ความคิดเห็นที่ 1 แสนเสียดาย .... ขาตรี จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:10:10

ความคิดเห็นที่ 2 Sendai แห่งจังหวัด Miyagi มีประชากรกว่าล้านคนอยู่อาศัยนี้อยู่ในเขตนี้ซึ่งเป็นศูนย์กลางหน่วยงานปกครองและเศรษฐกิจของภูมิภาค Tohoku ของญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเซนไดจะเป็นเมืองใหญ่และทันสมัย แต่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆของเมืองได้ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างได้สมดุลย์ หลายๆแห่งในเมืองมีทัศนียภาพงดงามชวนให้ต้องหยุดมอง เช่นทิวทัศน์น้ำใสไหลรินของแม่น้ำฮิโระเซะ หรือต้นเคยะขิที่ชอุ่มเขียวเป็นแนวตลอดสายถนน ความเขียวขจีของแมกไม้ในเมืองนี้เองที่ทำให้ Sendai ได้สมญาว่าเป็น “เมืองแห่งต้นไม้ (โมริ โนะ มิยะโขะ)” ผมตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่นเหมือนเคย ถึงแม้นอนดึกแทบทุกคืน  อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่สะอาด ในบรรยากาศสบายๆ ไร้ฝุ่น ก็เลยทำให้ผมไม่รู้สึกเพลีย ผมลงมากินอาหารเช้าที่ล๊อบบี้ของ Toyoko Inn Sendai ซึ่งวันนี้ผมไม่ค่อยหิวมากก็เลยเลือกข้าวปั้น 1 ก้อนกับซูปสาหร่าย 1 ถ้วย รองท้องก่อนเดินทางไปนอกเมืองยังอ่าว  Matsushima Bay   เมื่อจัดการกับอาหารเช้าแล้วผมก็เดินทอดน่องชมบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงเพื่อไปยังสถานี Sendai ซี่งใช้เวลาเพียง 10 นาที ผมก็มาถึงสถานีรถไฟอันโอ่โถงทันสมัย  ไม่ตางจากสถานีในเมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว หรือ นาโงย่า  ผมเดินอ้อยอิ่งผ่านร้านค้าในสถานี Sendai ที่พนักงานกำลังจัดเตรียมร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยวและที่เป็นที่นิยมสุดๆ มีมากมายหลายร้านก็คือร้านขายลิ้นวัว (กิวตัง)  รสชาติแห่ง Sendai ... พอดีผมไม่กินเนื้อก็ได้เดินเมียงมองสินค้าท๊อปฮิตของที่นี่ที่บรรจุกล่องแช่แข็งอย่างสวยมงามพร้อมที่จะจำหน่ายต่อไปยังลูกค้าที่นำไปกินที่บ้านหรือฝากเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง  จากนั้นก็จับรถสาย  JR Tohoku Line และเพียง 20 นาทีผมก็มาถึงอ่าว Matsushima Bay   อ่าว Matsushima เป็นสุดยอดของความงดงามที่ทางญี่ปุ่นถือว่าเป็นจุดที่มีความงามด้านทัศนภาพหนึ่งในสามของประเทศ  ซึ่งถ้าให้ผมเทียบกับทางเมืองไทยแล้ว สำหรับผมแอบคิดว่าถ้าเทียบความงามจริงๆ แล้วอ่าวพังงาของเราสวยกว่าครับ อ่าว Matsushima นี้เต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่าร้อยเกาะซึ่งมีรูปทรงต่างๆ กระจายไปทั่วแผ่นน้ำ  ซึ่งวิธีการเที่ยวอ่าวสวยนี้ให้ได้บรรยากาศที่สุดนอกจากเดินชมวิวรอบๆ อ่าวแล้วก็คือ การนั่งเรือชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางอ่าวสวยนั่นเอง   ผมยืนอยู่ที่ท่าเรือแล้วมองไปที่เวิ้งน้ำ ในขณะที่เรือเข้ามารับส่งนักท่องเที่ยวอยู่ไม่ขาดสาย และเมื่อเรือส่งสัญญาณเปิดหวูดออกเรือขณะแล่นออกจากท่านั้น สัมผัสของสัญชาติญาณของเจ้าบ้านที่ดีก็เริ่มทำงานเช่นกัน นั่นก็คือ ....นกนางนวลครับ บรรดาเหล่านกนางนวลนับสิบนับร้อย ต่างก็เริ่มงานต้อนรับอาคันตุกะด้วยการบินตามเรือ และกินอาหารซึ่งก็คือข้าวเกรียบที่นักท่องเที่ยวต่างป้อนให้ถึงปาก ฝูงนกต่างร้องยินดีถึงความสุขที่เห็นนักท่องเที่ยวมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และหนึ่งในนั้นก็คือผม ที่ยืนอมยิ้มชมความแสนรู้ของเหล่าสัตว์ปีกตัวน้อยที่สามารถปรับชีวิตให้เป็นไปตามวิถีของท้องถิ่นได้อย่างดีเลยทีเดียว จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:12:17

ความคิดเห็นที่ 3 จากท่าเรือด้านซ้ายไปประมาณ 100 เมตรผมเห็นศาลาไม้แห่งหนึ่งที่ยื่นไปกลางทะเล มีสะพานแดงเล็กๆ ตัดฉากกับใบไม้แดงเป็นทางเชื่อมไปยังศาลานั้น  มีนักท่องเที่ยวมากมายเดินข้ามสะพานดังกล่างเพื่อไปสักการะอะไรสักอย่างที่นั่น  ผมเลยเดินเลียบอ่าวพร้อมอ่านข้อมูลการท่องเที่ยวไปด้วย ก็เลยรู้ว่าสะพานแดงเล็กๆ นั้นเชื่อมต่อไปยัง Godaido ซึ่งเป็นศาลเจ้าสัญลักษณ์ของ Matsushima ที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ บริเวณหน้าอ่าว   ศาลเจ้านี้เป็นที่ตั้งอาคารไม้โบราณที่ประดิษฐานเทวรูปทั้ง 5 ตามคำว่า โก๊ะ ซึ่งแปลว่า 5 ในภาษาญี่ปุ่น เทวรูปทั้ง 5 นี้ชาวญี่ปุ่นนับถืออยู่นั้นประทับอยู่ด้านด้านใน อาคาร ซึ่งอาคารนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดซุยกังจิ ที่อยู่ด้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นวัดสำคัญของเขตนี้ โกไดโด้นี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอันแต่โบราณ และได้ปรับปรุงอาคารใหม่โดย ดาเทะ มาซูมูเนะ ในปี 1604  ซึ่งนำไม้จากจังหวัดคายามา และให้ช่างฝีมือมาสร้าง โดยสร้างในสไตล์โมโมยามา ซึ่งเป็นสไตล์ที่หรูหรามาก และเป็นที่นิยมในช่วงปี 1500 บริเวณผนังด้านบนจะมีลายแกะสลักเป็นรูปสัตว์ตามราศี ต่างๆของจีน เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงที่นี่ก็จะทำการสักกาะระเทวรูปที่อยู่ด้านในโดยการสั่นกระดิ่งใหญ่และโยนเหรียญ 5 เยนไปในกล่องไม้ด้านหน้า แต่ปัจจุบันอาคารนี้ไม่ได้เปิดให้คนเห็นเทวรูปด้านใน แต่จะเปิดให้คนสักการะได้ในทุกๆ 33 ปี เท่านั้น ซึ่งครั้งสุดท้ายเปิดเมื่อปี 2006  ซึ่งครั้งต่อไปก็คือในปี 2039 ส่วนสะพานแดงที่ใช้ข้ามไปยังเกาะนั้นมีชื่อว่า ซึคาชิบาชิ หรือ สะพานโปร่ง เนื่องจากพื้นสะพานมีลักษณะโปร่ง เวลาข้ามสะพานจึงเห็นพื้นน้ำได้ ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่า เพื่อให้มีสมาธิในการข้ามสะพานไปยัง Godaido จะได้ระวังไม่ให้ตกร่องสะพาน และทำให้คู่รักต่างต้องจูงมือกัน ทำให้สะพานนี้กลายเป็นสะพานของคู่รักไปโดยปริยาย ผมได้อธิษฐานที่ตรงศาลเจ้าว่าขอให้กลับมาที่นี่อีกครั้ง เนื่องจากครั้งนี้ผมมีเวลาพียงครึ่งวัน.......  สักวันผมจะกลับอีกครับ จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:13:03

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อลาจากศาลเจ้า สิ่งหนึ่งที่ยาวตระหง่านกลางอ่าว Matsushima ไปอีกประมาณ 200 เมตร เป็น High Light แห่งหนึ่งของที่นี่ก็คือสะพานแดงชาดซึ่งยาวทอดข้ามอ่าวไปยังเกาะเล็กๆ อีกเกาะหนึ่งซึ่งก็คือเกาะ Fukuura Jinja ผมยืนมองดูสะพานแดงยามนักท่องเที่ยวเดินข้ามผ่านไปยังเกาะ Fukuura Jinja .......ช่างเป็นทัศนียภาพที่สวยมากเหลือเกิน เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ถูกอนุรักษ์ให้เป็นสวนพฤกศาสตร์ขยาดย่อม มีพันธ์ไม้กว่า 300 ชนิด ซึ่งการข้ามไปยังเกาะนี้ต้องข้ามสะพาน ฟุคุอะบาราชิ ซึ่งมีความยาวถึง 252 เมตรทอดตัวเชื่อมเกาะ กับแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าใครข้ามสะพานนี้จะได้พบกับคนที่คิดถึงหรือถ้าข้ามกับคู่รักก็จะรักกันมากขึ้น ......... คุณผู้อ่านถ้ามีโอกาสก็ลองไปข้ามสะพานนี้ดูนะครับ กิจกรรมที่อ่าว Matsushima มีมากมายนอกจาก กินลม ชมวิว ยังมีศาลเจ้าอีกหลากหลายไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้เข้าไปขอพร สำหรับเรื่องอาหาร ที่ขึ้นชื่อกับเขตประมงชั้นนำของญี่ปุ่นนอกจากอาหารทะเลสดๆ แล้วก็คงหนีไม่พ้น หอยนางรมตัวใหญ่ ที่ถูกนำมาย่างเพื่อบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ..... ผมยืนมองหอยนางรมต้วใหญ่ๆ ที่ถูกน้ำมาย่างพลางทำให้ผมนึกถึงหอยนางรมที่บ้านเรา ..... ถ้าพกน้ำจิ้มพริกตำ กระถิน และหอมทอดมาด้วย..... ผมก็คงจะแวะซื้อแล้วจิ้มตรงนั้นเลยครับ จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:14:12

ความคิดเห็นที่ 5 เอาแผนที่เดินเที่ยวรอบ Matsushima ***  ภาษาไทย มาฝากครับ   โหลดแบบแผ่นใหญ่ ๆ ด้านล่างครับ http://u4.popcornfor2.com/view/ok048221.jpg จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:15:03

ความคิดเห็นที่ 6 จากสถานี  Matsushima ผมนั่งรถไฟย้อนกลับมายังตัวเมือง Sendai เพื่อจะได้เที่ยวชมรอบเมืองด้วยรถบัส ซึ่งผมได้ซื้อพาสในราคา 600 เยนเพื่อเที่ยวชมเมืองเหมือนกับเกียวโต แต่ที่ Sendai กลับรถติดน้อยกว่าถึงแม้เมืองจะดูใหญ่กว่ามาก ..... วันที่ผมไปเยี่ยมชม Sendai เป็นวันเดียวกับที่มีการแข่งขันวิ่งมาราธอน ทำให้รถบัสหยุดวิ่งไปครึ่งวัน และจะวิ่งบริการอีกครั้งประมาณเกือบบ่ายสองโมง ดังนั้นผมเลยไปชมวิวก่อนในมุมสูงของ Sendai ครับ ตึกสูงที่ผมไปชมวิวก็ไม่ไกลจากสถานีรถไฟแต่อย่างใด เหมือนเดินเล่นชิวๆ จากห้างมาบุญครองไปพารากอน ตึก AER เป็นตึกที่สูงที่สุดของเมือง Sendai   ชั้นล่างเป็นร้านค้า ที่จอดรถ และพลาซ่าบริการข้อมูลทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ชั้นบนขึ้นไปเป็นสำนักงาน ชั้น 31หรือชั้นบนสุดมีภัตตาคารและเทอเรสให้ชมวิวเมือง ผมเห็นหนุ่มสาวหลายคู่จูงมือขึ้นไปชมวิวอย่างมีความสุข ทำให้ผมแอบเหงาขึ้นมานิดๆ   แต่แอบอิจฉาไม่นานด้วยความหิว ก็เลยนำเบนโตะที่ซื้อมาด้วยนั่งกินพร้อมกับชมวิวมุมสูงมองดูรถไฟหลายต่อหลายสายวิ่งเข้าออกสถานี Sendai  ช่างเป็นบรรยากาศที่อิ่มอกอิ่มใจ พร้อมทั้งอิ่มท้องไปกับอาหารมื้อข้างหน้า .........และที่ทำให้ยิ้มได้กว้างอีกก็คือ .....การขึ้นชมวิวตึกนี้ ......... ฟรีครับ .... จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:15:53

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อถึงเวลาที่ทางการเปิดถนน ผมก็ลงจากตึกและเดินย้อนกลับที่ท่ารถบัสหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งที่ป้าย Loople  Bus นั้นมีคิวนักท่องเที่ยวต่อยาวเป็นงูสองสามวงเลยทีเดียวเนื่องจากนักท่องเที่ยวตกค้างมาจากช่วงเช้า ทำให้อารมณ์เที่ยวแบบเกียวโตกลับมาผมอีก ก็คือรถอัดแน่นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ซึ่งตามตารางที่ผมวางแผนไว้นั้นจะเที่ยวหลายจุดมาก แต่เนื่องจากทำเวลาไม่ได้อีกทั้งต้องเข้าโตเกียวในตอนเย็นก็เลยเที่ยวได้แค่ 2 จุด ซึ่งจุดแรกที่ผมลงไปถ่ายภาพก็คือที่ตั้งของปราสาท Sendai ที่บริเวณนี่ได้เคยเป็นที่ตั้งปราสาทเซนได (ปราสาทอะโอบะ) ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่อยู่ของดาเตะ มาซะมุเนะผู้ครองแคว้น ที่นี่มีกำลังการผลิตข้าวได้ถึง 6.2 แสนโคะขุ (1 โคะขุ เท่ากับข้าวสาร 180 ลิตรซึ่งพอเพียงเลี้ยงคนได้ 1 ปี) ตัวปราสาทตั้งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 130 เมตร ผาเขาทางทิศตะวันออกและทิศใต้ได้เป็นปราการธรรมชาติให้กับปราสาทได้อย่างดี กล่าวกันว่าที่มาซะมุเนะไม่ได้สร้างหอสังเกตการณ์สูงตามหลักการสร้างปราสาทญี่ปุ่นทั่วๆไปนั้นเพราะไม่ต้องการให้เป็นที่แคลงใจต่อโชกุนโตกุกะวะ อิเอยะสุ แต่ทว่าเป็นที่น่าเสียดายที่ตัวปราสาทได้ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้น กำแพงหินและป้อมสุมิยะกุระระหว่างทางขึ้นได้ถูกสร้างให้เหมือนกับของเดิมเพื่อรำลึกถึงอดีต ในวันนี้ ณ ลานกว้างที่เคยเป็นที่ตั้งปราสาทกลายเป็นที่ตั้งรูปปั้นขุนศึกดาเตะ มาซะมุเนะบนหลังม้าสายตามุ่งมองลงยังเมืองเบื้องล่าง หากผู้มาได้ยืนมอง ณ จุดเดียวกันนี้คงจะรู้สึกได้ถึงความใฝ่ฝันอันแรงกล้าของมาซะมุเนะที่จะครองแผ่นดินในยุคนั้น ที่นี่ยังมีห้องนิทรรศการที่ใช้เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์กราฟฟิคแสดงภาพจำลองของตัวปราสาทให้ผู้มาได้ชม ส่วนบริเวณข้างนอกมีหลักศิลาหินรำลึกถึงนักประพันธ์สองท่านผู้มีความผูกพันกับเมืองเซนได ได้แก่ โดะอิ บังซุยนักกวีผู้ประพันธ์เพลงมีชื่อและชิมะซะขิ โทะซ็องนักวรรณกรรมเชิงธรรมชาตินิยม จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:16:43

ความคิดเห็นที่ 8 การไปเยี่ยม Sendai ในวันนั้น พอดีมีการแสดงท้องถิ่นของเด็กๆ และชาวเมือง Sendai ทำให้ผมรู้สึกอมยิ้มและเข้าข้างตัวเองว่าเขาจัดการแสดงต้อนรับผม ......วันนี้ผมได้สัมผัสความอบอุ่นทั้งกายสัมผัสจากทิวทัศน์อันสวยงามและด้านจิตวิญญาณในความเป็นญี่ปุ่นเลยทีเดียว ผมยืนชมวิวมุมกว้างของเมือง Sendai เหมือนนกต่างถิ่นที่บินมาเยือนด้วยความตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า แล้วไม่อยากนับเวลาย้อนหลังที่จะจากไปเลย จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:18:09

ความคิดเห็นที่ 9 จากปราสาท Sendai ผมได้นั่งรถบัสรอบเมืองประมาณ 15 นาทีเพื่อต่อไปยังถนน Jozenji-dori Avenue  เพื่อสัมผัสความเป็น  Sendai อีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นศิลปะกลางเมืองท่ามกลางสวนอันร่มรื่น ถึงแม้สองฝั่งของถนน Jozenji-dori จะเป็นตึกอาคารร้านรวงทันสมัยแต่บริเวณทางเดินเท้าและเกาะกลางถนนก็ร่มรื่นเขียวชอุ่มไปตลอดสายจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคำว่า “เมืองแห่งต้นไม้” เป็นสมญาที่เหมาะกับเมือง Sendai เป็นอย่างยิ่ง แสงแดดอ่อนละมุนส่องลอดผ่านกิ่งก้านใบของต้น Zelkova ให้ความร่มรื่นและเพลินตาต่อผู้คนที่เดินผ่านไปมา หลายคนอดไม่ได้ที่จะหยุดแหงนหน้าขึ้นชมกิ่งและใบที่ขึ้นอยู่บนลำต้นสูง เกาะกลางถนนที่ทำเป็นทางเดินกว้าง มีปฏิมากรรมรูปปั้นของจิตรกรผู้มีชื่อตั้งประปรายไปหย่อมๆ ในบรรดางานศิลปะเหล่านี้ก็มี งานปั้นของ Gleco ที่ชื่อ “ความทรงจำหน้าร้อน” และผลงานปั้น “สาวน้อยอาบน้ำ”ของ Crocetti เป็นต้น กลิ่นอายของศิลปะบนถนนสายนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่าเดินชมงานศิลปะในป่ากลางเมืองทีเดียว ผมละเลียดเดินชมความของประติมากรรมงามด้วยความสบายใจท่ามกลางแมกไม้อันร่มรื่น ถึงแม้ว่าใบไม้ยังไม่ได้เปลี่ยนสี แต่ก็ได้ความรู้สึกว่าผมได้สัมผัสความเป็น  Sendai แล้ว .... จากคุณ : CEOTHAI42 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:19:18

ความคิดเห็นที่ 10 ผมมองดูนาฬิกาแล้วก็ต้องถอนใจ ตอนนั้นประมาณเวลา  16.30 น. ถึงเวลาที่ผมจะต้องขึ้นรถกลับไปยังสถานี Sendai  แล้วเดินไปโรงแรมเพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้เพื่อเดินทางเข้า Tokyo ผมรู้สึกอาลัยอาวรณ์เมือง  Sendai ............. พอๆ กับความรู้สึกใจหายกับภาพ Sendai  ที่หายไป.... ผมคิดว่าจิตวิญญาณของ Sendai ต้องการให้กลับไปเยี่ยมที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ........ ผมมองย้อนมาที่สถานี Sendai  ก่อนก้าวขึ้นรถไฟชิงคังเซ็นพร้อมความคิดในใจที่ว่า .....แล้วเราจะพบกันใหม่นะ  Sendai  ...... พบกับการปิดไดอารี่ใบไม้ร่วง 2009 ของภูมิภาค Tohoku ของนายติวเตอร์ตู่ ที่จังหวัด Iwate ในตอนหน้า  ...... แล้วพบกันครับ ขอขอบคุณ : ข้อมูลจากการท่องเที่ยว Sendai / Miyagi จากคุณ : ติวเตอร์ตู่ (CEOTHAI42) เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 10:22:03

ความคิดเห็นที่ 11 รูปสุดท้ายสวยมาก สะพานแดงใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยจัดๆ จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 53 19:06:58

ความคิดเห็นที่ 12 รูปสุดท้ายสวยจริงๆ ค่ะ รูปสะพานยาวๆ ก็สวยค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 53 10:11:34