Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
I'm here  

ครั้งแรกของการโพสลงถนนนักเขียนค่ะ  ติชมกันตามสบายเลยค่ะ



I’M HERE

         ภายใต้ซากอาคารเก่าหลังหนึ่ง ความเงียบและมืดมิดแทรกซึมไปทั่วทุกแห่ง “เธอ” นอนนิ่งท่ามกลางเศษวัตถุของสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น อดีตของห้องเรียน

         …พ่อแม่ของเธอตกลงกันว่าเมืองเล็กๆที่เงียบสงบนั้นเหมาะสำหรับเธอ ผู้คนอบอุ่นและอากาศสดชื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับการใช้ชีวิต  ทุกสิ่งที่เธอจะต้องเจอคือการเริ่มต้นใหม่  วันนี้เป็นวันแรกของเธอกับโรงเรียนแห่งนี้  สังคมใหม่ๆและเพื่อนใหม่  ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอาลัยกับสิ่งที่ผ่านมาเพราะเธอไม่เคยมีเพื่อนเก่า  ในครั้งนี้คงไม่ต่างกัน  แค่มาเรียน ทำตัวกลมกลืนแล้วก็ปล่อยให้เวลามันผ่านไป…

        เธอนอนนิ่งในความมืดเพื่อตั้งสติเพียงชั่วครู่จึงลองขยับตัว  ไม่บาดเจ็บ ที่ขาเหมือนมีอะไรกดเอาไว้แต่ยังพอขยับตัวได้  โชคดีที่โต๊ะและเก้าอี้ช่วยกันไม่ให้ผนังและเพดานถล่มลงมาทับเธอ เหลือแค่เพียงรอให้มีใครมาช่วยเท่านั้น  แต่ใครจะมา  ใครจะรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้  แล้วนักเรียนในห้องล่ะทำไมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย  คนอื่นๆคงบาดเจ็บหรือไม่ก็ตายไปหมด  เธอเองก็คงจะต้องตายเหมือนคนอื่น  ใต้ซากอาคารที่มืดมิด  ไม่มีใครค้นหา ไม่มีใครได้ยิน

         มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาข้างๆตัวเธอฟังดูคล้ายใครบางคนกำลังพยายามขยับตัว “มีใครอยู่ตรงนั้น” เธอลองส่งเสียงออกไปแต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา บ้าจริงเธอคงฟังผิดไปเอง  “ชั้นโจ นั่นใคร?” เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงของเด็กหนุ่ม “แอน” เธอตอบกลับไป “แอนเหรอ? นักเรียนที่ย้ายมาใหม่นี่  บาดเจ็บหรือเปล่า?”  “เปล่า”   “อืม ดีแล้วล่ะ  เธอหิวไหม?ชั้นพอมีน้ำอยู่นิดหน่อย”  “ชั้นขยับตัวไม่ได้” เธอตอบพลางใช้มือขวาคลำไปรอบๆ   ความมืดมิดทำให้เธอแยกไม่ออกว่าสิ่งที่สัมผัสอยู่คืออะไร  แต่แล้วเธอก็สัมผัสเข้ากับมือของใครบางคน “โชคดีเป็นบ้า!” เสียงเขาร้องตอบมาจากอีกฝากของเศษอาคาร  “ตรงนี้มันมีช่องอะไรแปลกๆชั้นเดาว่ามันคือเก้าอี้  เลยลองยื่นมือเข้าไปไม่นึกเลยว่าจะทะลุไปถึงเธอ เดี๋ยวชั้นส่งน้ำไปให้นะ”

         ตั้งแต่ที่เธอได้พบกับเขาเวลาก็ล่วงเลยไป ทั้งสองคนลองส่งเสียงเรียกเผื่อว่าจะมีใครที่รอดชีวิตอยู่  แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา แม้กระทั่งเสียงจากภายนอกก็ไม่มี  “นี่รู้ไหมว่ากี่โมงแล้ว?” เสียงร่าเริงจากเด็กหนุ่มร้องถาม “ไม่รู้”  “ไม่มีนาฬิกาเหรอ? ทีหลังหัดพกบ้างนะ”  “นาฬิกาน่ะมี  แต่มองไม่เห็น” เสียงหัวเราะกวนประสาทดังมาจากอีกฝั่งของเก้าอี้  น่ารำคาญจริงๆ เธอคิดในใจ  ตั้งแต่เจอกันไอ้หมอนี่ก็พูดไม่หยุดเลย  ทั้งเรื่องที่โรงเรียน เรื่องเพื่อนหรือแม้แต่เรื่องที่บ้าน “เธอไม่เล่าเรื่องเพื่อนที่โรงเรียนเก่าให้ฟังหน่อยเหรอ?”   “ฉันไม่มี”  “โกหก  ในโลกนี้ไม่มีใครหรอกที่ไม่มีเพื่อน  อย่างเราสองคนก็เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ  เพื่อนตายด้วยนะ ฮะฮะ”  เธอรู้สึกรำคาญเต็มทนจึงขึ้นเสียงตอบกลับไป “เลิกหัวเราะซะที่ได้ไหม มันน่ารำคาญรู้ตัวหรือเปล่า  คำว่าเพื่อนของเธอกับชั้นมันต่างกัน  เราสองคนเจอกันตอนนี้ก็จริงแต่ถ้าเราไม่รอดมันก็จบ แล้วถ้าใครคนใดคนหนึ่งรอดหรือรอดทั้งคู่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสนิทสนมแล้วเป็นเพื่อนกันตลอดไป  เข้าใจใช่ไหม? ” “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากว่ามีเพื่อนมันซับซ้อนขนาดนี้  เธอทำให้เรื่องมันยากเกินไปรู้ไหม  ดูอย่างวันนี้สิ  เราไม่รู้จักกันโรงเรียนยังถล่มลงมาให้เราได้มานอนคุยกันเลย  แล้วใครจะรอดใครจะตายจะต้องไปสนใจทำไม  ถึงวันนี้ไม่เกิดเรื่องเราก็ต้องเรียนห้องเดียวกัน  แล้วคนที่เรียนห้องเดียวกันเค้าเรียกว่าอะไรรู้ไหม  เพื่อนร่วมชั้น  เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เธอเหยียบเข้าห้องเรียนมาแล้ว”  “พอเถอะ ชั้นจะนอน” เธอคิดว่ามันคงเป็นวิธีดีที่สุดที่จะจบการสนทนา  “ก็ดี  นอนนิ่งๆก็ดีเหมือนกัน งดใช้พลังงาน  นี่...ชั้นฝากขวดน้ำไว้ที่เธอได้ไหม  ถ้าหิวก็ดื่มตามสบายเลยนะ  ชั้นนอนหลับแล้วตื่นยากน่ะ”  เธอรับขวดน้ำมาจากเขาแล้วจึงหลับตาลง

         ทุกนาทีที่ผ่านไปความอ่อนล้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  น้ำในขวดหมดมาได้สักพักใหญ่  ต่อจากนี้ไปคงต้องหวังพึ่งแต่โชคชะตาเท่านั้น  โจบอกว่ายังไงก็ต้องมีคนมาช่วยเราออกไป  “โชคดีจริงๆที่มาติดอยู่ในโรงเรียน  เพราะโรงเรียน โรงพยาบาล  สถานที่ราชการ ยังไงคนก็ต้องสนใจแล้วรีบมาช่วยแน่ๆ  ดีที่วันนี้ไม่โดด ถ้าโดนฝังที่บ้านไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาขุด”  เป็นตรรกะที่สุดยอดจริงๆ  ตอนที่ได้ยินเธอก็รู้สึกมีความหวังขึ้นบ้าง  แต่ขณะนี้มันอาจจะไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้  ยังไม่มีใครมาช่วยเธอเลย  ไม่มีแม้แต่เสียงจากภายนอก  จากตรงนี้ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น  ไม่รู้ว่ากลางวันหรือกลางคืน  หากวัดจากความเหนื่อยล้าตอนนี้น่าจะย่างเข้าวันที่สาม ถ้าพ้นวันนี้ไปเธอคงทนไม่ไหวอีกแล้ว   “ตื่นอยู่หรือเปล่า?” เธอร้องเรียกเขา  “อืม  มีอะไรเหรอ?”  “ชั้นคงไม่ไหวแล้วล่ะ  ถ้าหากมีคนมาช่วยแล้วเธอรอดไปได้ชั้นฝากนาฬิกาเรือนนี้ไปให้คนที่บ้านชั้นได้ไหม”  เธอพูดพร้อมกับถอดนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ส่งไปให้เขา “จะบ้าเหรอ!! มาตายง่ายๆได้ยังไง” “ยังไม่ตายตอนนี้ แค่เผื่อไว้”  เขาเงียบไปสักครู่ก่อนตอบกลับไป “ชั้นไม่มีของมาแลก  เก็บขวดน้ำไว้ละกัน  เจอครอบครัวชั้นบอกด้วยว่าขวดน้ำของลูกชาย”  ไอ้บ้าใครจะไปเชื่อแค่ขวดธรรมดาๆ  นั่นคือสิ่งที่เธออยากจะตอบกลับไปแต่เธอทำได้แค่บอกตกลง  แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย

         เธอจำไม่ได้ว่าวูบหลับไปตอนไหน จำไม่ได้แม้แต่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  แสงสว่างและเสียงจอแจประหลาดทำให้เธองุนงง ในสถานพักฟื้นแห่งนี้มีผู้คนมากมายที่บาดเจ็บจากอาคารถล่ม  เมื่อเช้าพ่อกับแม่เข้ามาเยี่ยมแล้วบอกว่าพรุ่งนี้เธอคงได้ออกจากสถานพักฟื้น  ข้างกายเธอไม่มีขวดน้ำของเขา  แน่ล่ะใครจะหยิบของแบบนั้นมาจากซากอาคาร  “ไม่มีผู้รอดชีวิต” คือคำตอบจากพยาบาลที่มาดูแลอาการให้เธอ “ผู้บาดเจ็บและรอดชีวิตจากโรงเรียนจะถูกส่งตัวมารักษาที่นี่เท่านั้นเพื่อให้ครอบครัวมาติดต่อได้สะดวก  ตอนนี้ก็พักผ่อนก่อนนะคะ” พยาบาลเก็บแก้วน้ำและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เธอแล้วจึงหันหลังเดินออกไป  “เพื่อนของชั้น  ผู้ชายที่มีนาฬิกาสีฟ้า”  พยาบาลหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมามองเธอที่นอนอยู่บนเตียง “ผู้ชายที่มีนาฬิกาสีฟ้าคนนั้นที่อยู่ข้างๆชั้น  เขาก็ไม่อยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ?”  “ในบริเวณที่เจอคุณทีมช่วยเหลือพบนักเรียนชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ทางเราพยามช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถแล้วแต่ก็สายเกินไป  ในสถานการณ์แบบนั้นสามารถทนพิษบาดแผลถึงสามวัน ก็ถือว่าเข้มแข็งมากแล้วค่ะ  ตัวคุณเองก็พักผ่อนให้มากๆแล้วใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งเพื่อเพื่อนคนนั้นด้วยนะคะ”  พยาบาลยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนแล้วเดินจากไป

จากคุณ : tibby-bibty
เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 18:04:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com