่นา ในจินตนาการของลูก ลูกจะคิดให้มีเพื่อนกี่คนก็ได้ ลูกจะคิดให้ตัวเองเล่นอะไรอยู่ก็ได้ ”

แม่จับไหล่ทั้งสองของฉัน แล้วมองหน้า พลางหยิบกระดาษทิชชู่จากโต๊ะข้างๆขึ้นมาซับน้ำตาน้ำมูกให้ฉัน

“..มันก็เหมือนกับเวลาที่ลูกอ่านหนังสือนิทานนั่นแหละจ๊ะ ” แม่พูดขึ้นขณะกำลังซับน้ำตาที่แก้มของฉัน
“ ลูกสร้างภาพเหล่านั้นขึ้นมาจากตัวอักษรที่บรรยายอยู่ในหนังสือ ผ่านความคิดของลูก ตัวละครในนิทานเหล่านั้นก็จะมีชีวิตอยู่ในจินตนาการของลูกยังไงล่ะ ”

“ถ้าอย่างนั้น หนูก็วิ่งเล่นกับเชอรี่กับเจ้าแป๊กได้ด้วยงั้นเหรอคะแม่ ” ฉันเงยหน้าขึ้นถามแม่อย่างสงสัย


“ลูกก็ลองหลับตาดูสิจ๊ะ ” ฉันลองหลับตาดู แล้วแม่ก็เล่าขึ้นมาว่า

“ ตอนนี้ลูกกำลังวิ่งเล่นซ่อนหากับเชอรี่ ในสวนสาธารณะข้างล่างนั่น เชอรี่ไปซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ข้างหลังม้านั่ง หนูพยายามมองหาเท่าไหร่ก็มองไม่เห็น แล้วจู่ๆเจ้าแป๊กก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้ เห่าบ๊อกๆใส่เชอรี่อยู่นั่นแหละ เชอรี่พยายามทำปากจุ๊ มันก็ยังไม่หยุดเห่า หนูก็เลยวิ่งมาตามเสียง แล้วเจอเชอรี่จนได้ …. ”

ฉันลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มหวาน “ หนูเห็นจริงๆด้วยจ้ะแม่ ” ฉันเขย่าแขนแม่อย่างตื่นเต้น “เล่าต่อๆ นะจ๊ะแม่”
แม่ยิ้มตอบแล้วลูบหัวฉันหลายที แล้วเล่าต่อไป…


สองวันต่อมา เป็นวันเกิดของฉัน แม่กับพ่อซื้อเค้กช็อคโกแลตรูปหมีมาให้ มีเทียนปักอยู่ 6 ดอก แทนอายุของฉันในปีนี้ พอฉันเป่าเทียนแล้วกินเค้กเสร็จ พ่อกับแม่ก็เอากล่องของขวัญเล็กๆมาให้ฉัน ฉันรีบแกะออกดูด้วยความตื่นเต้น …..มันเป็นไดอารี่สีชมพูลายดอกไม้หลากสี มีสายรุ้งพาดผ่านทางด้านบน ฉันชอบมันมาก รีบเอามากอดเอาไว้และกล่าวขอบคุณพ่อกับแม่ด้วยความดีใจ

“ ลูกเก็บเอาไว้เขียนอะไรเล่นๆเวลาเหงานะจิน” พ่อกล่าวพลางลูบหัวฉันเบาๆ

ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็มีไดอารี่เล่มนั้นเป็นเพื่อนคู่กาย ฉันเขียนบอกเล่าเรื่องราวตามจินตนาการที่ฉันคิดได้ในแต่ละวันลงไปในนั้น ฉันมีเพื่อนใหม่มากมายนอกเหนือจากเชอรี่และเจ้าแป๊ก ฉันเล่นวิ่งไล่จับ เล่นซ่อนหา เล่นฟุตบอล เล่นอะไรต่อมิอะไรมากมายนับไม่ถ้วน
และฉันก็จะรู้สึกสนุกสนานไปกับมันทุกครั้งที่เปิดขึ้นอ่าน
…แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปอย่างอยู่ดี
….
จนกระทั่งวันหนึ่ง …ฉันปวดหัวมาก ไข้ขึ้นสูง แล้วมีตุ่มจ้ำขึ้นตามตัวเต็มไปหมด ฉันถูกย้ายเตียงไปยังอีกห้องหนึ่ง มีหมอและพยาบาลเต็มห้องไปหมด……. แล้วจู่ๆฉันก็สลบไปตอนไหนไม่รู้

ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก..ฉันแอบได้ยินหมอพูดกับพ่อว่า ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่ถึง 2 เดือน
….จริงๆแล้วฉันควรจะตกใจมากสินะ เมื่อได้ยินอย่างนั้น
แต่ฉันกลับเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร อาจจะเป็นเพราะแม่เล่าให้ฉันฟังเสมอว่าคนเราตายไปจะได้ไปขึ้นสวรรค์ ข้างบนนั้นสวยงามมาก มีนางฟ้ามีเทวดาเต็มไปหมด

ตั้งแต่วันนั้นมา อาการของฉันก็ทรุดลงทุกวันๆ ฉันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเสียจนแทบจะยันตัวเองลุกขึ้นมาไม่ไหวด้วยซ้ำ ผมของฉันร่วงจนหมดหัว เนื้อตัวแขนขาฉันซีดขาวและเป็นจ้ำๆเต็มไปหมด พ่อกับแม่ก็มาเยี่ยมฉันพร้อมหน้าทุกวัน ต่างคนต่างผลัดกันมานอนเฝ้าไข้เป็นเพื่อนฉัน แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนั้นเลย …ฉันคิดว่าพวกท่านคงจะไม่กล้าบอก เพราะกลัวฉันเสียใจ

ฉันรู้ตัวเองดีว่า เวลาของฉันเหลืออีกไม่มากนัก ..วันหนึ่งฉันจึงตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ว่า ฉันอยากไปสถานที่ในภาพที่ฝาผนัง

จากคุณ : ซงย้ง
เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 53 18:35:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com