สู่สุคติเถิด......หนูน้อยทั้งสอง
|
|
หนูในที่นี้ หมายถึงหนูจริงๆ ครับ.... ไม่ใช่หนูเด็กน้อย หรือน้องหนูของใครบางคนแต่ประการใด เป็นหนูไม่มีเจ้าของ ไม่มีหมายเลขประจำตัว 13 หลัก ไม่รู้ราศี วัน เดือน ปีเกิด เป็นเพียงหนูที่ผู้คนไม่รู้ว่ามันมีตัวตนกระทั่งวาระสุดท้ายของพวกมัน ผมเองก็ไม่เคยเจอหน้าพวกมันมาก่อน มาเจอก็วาระสุดท้ายของพวกมันแล้ว
ผมเดาว่าพวกมันคงเป็นแฟนกัน มาครองรักกัน สร้างรังรักแสนหวานกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาหนูในห้องทำงานของผม ณ มุมใดมุมหนึ่งอันมิดชิด เร้นลับ คงอดๆ หยากๆ หิวๆ อิ่มๆ ไปตามประสา
หลักฐานความมีตัวตนของพวกมันก็มีเพียงรอยเท้าสับสนบนโต๊ะทำงานและร่องรอยการกัดแทะ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ซองบะหมี่สำเร็จรูป กระทั่งสบู่และหลอดยาสีฟัน (พวกมันหัวสูงมีรสนิยมพอจะเลือกกัดแทะบางยี่ห้อเท่านั้น ไม่ใช่กัดแทะแบบไร้รสนิยมไม่เลือก) บางวันถึงกับมากัดแทะแคบซูลยาที่ผมลืมวางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานจนเกลื่อนไปหมด ผมพยายามคิดว่าพวกมันอาจไม่สบาย เลยมาหายาแก้อักเสบและยาคลายกล้ามเนื้อกินกัน
มันจมน้ำตายอย่างน่าสงสารเวทนา
ปกติห้องทำงานของผมไม่มีระบบน้ำประปาใช้ เพราะท่อพังไปแล้ว ก็ไม่ใช่สาเหตุใด เป็นเพราะคุณหนูๆนี่ละครับมากัดท่อพีวีซีจนทะลุ (บางท่านอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟันของหนูคมกริบขนาดนี้)ทำให้ท่อประปาแตกน้ำทะลักท่วมเต็มห้อง และท่วมเผื่อแผ่ไปถึงห้องข้างเคียงด้วย ต้องจ้างพนักงานทำความสะอาดตึกเป็นกรณีพิเศษ ทำความสะอาดกันค่อนวันกันเลยทีเดียว รวมทั้งความเสียหายจากอุปกรณ์ซึ่งวางอยู่บนพื้นห้องเช่นตู้ลำโพงเป็นต้น
ดังนั้นผมจึงต้องหากระป๋องน้ำขนาดใหญ่ไปรองน้ำจากห้องอื่นมาใช้สำหรับล้างถ้วยกาแฟและแก้วน้ำทุกวัน เพราะผมมักจะงับขนมปังเป็นอาหารกับกาแฟในตอนเช้าเสมอเพราะรวดเร็วดี กะเอาให้หายหิวเท่านั้นเรื่องรสชาติคุณค่าทางอาหารเอาไว้ตอนหลัง ผมอาศัยทำงานอยู่ในห้องนี้คนเดียวไม่มีใครมานั่งด้วย คงเพราะกลัวผมกระโดดงับคอหอยเข้าให้สักวัน
เช้าวันหนึ่ง หลังจากการปิดตายห้องอยู่ 5 วัน 5 คืน เพราะผมและเพื่อนๆ ไปประชุมเชิงปฏิบัติการนอกพื้นที่ เมื่อกลับมาในรุ่งเช้าของวันทำงานผมได้กลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงเมื่อเปิดประตูห้องออก ตอนแรกคิดว่าอาจมีการฆาตกรรมโหดหมกศพในห้องก็เป็นไปได้
ทำเอาใจหายวาบ แต่คิดมาคิดไป เอ....ก็ห้องนี้เราอยู่คนเดียวนี่นา ลูกกุญแจเปิดห้องก็อยู่กับเราคนเดียว และค่อนข้างแน่ใจว่าในช่วงเวลา 5 วันมานี้ ผมไม่ได้ฆ่าใครเลยนี่นา
และยังจำได้แม่นยำว่าก่อนไปประชุมนอกพื้นที่ก็ไม่ได้ลากศพใครมาให้ห้องนี้ หรือว่า...
ลางสังหรณ์ทำให้ผมปราดไปดูกระป๋องน้ำทันที
หนูสองตัวขึ้นอึดลอยอยู่ในกระป๋องน้ำซึ่งมีน้ำเกินครึ่ง นความสยดสยองน่าสะพรึงกลัวจนเย็นยะเยียบไปทั่วไขสันหลัง
โดยไม่ทันนึกอะไรเพราะกลิ่นเหม็นรุนแรง ผมกลั้นใจหิ้วกระป๋องน้ำมรณะใบนั้นวิ่งออกจากห้องแต่แล้วก็มายืนทำหน้าโง่งงมงุนงงหมุนคว้างอยู่หน้าห้อง ไม่ได้...จะทิ้งลงถังขยะตามทางเดินไม่ได้ เพราะกลิ่นมันจะเผื่อแผ่เจือจุนไปถึงบรรดาเพื่อนห้องอื่นๆด้วย ทำไงดี..
ในนาทีแห่งความเหม็นนรกแตกนั้น ผมตัดสินใจวิ่งไปหน้าห้องข้างๆ ซึ่งไม่มีคนอยู่ เทน้ำและซากหนูตายลงไปยังระเบียงกันสาดเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรในวินาทีวิกฤติโหด
แต่นั่นเป็นความผิดพลาดมหันต์กับผมเอง เพราะถึงจะห่างออกไปจากห้องพักอื่นๆ แต่บังเอิญว่าเป็นทางผ่านของสายลมซึ่งจะพัดผ่านก่อนสายลมจะพัดเข้ามาห้องผมพอดียังกับกรรมตามทัน เพราะห้องพักผมอยู่เกือบริมทางเดินขึ้นลงระหว่างชั้น สายลมที่พัดมาหน้าตึกบริเวณนี้ไม่มีทางผ่านไปหลังตึกได้นอกจากจะพัดทะลุผ่านห้องของผมไป
นรกสิครับ เหม็นมหากาฬเต็มห้องแบบไม่ต้องขอ จะลงไปเก็บซากหนูตายย้ายไปที่อื่นก็ไม่ได้เพราะกลัวตกลงไปตามตามหนูเพราะอยู่ชั้นสาม
ผมเลยไม่ได้ขึ้นมาทำงานในห้องพักเป็นเวลาหลายวันเลย จนเข้าวันนี้ขึ้นมาดู และไปเยี่ยมเยียนหนูทั้งสองตัวซึ่งตอนนี้กลิ่นนรกแตกหายไปเกือบหมดแล้ว พวกมันโดนแดดเผาจนเกือบจะเป็นซากมัมมี่ไปแล้ว
แค่หนูตายทำไมต้องเอามาคิดด้วย
สาเหตุเพราะผมเป็นคนคิดมากครับ (นิสัยไม่ดี)
อย่างที่บอกในตอนแรก ผมว่าพวกมันจะต้องเป็นแฟนกัน คงไม่ใช่พี่น้องกัน (ความรู้สึกพิเศษบางอย่างบอกผมแบบนี้) ตัวหนึ่งอาจตายทั้งกลม เพราะสังเกตว่าหน้าท้องพองโตกว่าปกติ ลูกของมันไม่ได้มีโอกาสลืมตามาดูโลก อาจกลายเป็นวิญญาณหนูคอยหลอกหลอนบรรดาหนูด้วยกันไปอีกนาน แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมาหลอกหลอนคนหรอกครับ เพราะมิติการหลอกมันคงเข้ากันได้ไม่เท่าไร
นึกถึงว่าในคืนมืดมิดไร้ดวงดาวและแสงไฟในห้องปิดตาย พวกมันจูงขากันมาหาอาหาร เมื่อหนูตัวแรกโดดลงไปในกระป๋อง โดยหวังว่าจะพบเศษอาหารเล็กๆน้อยๆ พอประทังความหิว แต่ก็ต้องพบกับสายน้ำเย็นเฉียบ จึงตะกายขึ้นก็ไม่ได้เพราะน้ำลึกเกินไป ขาของมันหยั่งไม่ถึงพื้น ไม่มีแรงถีบส่งตัวให้ขึ้นมาได้ ขอบกระป๋องก็สูงเกินไปตะกายขึ้นมาไม่ได้
มันคงร้องขอความช่วยเหลือ
ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย....อย่างตื่นตระหนก
อีกตัวอาจลังเลแกมตกใจ เมื่อเห็นคนรัก เอ๊ย...หนูรักตกอยู่ในสถานการณ์แห่งความตายแบบนั้น มันคงไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร เพราะหนูไม่ใช่คน คงไม่ถึงกับคาบเศษไม้โยนลงไปเพื่อช่วยชีวิต
มันจะทำอย่างไรดี...
จะตัดใจหนีไปแบบเห็นแก่ตัว ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นราวหรืออย่างไร ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะต้องถูกหลอกหลอนด้วยความทรงจำเจ็บปวดร้าวแสนทรมานยิ่งกว่าการถูกแมวกัดทั้งเป็น อยู่กับฝันร้ายตลอดชีวิตของมัน
จะวนเวียนเฝ้าดูหนูรักค่อยๆจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตา แบบนั้นมันคงกล้ำกลืนทรมานใจเจียนคลั่งเมื่อเห็นหนูรักตายต่อหน้าอย่างช้าๆและทรมาน ความเจ็บปวดแบบนี่คงสุดจะจินตนาการหยั่งคาดคะเนได้
ผมพยายามวางตัวเองให้อยู่ในระนาบความเห็นของพวกมันในสถานการณ์แบบนั้น
และอย่างน้อยผมก็ได้คำตอบแม้อาจไม่ถูกต้องนัก
ถ้าผมเป็นหนูตัวที่ยังไม่ตกลงไปในกระป๋องน้ำ ถ้าหนูตัวที่ตกลงไปก่อนเป็นคนรักหรือหนูรักก็ไรก็ตามเถอะ ผมคงไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ถ้าปราศจากคนรักโดยเฉพาะคนรักที่ลึกซึ้งมหาศาลผมคงจะยอมโดดลงไปตายด้วยกัน ดีกว่ามีชีวิตรอดเพื่ออยู่กับฝันร้ายและความทรงกัดกร่อนจำเตี่ยวเข็ญทรมาน
ดังนั้นผมจึงมองเห็นภาพหนูตัวที่เหลือกระโดดตามลงไป
จำฉากหนังเรื่องไททานิคได้ไหมครับ ฉากที่นางเอกพระเอกสั่งเสียกัน ก่อนพระเอกจะจมน้ำตายตาย ผมคิดว่าฉากของหนูสองตัวนี้อาจยิ่งใหญ่ประทับใจไม่แพ้กัน เพียงแต่มันคนละแบบคนละด้าน คนสองตัวกอดคอกันอย่างสิ้นหวัง ส่งเสียงร้องทั้งคร่ำครวญทั้งหวาดกลัวทั้งปลอบใจกันและกัน อยู่ในอ้อมขาของกันและกันอย่างสิ้นหวัง ทั้งสองตัวลอยคออยู่กี่วันกี่คืนไม่มีใครรู้กว่าจะหมดแรงจมน้ำตาย ผ่านกาลเวลาเคี่ยวเข็ญขนาดไหน ตำนานรักยิ่งใหญ่ขนาดไหนไม่มีใครรู้ สมองของพวกหนูมีแค่นั้นแต่มันก็มีสิทธิ์สร้างตำนานบรรเจิดในรูปแบบของมัน\\
โอ..ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร หนูทั้งสองตัวไม่ใช่แฟนกัน หรือทั้งสองตัวกระโดดลงมาพร้อมกัน ไม่สำคัญและไม่มีใครรู้ แต่สำหรับผมแล้วหนูคู่นี้ได้สร้างตำนานของมันขึ้นมาในใจคนคิดมากอย่างผม ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยพวกมันตายด้วยกัน การยินยอมพร้อมใจตายกับคนรักในทางโลกไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนรักที่มีความรักทะลุเกินขีดพิกัดแห่งความทนทาน
หลังจากวางข้อความนี้ผมจะเอาขนมอบกรอบไปโรยรายปรายโปรย ณ จุดที่ร่างไร้วิญญาณของพวกมันนอนเคียงกันแบบไร้ที่กลบฝัง รอสายลมและกาลเวลาผันผ่านทำร้ายทำลายซากสังขารอันว่างเปล่าจากจิควิญญาณของพวกมัน
อโหสิกรรมเถิดเจ้าหนู...ชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นแมว ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นความบกพร่องของข้าเองที่ไม่หาฝาปิดกระป๋องน้ำให้มิดชิด หรือไม่ก็เทน้ำทิ้งก่อนไปดูงาน ข้ายอมให้พวกเข้ามาแทะสายไฟ มากัดโต๊ะ มากัดกระดาษบนโต๊ะ ดีกว่าจะเห็นพวกเจ้าตายแบบนั้น หรือไม่ก็ยอมเห็นพวกเจ้าตายเพราะโดนแมวงับดีกว่า ตายเพราะแมวแบบนั้นยังถือว่าตายแบบสมเกียรติของพวกหนูดีกว่าจมน้ำตายแบบนี้ โอม...สู่สัมปรายภพ
<อ้าว.....หมอถือเข็มฉีดยามาแล้ว เผ่นล่ะครับ... ^__^
.)
แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 53 23:01:10
แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 53 10:31:57
จากคุณ |
:
Psycho man
|
เขียนเมื่อ |
:
22 มี.ค. 53 10:29:51
|
|
|
|