Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ บทอดีต  

สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่

เขียนโดย...ถังชีกงจื่อ

แปลโดย...หลินโหม่ว


บทอดีต

รักคนผู้หนึ่ง แค้นคนผู้หนึ่ง



ระยะนี้ ข้าติดจะชอบนอนหลับอยู่มาก

น่ายน่ายบอกว่า “น่าจะเป็นเพราะตั้งครรภ์นั่นแหละเจ้าค่ะ ถึงได้คิดอยากแต่จะนอนมากเป็นพิเศษ เหนียงเนี่ยง(๑)ไม่ต้องกังวลไปดอกเจ้าค่ะ”

น่ายน่ายคือสาวใช้ที่คอยดูแลข้า และเป็นเซียนเพียงผู้เดียวในตำหนักสี่อู๋(๒)แห่งนี้ที่ยอมยิ้มให้ข้า ยอมเรียกข้าว่า “เหนียงเนี่ยง”  เซียนคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ต่างก็ดูถูกข้าทั้งสิ้น เป็นเพราะเยี่ยหัวไม่ได้มอบตำแหน่งที่แสดงถึงการยกย่องอย่างออกหน้าใดๆ ให้แก่ข้า และเป็นเพราะ...ข้าไม่มีทะเบียนเซียน เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

ดูเหมือนน่ายน่ายจะผลักเปิดบานหน้าต่าง มีลมพัดเข้ามา เสียงฝีเท้าใครบางคนดังมาจากนอกหน้าต่าง เสียงน่ายน่ายบอกความตื่นเต้นยินดี

“เหนียงเนี่ยง องค์รัชทายาทมาเยี่ยมท่านล่ะเจ้าค่ะ!”

ข้าลุกขึ้นมาจากใต้ผ้าห่มแพร พิงตัวกับพนักหัวเตียง ในหัวค่อนข้างจะมึนงงอยู่บ้าง แม้จะเพิ่งตื่น แต่ก็ยังคงง่วงนอนอยู่ดี

ผ้าปูเตียงยุบลงเล็กน้อย ข้าคิดในใจ...คงเป็นเพราะเยี่ยหัวนั่งลงข้างๆ ข้า

ข้าถามเขาทั้งสะลึมสะลือ “คืนนี้ แสงดาวสว่างดีไหม?”

เขานิ่งไปชั่วครู่ค่อยตอบว่า “ซู่ซู่ ตอนนี้คือกลางวัน”

ข้ายกมือขึ้นคิดจะขยี้ตาด้วยความเคยชิน เมื่อแตะถูกผ้าต่วนขาวที่พันตาอยู่ จึงค่อยนึกขึ้นมาได้ว่า ดวงตาไม่มีอยู่แล้ว ต่อให้ขยี้ตาเท่าไร ก็ยังคงแยกแยะเวลาไม่ออก มองไม่เห็นสิ่งใดอยู่ดี

เยี่ยหัวนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ ค่อยพูดว่า

“ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอย่างแน่นอน...ข้าจะเป็นดวงตาให้เจ้าเอง”

ซู่ซู่...ข้าจะเป็นดวงตาให้เจ้าเอง

ข้าผลักเขาออกห่างอย่างลืมตัว ฝันร้ายในคืนนั้นได้โจมตีเข้าใส่ข้าอย่างดุร้ายอีกครั้ง ข้าหวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

เยี่ยหัวคว้ามือข้าเอาไว้ “ซู่ซู่ เป็นอะไรไป?”

ข้าพูดปดออกไปทั้งที่ฟันสั่นกระทบกัน

“ย...อยู่ดีๆ ก็เกิดง่วงนอนขึ้นมา ท่านไปทำงานของท่านเถอะ ข้าอยากจะนอนสักพัก”

อ้อมแขนที่กาลก่อนแสนจะอาลัยนัก..บุรุษที่กาลก่อนแสนจะอาวรณ์นัก มาบัดนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะทานทนได้

ข้าเพียงแต่ประหลาดใจ ในเมื่อเขาชอบผู้หญิงคนนั้นถึงเพียงนี้ แล้วไยในตอนนั้นถึงได้รับปากคำร้องข้อที่เหลวไหลของข้าเล่า

ตอนนั้น...ตอนนั้น...ช่างน่าเจ็บใจว่าตอนนั้นไม่น่าเลยแท้ๆ


<>::<>::<>


เยี่ยหัวไปแล้ว น่ายน่ายหับประตูเข้าหากันเบาๆ  ข้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยแรง ในสมองปั่นป่วนยุ่งเหยิง เดี๋ยวก็คิดถึงเขาจวิ้นจี๋(๓)แห่งแคว้นบูรพา(๔) เดี๋ยวก็คิดถึงหน้าของเยี่ยหัว เดี๋ยวก็เป็นมีดสั้นเปื้อนเลือด...กับดวงตาของข้าที่ถูกคว้านออกไปคู่นั้น มันเจ็บมาก...เจ็บจนข้าอยากจะร้องไห้ แต่กลับร้องไม่ออก

ข้าคิดว่า รอจนคลอดลูกคนนี้แล้ว ข้าก็จะกลับไปยังเขาจวิ้นจี๋ เริ่มต้นจากที่ใด ก็ควรจะจบลงที่นั้น


<>::<>::<>


ข้านั่งเหม่อลอยไปพักใหญ่อีกแล้ว น่ายน่ายย่องฝีเท้าผลักประตูเข้ามา ร้องเรียกข้าเบาๆ

“เหนียงเนี่ยง เหนียงเนี่ยง ตื่นหรือยังเจ้าคะ?”

ข้ากลั้นเสียงไอออกมาเบาๆ “มีอะไรหรือ?”

น่ายน่ายชะงักเท้าลง “ซู่จิ่นเทียนเฟย(๕) สั่งนางกำนัลส่งเทียบเชิญมาเชิญเหนียงเนี่ยงไปดื่มชาด้วยกันเจ้าค่ะ”

ข้าดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าอย่างหงุดหงิด “บอกไปว่าข้านอนหลับแล้ว”

ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดระยะนี้ซู่จิ่นถึงได้แสดงท่าทีเป็นมิตรกับข้าอยู่บ่อยครั้ง หรือจะเป็นเพราะนางได้ดวงตาของข้าไปแล้ว ทำร้ายข้าจนกลายเป็นคนตาบอด จะมากจะน้อยจึงเกิดนึกละอายใจอยู่บ้าง?

แต่นางเองชัดๆ...นางเองที่ใช้ให้เยี่ยหัวคว้านดวงตาของข้าออกไป

ข้าไม่ใช่สาวน้อยเมื่อสามปีก่อนที่เพิ่งจะมาถึงที่นี่ ตื่นกลัวไปทุกสิ่งแต่กลับคิดจะประจบเอาใจให้ทุกคนหันมาชอบอย่างน่าขันคนนั้นอีกต่อไป


<>::<>::<>


คงจะประมาณตอนบ่าย น่ายน่ายได้เขย่าปลุกข้า บอกว่าแสงแดดสาดมาถึงในลานเรือนพอดี จึงให้ข้าออกไปอาบแดด

น่ายน่ายยกเก้าอี้โยกไปวาง ทำท่าจะประคองข้าไปนั่ง ข้าดันมือนางออก แล้วลองเอามือยันโต๊ะยันกำแพงพยุงตัวค่อยๆ ขยับเดินออกไปเองทีละก้าวๆ

ของพวกนี้เป็นเรื่องจำเป็นทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้น ต่อไปเมื่อกลับไปที่เขาจวิ้นจี๋แล้ว ข้าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเพียงลำพังได้อย่างไร?

อาบแดดไปได้ครู่หนึ่ง ก็เริ่มจะง่วงนอนอีกแล้ว ในระหว่างที่เคลิ้มๆ ดูเหมือนข้าจะฝันอีกด้วย ในความฝัน ข้าได้กลับไปยังเขาจวิ้นจี๋ซานเมื่อสามปีก่อน ตอนที่ได้พบกับเยี่ยหัวเป็นครั้งแรกเช่นเคย

เยี่ยหัวมือถือกระบี่เย็นเฉียบ ตลอดทั้งตัวมีแต่เลือด มาล้มลงตรงหน้ากระท่อมมุงหญ้าของข้า ข้าลนลานลากเขาเข้าไปในกระท่อม ใส่ยาห้ามเลือด แล้วปากอ้าตาค้างมองบาดแผลของเขาสมานตัวเข้าหากันเอง

ทั้งที่ข้าไม่ได้ช่วยชีวิตเขา แต่เขากลับจะตอบแทนให้ได้ ข้าจึงแบมืออย่างจนใจ

“ท่านมาอยู่เคียงคู่ข้าก็แล้วกัน”

ด้วยเหตุนี้จึงได้เป็นสามีภรรยากัน และมีลูกในท้อง

นับตั้งแต่ข้าจำความได้ ก็อยู่ที่เขาจวิ้นจี๋นี้เพียงลำพังมาโดยตลอด ข้างกายมีแต่สิงสาราสัตว์ ดังนั้นข้าจึงไม่มีชื่อ

เยี่ยหัวเรียกข้าว่า “ซู่ซู่” บอกว่านับแต่นี้ไป นี่ก็คือชื่อของข้า ข้าแอบดีใจอยู่เป็นหลายวันเลยทีเดียว

ต่อมา เยี่ยหัวได้พาข้าขึ้นมายังสวรรค์ชั้นเก้าแห่งนี้ ข้าจึงค่อยทราบว่าที่แท้สามีของข้าก็เป็นถึงพระนัดดาของเทียนจวิน(๖)

ตอนนั้น เยี่ยหัวยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท

แต่ในสวรรค์ชั้นเก้าแห่งนี้ ไม่มีใครยอมรับว่าเยี่ยหัวคือสามีของข้า และตัวเยี่ยหัวเองก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้กับเทียนจวินเช่นกัน ว่าเขาได้รับหญิงมนุษย์คนหนึ่งเป็นภรรยาที่ตงฮวง

คืนนั้น ข้ายกน้ำแกงไปให้เยี่ยหัวที่ตำหนักบรรทม รอบๆ ตำหนักไม่มีใครอยู่เฝ้า เสียงตัดพ้อต่อว่าของซู่จิ่นเทียนเฟยดังลอดมาอย่างชัดเจน

“ท่านรับมนุษย์เป็นภรรยา เพียงเพราะจะแก้แค้นที่ข้าแต่งให้กับเทียนจวินใช่ไหม? แต่ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า...ข้าจะทำยังไงได้! หญิงทั่วสี่ทะเลแปดแว่นแคว้น มีใครบ้างที่ปฏิเสธการโปรดปรานของเทียนจวินได้? ฮึก...บอกข้าสิ เยี่ยหัว ว่าผู้ที่ท่านรักยังคงเป็นข้าใช่ไหม? ท่านเรียกนางว่าซู่ซู่ เพียงเพราะว่า...เพียงเพราะว่าในชื่อของข้ามีคำว่า ‘ซู่’ อยู่ใช่หรือไม่?”


<>::<>::<>


เชิงอรรถ

๑.  เหนียงเนี่ยง (娘娘 : niangniang) คำเรียกมเหสีหรือพระสนมของเจ้านายที่เป็นราชนิกุลชั้นสูงด้วยความเคารพ

๒.  ตำหนักสี่อู๋ (洗梧宫 : xi wu gong : สี่อู๋กง) ตำหนักชำระต้นอู๋

๓.  เขาจวิ้นจี๋ (俊疾山 : jun ji shan : จวิ้นจี๋ซาน)

๔.  แคว้นบูรพา (东荒 : dong huang : ตงฮวง) แปลตรงตัวว่า ดินแดนรกร้างทางตะวันออก

๕.  เทียนเฟย (天妃 : tian fei) ในเรื่องเป็นตำแหน่งพระสนมของเทียนจวิน

๖.  เทียนจวิน (天君 : tian jun) จอมเทพผู้ปกครองสวรรค์ ราชาแห่งปวงเทพ หรือก็คือ เง็กเซียนฮ่องเต้

จากคุณ : Linmou
เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 16:53:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com