บ้านผีสิง..ตอน 2
|
|
ลุงเบิ้มมองหน้าผม รอคำตอบ..
ก็ได้ครับลุง นอนเล่นที่บ้านป่าสักคืน ขอดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติล้วนๆ หันหน้าไปทางอ้ายเหวง มันยิ้มจนน่าเกลียด
ท่าทางลุงเบิ้มกระฉับกระเฉงทันตาเห็น
ไปๆกินข้าวกลางวันกันก่อน เดี๋ยวจะทำอะไรต่อค่อยว่ากัน เจ้าของบ้านพูดด้วยความดีใจ ท่าทางแกตื่นเต้นเหมือนได้รับข่าวดี พร้อมพาพวกเราไปที่บริเวณบ้านไม้หลังแรกซึ่งสร้างห่างจากลำธารไม่มากนัก ด้านหน้าบ้านหันไปทางลำธาร ตรงริมตลิ่งทำเป็นสะพานเล็กๆยื่นออกไปประมาณ 2 เมตร เพื่อใช้เดินไปตักน้ำใช้หรือนั่งเล่น..สายน้ำในลำธารไหลเอื่อยๆ ช่วงที่ไหลผ่านโขดหินน้ำจะแตกเป็นฟอง เสียงดังซ่าๆ
ลุงเบิ้มชี้มือไปที่แคร่ไม้ที่วางอยู่บริเวณหน้าบ้าน ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านคลุมเป็นพื้นที่กว้าง
เจ้านายนั่งรอที่นี่ก่อน เดี๋ยวผมจะจัดอาหารมากินกันที่แคร่นี้ พร้อมกับเดินหายเข้าไปในบ้าน
ผมวางสัมภาระต่างๆลงบนแคร่ไม้ ในใจคิดว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะเริ่มงานทันที ทำงานให้เสร็จภายในวันนี้ จะได้ไม่ต้องมีกังวลกับงานในวันรุ่งขึ้น เพราะดูท่าแล้วคืนนี้คงได้ฉลองกันเต็มที่แน่ๆ เหล้าป่ากับไก่ป่า และบรรยากาศที่แสนจะสุดยอดแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ
การรังวัดที่ดินในสมัยนั้นคงเทียบไม่ได้กับสมัยนี้ มันเหมือนทำแผนที่สังเขป ช่วงไหนที่ขอบเขตคดโค้งมากๆก็ตัดให้ตรงเพื่อสะดวกแก่การรังวัด ความถูกตรงตรงกับความเป็นจริงคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื้อที่จากการรังวัดไม่ต้องพูดถึงมันคงเพี้ยนพอสมควร แต่คงไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ เพราะที่ดินสมัยนั้นราคาต่ำแทบจะติดดิน
ลุงเบิ้มยกสำรับข้าวออกมาเอง แกคงเตรียมไว้แล้ว พอยกจานชามมาให้จนครบแล้วก็ขอตัวเข้าบ้าน
เชิญตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเตรียมไม้และมีด ตามที่เจ้านายสั่ง
แกไม่ยอมนั่งกินข้าวกับเรา เพราะก่อนหน้านั้นผมบอกกับลุงเบิ้มว่า เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจะลุยรังวัดที่ดินให้เสร็จภายในวันนี้ ถึงจะมืดค่ำก็จะทำให้เสร็จ ผมไม่ชอบทำงานครึ่งๆกลาง ลำบากซะที่เดียว จะได้หมดห่วง
ข้าวร้อนๆ ต้มยำไก่ ผัดเผ็ดปลาดุก น้ำปลาพริกมะนาว น้ำพริกและผักสดๆ น้ำฝนใส่ขันลงหิน(ขันสีทองเหลือง) ทุกอย่างสดๆซิงๆเรียกว่าเก็บจากต้น จับจากบ่อ รวมกับฝีมือแบบป่าๆ อร่อยจนลืมอิ่ม อ้ายเหวงซัดจนพุงกาง ยกขันกินน้ำเสร็จแล้ว ทำท่าทางเหมือนจะมองหาที่นอน
เฮ้ยๆๆ ไปเตรียมตัว เดี๋ยวออกไปทำงาน กินของเค้าแล้วต้องทำงานให้เค้า อย่าทำตัวเนรคุณ ผมเย้ามันเล่นด้วยความคุ้นเคย
มันหันมามองค้อน ผมไม่ชอบลูกพี่ก็ตรงที่ชอบรู้ทันนี่แหละ ! ก่อนจะหอบเครื่องมือเดินนำหน้า
กลางดงพงป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี ไร้ทุกข์สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที่ พวกเราชาวถิ่นนี้ ล้วนมีไมตรีต่อกัน มันแหกปากร้องเพลงจนดังก้องป่า
ลุงเบิ้มเดินนำหน้า เราเริ่มต้นทำการรังวัด ผมพยายามมองหาคนอื่นๆคิดว่าน่าจะออกมาช่วยบ้าง เช่นลูกๆของลุงเบิ้มแต่ก็ไม่พบใคร เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ผมเห็นแต่ลุงเบิ้ม ส่วนพี่ดำนั้นหายหน้าไปเลย คนอื่นๆก็ไม่เห็น นึกแปลกใจว่าพวกเขาไปไหนกันหมด เมื่อครั้งที่ลุงแกไปยื่นคำขอรังวัดที่สำนักงานฯ เคยเล่าให้ฟังถึงลูก 3 คนและความขัดแย้งต่างๆจนเป็นสาเหตุให้มีการรังวัดแบ่งแยกที่ดินแปลงนี้
แต่เก็บความคิดไว้ในใจ เพราะเห็นว่ามีกันแค่นี้ก็ทำงานได้ งานนี้ไม่ถึงกับรังวัดยากเย็นอะไร ทั้งขอบเขตต่างๆได้ปักไม้เป็นสังเขปไว้หมดแล้ว เจ้าของแปลงข้างเคียงก็ไม่ติดใครมีแต่ ลำธารและภูเขา ไม่ต้องมีปัญหากับคนอื่นๆ พวกเราสามคนช่วยกันจนงานเสร็จเกือบมืด..ตามที่กะไว้
หลังจากทำงานกันเสร็จ เดินกันเป็นแถวเรียงหนึ่ง ..
เดี๋ยวเจ้านายกับลูกน้อง นอนที่บ้านหลังแรกนะครับ หลังนี้ผมพักอยู่ประจำ ตรงที่กินข้าวกันเมื่อเที่ยง นั่นแหละ ลุงเบิ้มพูดกับผม
อ้าวแล้วลุง จะไปนอนที่ไหนละครับ
ไม่ต้องห่วง ผมนอนตรงไหนก็ได้ ที่นี่มันถิ่นผม เจ้านายอาบน้ำอาบท่าให้หายเหนื่อย เดี๋ยวผมจะจัดไก่ย่างและเหล้าป่าแรงๆให้กินกัน
ตะวันเคลื่อนหายไปพร้อมกับแสงสว่าง เหมือนตะเกียงที่หรี่ลงๆจนดับไป ความมืดคืบคลานเข้ามาแทนที่ เหมือนทุกเมื่อเชื่อวัน มันเกิดหมุนเวียนมาแล้วไม่รู้กี่สิบๆล้านครั้ง ธรรมชาติช่างน่าแปลก มีมืดมีสว่าง มีขั้วบวกมีขั้วลบ มีผู้ชายผู้หญิง มีกรดมีด่าง และมีความเป็นกับความตาย...
ที่ชายคาบ้านมีตะเกียงน้ำมันแขวนไว้ 1 ดวงเพื่อให้ความสว่าง สภาพภายในบ้านมีตะเกียงกระป๋องเพื่อให้แสงสว่างแว๊ปๆ มองเห็นเป็นห้องห้องโถงโล่งๆ ไม่มีกั้นห้อง ผมขนสัมภาระส่วนตัวไปยังมุมห้องด้านหนึ่ง อ้ายเหวงขยับไปอีกมุมหนึ่ง เราเตรียมตัวอาบน้ำชำระร่างกาย ห้องอาบน้ำไม่มีหรอกครับ โน่นแหละสะพานริมตลิ่งคือห้องน้ำ ผมขออาบก่อน การไปอาบน้ำต้องหิ้วตะเกียงไปแขวนไว้ที่หัวเสาของสะพาน เอาขันตักน้ำขึ้นมาอาบ น้ำเย็นจนหนาว นั่งอาบน้ำมองไปข้างหน้ามืดสนิทเสียงสารพัดอย่างดังมาเข้าหูตลอดเวลา ป่าคงตื่นแล้วสัตว์ป่าบางชนิดเริ่มออกหากิน จะเป็นคนหรือสัตว์ก็ต้องออกหากินเพียงแต่วิธีการแตกต่างกันไปตามสภาพ ที่ผมมาทำงานก็คือผมมาหากินเหมือนกัน..เราคือสัตว์โลกด้วยกัน
อาบน้ำชำระร่างกายกันเรียบร้อย เหมือนคอยท่าอยู่แล้ว ลุงเบิ้มโผล่มาจากบ้านหลังที่สอง แกถือหม้อใบย่อมภายในบรรจุไก่ย่างที่หอมฉุยสับเป็นชิ้นๆ ที่ไหล่สะพายถุงย่าม มีเหล้าป่าใส่ในขวดแม่โขงกลมมา 3 ขวด อ้ายเหวงนึกสนุกมันไปหาขอนไม้ซึ่งมีอยู่มากมายมาสุมไฟให้ห่างจากแคร่ไม้ เพื่อไม่ให้ร้อนเกินไป
เหล้าป่านี่ขนาดจุดไฟติดครับ แก้โรคได้สารพัด โดยเฉพาะโรคเหงา แกเอาแก้วมาวางหยิบขวดเหล้าเปิดฝาออกรินลงแก้ว เกือบครึ่งแก้วแล้วเลื่อนแก้วมาให้ผม เจ้านายลองดูครับ
ผมคว้ามารินใส่ปากด้วยความชำนาญ ความร้อนแรงรู้สึกได้ตั้งแต่ลำคอจนถึงลำไส้ จนต้องรีบหยิบไก่ย่างที่สับเป็นชิ้นใส่ปากเพื่อลดความร้อนแรงของเจ้าน้ำเมา สุดยอดจริงๆลุง ไม่แพ้เหล้าฝรั่ง
กินกันไปคุยกันไป ท่ามกลางบรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติล้วนๆ น้อยคนนักที่จะได้พบเห็นและสัมผัส ผมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปสู่โลกอีกโลกหนึ่ง ไม่มีเสียงรถยนต์ไม่มีเสียงผู้คน ไม่มีไฟฟ้า มีแต่เสียงดนตรีธรรมชาติที่แปลกหูแปลกตา มันน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ที่เพิ่งได้พบเห็น
ผมเป็นคนทางภาคอีสาน ลุงเบิ้มเอ่ยขึ้น
เหรอครับ คิดว่าเป็นคนพื้นนี้เสียอีก แล้วลุงมาอยู่ที่นี่ได้ไง
ก็ตามๆกันมาครับ จะมีคนรุ่นแรกมาที่นี่ก่อน ผมหมายถึงมาทำงานตามไร่ในแถบนี้ พอรู้อะไรมากเข้าก็เข้าจับจองที่ดิน หรือก็ขอซื้อราคาถูกๆจากคนที่จับจองไว้ก่อน เป็นที่ว่างเปล่าครับไม่มีหลักฐานอะไร เวลาขายก็ชี้ๆให้รู้ว่าตรงไหนเป็นเขต
แล้วที่ดินแถบบ้านลุงไม่มีหรือครับ ถึงได้ทิ้งบ้านทิ้งช่องมาที่นี่
แถวบ้านผมมันแห้งแล้ง มีที่ดินก็ไม่มีประโยชน์ทำอะไรก็ไม่ได้ น้ำจะกินยังไม่ค่อยมีการเพาะปลูกไม่ต้องพูดถึง ถึงต้องดิ้นรนหาที่ทำกินกัน เลยตามเขามา มาใหม่ๆเป็นคนทำงานไร่ของพวกเจ้านายก่อน
ลุงคงมาอยู่ที่นี่นานแล้ว
แกยกมือขึ้น ทำท่านับนิ้วมือ 20 ปีแล้วครับ ผมมาคนเดียวก่อน 5 ปี พอเข้าที่เข้าทางจึงรับลูกเมียมาอยู่ด้วย ตอนที่มาผมมีลูกคนเดียว ก็เจ้าดำคนที่ไปรับเจ้านายนั่นแหละ
พอเอ่ยถึง เจ้าดำ ใจผมนึกไปถึงคนที่ทำตัวแปลกๆเมื่อเช้านี้
แล้วพี่ดำไปไหนหรือครับ ๆไม่เห็นมานั่งกินอะไรด้วยกัน
มันไปทำงาน ลุงเบิ้มพูด
กำลังจะอ้าปากถามว่าดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ไปทำงานอะไร..
จิ๊ดๆๆๆๆๆๆ........
เสียงดังฝ่าความมืด มาจากริมลำธาร เสียงแหลมเหมือนเสียงหนู เสียงยังดังไม่หยุด มีเสียงน้ำแตกตูมๆ
อ้ายเหวงลุกขึ้น ลูกพี่ ผมจะเอาตะเกียงไปดูว่าเป็นเสียงอะไร เผื่อเป็นเก้งตกน้ำ จะได้เอามาย่างกิน มันทำท่าทางแข็งขัน
คงตัวใหญ่ไม่เบาลุงเบิ้มพูดลอยๆ
อะไรหรือลุง ตัวใหญ่
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากลุงเบิ้ม เล่นเอาผมขยับขาขึ้นมาบนแคร่โดยอัตโนมัติ และอ้ายเหวงหุบปากเงียบสนิท
งูเห่าครับ คงออกมาหาอะไรกิน ที่นี่ดงงูเห่า ชุมจริงๆ ผมเคยเจอจงอางขนาดขาผู้ใหญ่ มากันเป็นคู่
เสียงอ้ายเหวงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกๆอยู่ด้านข้าง.
เป็นไงมรึง ไปเอามาซิเก้ง ตัวใหญ่ๆ ผมหันไปบอกมัน
โธ่ลูกพี่ ขนาดงูเขียวพันขาผมยังเหยี่ยวเล็ดมาแล้ว ถ้าเจองูเห่าผมคงหมดลมคาลำธาร แหง๋ๆ
ตอนมาอยู่ใหม่ๆเจอที่ร้ายๆหลายอย่างครับ แต่อาศัยว่าผมเคยลำบากมาก่อน และวิชาอาคมผมก็ร่ำเรียนมาพอสมควรสมัยที่บวชเป็นพระ จึงพอเอาตัวรอดมาได้
ผมหันไปมองรอบๆตัว มันดูมืดทะมึนในทุกแห่งหนที่กราดสายตามองออกไป บางครั้งยังรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างเพ่งมองมาที่ตัวเรา ป่าคือป่าที่ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่เคยพบเห็นอีกมากมาย มันเป็นเหมือนมิติที่แตกต่างออกไป..
เจ้านายเคยเห็นผี มั้ยครับ
อยู่ๆลุงเบิ้มพูดขึ้นมา เล่นผมขนลุกซุ่ด้วยความตกใจ โธ่ดันมาพูดได้ไงตอนนี้ หันไปมองอ้ายเหวง มันขยับตัวเข้ามาจนชิด
ทันใดนั้น ..
กรี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....
เสียงดังลั่นออกมาจากจุดแห่งหนึ่งไม่รู้ว่าเชิงเขาหรือบนเขา..เพราะมองอะไรไม่เห็นมีแต่ความมืดมิด..
แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 53 15:42:50
จากคุณ |
:
สวนดอก
|
เขียนเมื่อ |
:
15 มี.ค. 53 20:57:52
|
|
|
|