 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
สองวันมานี้ ข้าไม่สับสนเรื่องเวลากลางวันกับกลางคืนอีกแล้ว ข้ารู้จักใช้หูจับความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแยกแยะเวลาได้
หลังรับประทานอาหารเที่ยง น่ายน่ายวิ่งทะเล่อทะล่าหน้าตาตื่นเข้ามาในเรือน หอบตัวโยนจนหายใจแทบไม่ทัน
เหนียงเนี่ยง! เหนียงเนี่ยง! เมื่อกี้นี้เทียนจวินทรงประกาศราชโองการ ว่าจะ...ว่าจะยกซู่จิ่นเทียนเฟยให้แก่...ให้แก่องค์รัชทายาทเจ้าค่ะ!
ข้ายิ้มเยือน เยี่ยหัวได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทมาได้หลายวันแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้าเท่านั้น แต่จะอย่างไรซู่จิ่นก็ไม่ได้เป็นภรรยาเอกของเยี่ยหัวอยู่ดี เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินมาว่า เมื่อก่อนเทียนจวินเคยทำสัญญาเอาไว้กับป๋ายจื่อตี้จวิน(๘)แห่งแคว้นชิงชิว(๙)ว่า ผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งเทียนจวิน จะต้องรับป๋ายเฉี่ยน บุตรสาวของป๋ายจื่อตี้จวินมาเป็นเทียนโฮ่ว
ท้องกลับเริ่มปวดขึ้นมากะทันหัน
น่ายน่ายร้องโพล่งซ้ำๆ กันเสียงหลง
เหนียงเนี่ยง! เป็นอะไรไปเจ้าคะ?
ข้าเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มไปทางทิศที่เสียงของนางดังมา
สงสัยจะคลอดแล้วล่ะ
<>::<>::<>
ระหว่างที่เจ็บท้องคลอด ข้าหมดสติไปและเจ็บจนได้สติ
ตอนที่ซู่จิ่นเปลี่ยนดวงตา เยี่ยหัวคอยเฝ้านางอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน ขณะที่ในตอนนั้น ข้างกายข้ามีแต่น่ายน่ายอยู่เป็นเพื่อน ในตอนนี้ ข้าจึงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เรียกชื่อของเยี่ยหัวออกมา
แค่นี้ก็น่าสมเพชมากพอแล้ว ดังนั้นจะยอมน่าสมเพชมากยิ่งไปกว่านี้ไม่ได้
น่ายน่ายพูดทั้งร้องไห้ เหนียงเนี่ยง ปล่อยมือข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปตามองค์รัชทายาท ข้าจะไปตามองค์รัชทายาท!
ข้าเจ็บท้องเสียจนพูดไม่ออก ได้แต่ทำปากบอกนางครั้งแล้วครั้งเล่าว่า
น่ายน่าย อยู่เป็นเพื่อนข้าสักครู่ แค่ครู่เดียวเท่านั้น
นางยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
<>::<>::<>
เป็นเด็กผู้ชาย
ข้าไม่รู้ว่าเยี่ยหัวมาตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่ตื่นขึ้นมา เขากำลังกุมมือข้าอยู่ มือทั้งคู่ของเขาเย็นเฉียบ
เยี่ยหัวอุ้มลูกเข้ามาหา พูดว่า เจ้าลูบหน้าเขาได้นะ เขาหน้าเหมือนเจ้ามากเชียวละ
ข้าไม่ได้ขยับ ข้าชอบเด็กคนนี้ แต่ข้าไม่สามารถพาเขาไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่เขาจวิ้นจี๋ได้ ข้าจำเป็นต้องทิ้งเขาไว้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดจงอย่าไปแตะต้องเขา อย่าไปอุ้มเขา อย่าให้ตัวเองเกิดความรู้สึกลึกซึ้งต่อเขามากยิ่งไปกว่านี้
เยี่ยหัวนั่งอยู่ข้างๆ ข้านานมากโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
หลังจากเยี่ยหัวไปแล้ว ข้าเรียกน่ายน่ายเข้ามาตรงหน้า บอกให้ไปบอกเยี่ยหัวว่า ข้าตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า อาหลี(๑๐) ต่อไปขอให้เขาดูแลอาหลีให้ดีๆ
<>::<>::<>
เยี่ยหัวมาเยี่ยมข้าทุกวัน เขาไม่ใช่คนช่างพูดมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนข้าเป็นคนช่างพูด แต่ระยะนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่จึงต่างคนต่างนิ่งเงียบด้วยกันทั้งคู่
เขาไม่ได้พูดถึงพิธีแต่งงานของเขากับซู่จิ่นให้ข้าฟัง น่ายน่ายเองก็เช่นกัน
<>::<>::<>
สามเดือนให้หลัง สุขภาพของข้าดีขึ้นมาก เยี่ยหัวนำผ้ามามากมาย ถามว่าข้าชอบแบบไหน เขาจะตัดชุดแต่งงานให้ข้า
เยี่ยหัวพูดว่า ซู่ซู่ ข้าเคยบอกแล้วว่า ข้าจะแต่งงานกับเจ้า
ข้าย่อมจะรู้ดีว่า เขาก็แค่สงสารข้าเท่านั้น เขาเห็นว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างข้า ซ้ำยังจะตาบอดเข้าอีก แม้จะเป็นการแส่หาเรื่องเอง แต่ขณะที่น่าโมโห มันก็ชวนให้สงสารอยู่มากเช่นกัน
ข้าคิดว่าข้าต้องไปเสียที สวรรค์ชั้นเก้าแห่งนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ข้ารั้งต่อไปได้อีก
น่ายน่ายเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า เราสองคนเดินในเส้นทางจากตำหนักสี่อู๋ไปยังแท่นประหารเซียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า น่ายน่ายประหลาดใจอย่างมาก ข้าบอกนางว่า ข้าชอบดมกลิ่นหอมของดอกบัวตลอดเส้นทางสายนี้
ครึ่งเดือนผ่านไป ข้าสามารถอาศัยความรู้สึกของตัวเองไปกลับระหว่างตำหนักสี่อู๋กับแท่นประหารเซียนได้อย่างคล่องแคล่วไร้อุปสรรคแล้ว
<>::<>::<>
การหลอกน่ายน่ายเป็นเรื่องง่ายดายมาก เมื่อมายืนอยู่บนแท่นประหารเซียน หัวใจข้าเบาโหวงเหมือนสายลม อาหลีมีน่ายน่ายช่วยดูแล ข้าวางใจอย่างยิ่ง
แต่แล้วอยู่ๆ ข้าก็อยากจะบอกเยี่ยหัวอีกครั้งเหลือเกินว่าข้าไม่ได้ผลักซู่จิ่น ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
ตอนอยู่บนเขาจวิ้นจี๋ เยี่ยหัวเคยให้กระจกทองเหลืองแสนสวยแก่ข้าบานหนึ่ง ในตอนนั้น เขาต้องไปที่ที่ไกลแสนไกลเพื่อทำธุระที่สำคัญอย่างมาก ข้าอยู่คนเดียวแล้วเหงา เขาจึงล้วงของวิเศษนี้ออกมาจากกระเป๋าในแขนเสื้อ แล้วบอกข้าว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงข้าหันหน้าหากระจกแล้วเรียกชื่อเขา เขาก็จะได้ยิน และหากเขาไม่ได้กลังยุ่งอยู่ เขาจะเป็นเพื่อนคุยให้ข้า
ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดเมื่อมาถึงสวรรค์ชั้นเก้านี่แล้ว ข้าจะยังคงพกกระจกบานนี้ติดตัวอยู่ คิดว่าคงเป็นเพราะนี่คือของเพียงชิ้นเดียวที่เยี่ยหัวมอบให้ข้ากระมัง
ข้าหยิบกระจกออกมา ไม่ได้เรียกชื่อเขามานานมากเสียจนชักจะไม่คุ้นปาก ข้าพูดว่า
เยี่ยหัว
เว้นช่วงไปนานมาก ริมโสตจึงค่อยมีเสียงของเขาดังขึ้นว่า
ซู่ซู่?
ข้าลืมไปแล้วว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างๆ จึงเผลอพยักหน้าตอบช้าๆ แล้วเอ่ยปากอีกครั้งอย่างยากเย็น
ข้าจะกลับเขาจวิ้นจี๋แล้ว ไม่ต้องออกตามหาข้านะ ข้าคนเดียวอยู่ได้สบายมาก ช่วยดูแลอาหลีให้ข้าด้วยล่ะ เมื่อก่อนข้าเคยฝันมาตลอดว่าสักวันจะได้จูงมือเขาดูดาวดูจันทร์ ดูทะเลเมฆแสงอาทิตย์เป็นเพื่อนเขาพลางเล่าเรื่องบนเขาจวิ้นจี๋ของพวกเราให้เขาฟัง ตอนนี้เกรงว่าคงไม่อาจทำแบบนั้นได้เสียแล้ว นิ่งคิดอยู่ครู่ ค่อยเสริมว่า อย่าบอกเขานะว่าแม่ของเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เทพเซียนบนสวรรค์ต่างค่อนข้างจะดูถูกมนุษย์กันทั้งนั้น
ทั้งที่เป็นคำพูดจากลาธรรมดาๆ แท้ๆ พริบตานั้นน้ำตากลับพาลจะไหลออกมาเอาดื้อๆ
ข้ารีบเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ก่อนจะนึกขึ้นได้กะทันหันว่า ข้าไม่มีดวงตาอยู่แล้ว น้ำตาจะไหลออกมาได้ยังไง?
เสียงของเยี่ยหัวดูจะข่มกลั้นอารมณ์อยู่เล็กน้อย
จ...เจ้าอยู่ที่ไหน?
แท่นประหารเซียน ข้าตอบ ซู่จิ่นเซียนเฟยบอกข้าว่า กระโดดลงไปจากแท่นประหารเซียนแล้ว ข้าก็จะสามารถกลับไปที่เขาจวิ้นจี๋ได้ ตอนนี้ข้าชินกับการมองไม่เห็นอะไรแล้ว เขาจวิ้นจี๋เป็นบ้านเกิดของข้า แถวๆ นั้นข้าคุ้นเคยมากทั้งสิ้น ข้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียวย่อมไม่มีทางไม่สะดวกอยู่แล้ว
เยี่ยหัวตัดบทข้าอย่างรวดเร็ว
ซู่ซู่ เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นอย่าขยับนะ ข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้
สุดท้ายข้าก็ไม่มีความกล้าที่จะแก้ตัวกับเขาอีกครั้งอยู่ดี ว่าตอนนั้นข้าไม่ได้เป็นคนผลักซู่จิ่น เพราะสุดท้ายแล้วเขาจะไม่มีทางเชื่อข้า ส่วนข้าเองก็ไม่สามารถทนความผิดหวังและไม่เชื่อถือของเขาได้อีก
ข้าพูดว่า เยี่ยหัว ข้าปล่อยท่านไป ท่านเองก็ปล่อยข้าไปเถิด นับแต่นี้เราสองคนต่างไม่ติดค้างกันอีกเถอะนะ
กระจกทองเหลืองร่วงตกจากมือดังเคล้ง! กลบบังเสียงแทบตวาดจะเป็นบ้าคลั่งของเยี่ยหัว
เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นนะ!! ห้ามกระโดดลงไป...
ข้าพลิกตัวกระโดดลงจากแท่นประหารเซียน
เยี่ยหัว...ข้าไม่ต้องการสิ่งใดจากท่านอีกแล้ว ดีเหลือเกิน...
ในตอนนั้น...ข้าไม่ทราบว่า คำว่า ประหารเซียน ของแท่นประหารเซียน เพียงแต่ประหารฆ่าพลังการบำเพ็ญเพียรของเทพเซียนเท่านั้น แต่หากมนุษย์กระโดดลงสู่แท่นประหารเซียน กลับจะสูญสลายกลายเป็นเศษเถ้า
ในตอนนั้น...ข้าไม่ทราบเช่นกันว่า...ความจริงแล้วข้าไม่ใช่มนุษย์
<>::<>::<>
เชิงอรรถ
๘. ป๋ายจื่อตี้จวิน (白止帝君 : Baizhi di jun) ป๋ายจื่อ (白止) เป็นชื่อ ตี้จวิน (帝君) คือตำแหน่งเทพระดับผู้ครองแคว้น ฐานะทัดเทียมกับ เทียนจวิน (天君) จอมเทพแห่งสวรรค์
๙. แคว้นชิงชิว (青丘国 : Qing qiu guo : ชิงชิวกว๋อ) ชิงชิว แปลว่า เนินสีเขียว, กว๋อ แปลว่า แคว้น
๑๐. อาหลี (阿离 : a li) อา เป็นคำเรียกนำหน้าชื่อทั่วๆ ไป, หลี แปลว่า พรากจาก
จากคุณ |
:
Linmou
|
เขียนเมื่อ |
:
22 มี.ค. 53 16:58:50
|
|
|
|
 |