 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
นาน...ราวเธอต้องการจะวัดความอดทน แต่น่าเสียดายเรื่องการรอคอยและฉวยโอกาสน่ะ ผมผ่านมาเยอะ ในที่สุดเธอจึงยอมยกธงขาวด้วยการพูดเสียงเรียบ แต่ก็ฟังอ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อย ใช่...เธออ่อนลง ไม่ใช่เพราะใจผมอ่อนหรอกนะ
ที่เรารู้จักกัน ไม่ได้แปลว่าชีวิตเราต้องมาเกี่ยวพันกันเสมอไปหรอกนะ มันเป็นความสัมพันธ์ที่อาจพัฒนาได้เท่านั้นเอง แต่ความจริง...เราเกิดมาคนเดียว ตายคนเดียว ทำไมต้องเอาตัวเองไปผูกมัดกับใครด้วยละ
นานมาแล้ว ผมจำไม่ได้ว่าใคร แต่เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่าผู้หญิงไม่ใช่เพศที่ชอบผูกมัดเสมอไป ความจริงเธอรักอิสระเหมือนนกน้อยที่ปรารถนาจะบินไปในท้องฟ้ากว้าง แต่ที่ผู้หญิงต้องผูกมัดเพราะเธอต้องการความมั่นคง ถ้าผู้หญิงคนไหนมีความมั่นคงในตัวเองพอ เธอจะไม่มีวันถูกใครมัดไว้อย่างเด็ดขาด
เวลานี้ผมคิดว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับผู้หญิงแบบนั้น
เธอมั่นคงเสียจนคล้ายไม่แยแสต่ออะไรทั้งสิ้น
คุณคิดกับผมแค่นั้นเองเหรอ...แค่คนที่ผ่านเข้ามารู้จักกันเท่านั้นน่ะเหรอ
กระทั่งคนพูดอย่างผมยังรู้ได้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปบอกความรวดร้าวมากขนาดไหน แถมยังปนความวิงวอนอย่างที่ผมไม่อยากเชื่อว่าจะหลุดออกจากปากตัวเอง
แต่แค่คิดว่าเธอไม่ได้สนใจผมเลย หัวใจผมก็เจ็บขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว เธอเงียบไปนาน ก่อนจะยอมตอบ คุณก็รู้ว่าไม่ใช่
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงคำพูดประโยคเดียวสั้น ๆ ของเธอจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ได้ขนาดนี้
คุณจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของฉัน เพียงเพราะเราไม่ใช่แค่คนที่ผ่านมารู้จักกันอย่างนั้นเหรอ
อีกครั้งแล้วที่ผมได้แต่เงียบ ไม่มีคำตอบ และอารมณ์ก็เริ่มจะเย็นลงเมื่อคิดตามสิ่งที่เธอกำลังพูด เสียงหวาน ๆ นั้นคล้ายมีอำนาจสะกด และผมก็ไม่สามารถจะต้านทานได้
คนที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ฉันที่อยู่ในปัจจุบันหรอกเหรอ แล้วคุณที่ขับรถอยู่ก็คือคุณในปัจจุบันที่ฉันรู้จัก ทำไมต้องไปสนใจกับความฝันหรืออดีตอะไรด้วย
แปลว่าเราเคยมีอดีตร่วมกัน ผมจับเฉพาะบางคำของเธอมาสรุปเอาเองหน้าตาเฉย ก่อนจะคิดไปถึงช่วงเวลาเกือบปีที่ผมกลายเป็นเจ้าชายนิทราและนอนอยู่บนเตียงโดยไร้สติ
หลังตื่นขึ้นมา ผมก็เริ่มฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนจะมาพบเธอ...ผู้หญิงที่ผมเชื่อว่าเป็นคนในฝัน
ตอนผมเป็นเจ้าชายนิทราเหรอ
อย่างคุณน่ะนะเจ้าชายนิทรา เธอย่นจมูกอย่างน่ารัก เจ้าชายอสูรละไม่ว่า
ถ้าคุณยอมเป็นบิวตี้ ผมว่า...การเป็นเดอะบีสต์คงไม่เลวร้ายเท่าไร เป็นคำจีบสาวที่ไม่เข้าท่าเอามาก ๆ เลยในความรู้สึกผม แต่เชื่อว่าถ้าออกจากปากผมแล้วก็คงพอทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนเคลิ้มได้ไม่ยาก เว้นก็แต่คนข้าง ๆ ผมนี่ละ
เธอไม่ได้พูดโต้ตอบ แต่จากหางตาผมเห็นว่าเธอแลบลิ้นแผลบ ทำท่าคล้ายจะอาเจียน อยู่ดี ๆ บรรยากาศในรถก็ดีขึ้นทันตาเห็น
เธอยื่นมือไปกดปุ่มเครื่องเสียงในรถยนต์ให้เปลี่ยนจากวิทยุมาเล่นซีดีเพลงที่ผมใส่ไว้ เสียงเพลงทุ้มนุ่มจากนักแต่งเพลงลูกเสี้ยวอิตาเลียนที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษสำหรับคนรักของเขาดังขึ้นทันที
Its like a dream where I met you...who lighted up my world, my crimson world n for sure...Ive still remembered...how I met you membered the softness in your eye...reflected by the blue light membered the braw blooming blossom...you hold intangibly at that night membered every word you forced me to fight Not against anyone.......but for myself...
ผมใส่ซีดีแผ่นนี้ไว้ตั้งแต่วันที่เริ่มฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง รอว่าสักวันจะได้พบเธอในความเป็นจริง และผมอยากจะบอกเธอเหมือนในบทเพลงนี้
คุณเคยมีแฟนไหม อยู่ดี ๆ เธอก็เอ่ยคำถามขึ้นมา
เอ่อ...ปกติผมไม่เรียกว่าแฟน ก็เลยไม่เคยมี แต่อาจจะมีคนแรก ถ้าคุณยอมเป็น
คุณไม่เรียกผู้หญิงที่คุณควงไปไหนต่อไหนว่าแฟนเหรอ
เพื่อน...พวกเธอเป็นแค่เพื่อน ผมบอกหน้าตาเฉย เรื่องอะไรจะให้เติมคำ ต่อท้ายแบบที่พวกผู้ชายชอบพูดกันละ ผู้หญิงอย่างเธอได้โกรธคนควันออกหูเอาน่ะสิ
เพื่อนบนเตียง... เธอเอ่ยคำเสียงแหลม หันมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ผมได้แต่กลอกตาไปมาแล้วถอนใจยาว เพื่อนเฉย ๆ ครับ...ถึงผมจะเจ้าชู้แต่ก็ยังให้เกียรติผู้หญิง ปกติเราคบกันแบบเพื่อน เพียงแต่วันดีคืนดีเกิดพอใจกันบ้างก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ
อ้อ...ฉันไม่น่าลืมว่าคุณเป็นพวกลูกครึ่งหัวนอก เธอยังอดแขวะไม่ได้ แล้วคุณจำวันแรกที่คุณเจอเพื่อนคุณได้ไหม
ใครมาเจอคำถามอย่างผมก็คงต้องอึ้ง โธ่...เพื่อนผมอาจมีไม่ถึงร้อยแต่ก็คงเกินสิบ แล้วจะให้เอาสมองที่ไหนไปจำไปใส่ใจกับแค่วันแรกที่เจอละครับ
ไม่...แต่ผมจำวันแรกที่เจอคุณได้นะ ผมบอกเป็นการเอาใจ และแน่นอนว่าผมจำได้จริง ๆ เพราะวันนั้นผมบันทึกใส่ตารางงานไว้เรียบร้อยว่านัดกับเพื่อนรักไว้ที่ห้องอาหารฝรั่งเศส
เธอหัวเราะ คุณจำไม่ได้หรอก... เสียงใส ๆ เอ่ยกึ่งยั่วเย้าทำให้ผมอยากจะคว้าเธอมากอดจริง ๆ แต่ขืนทำแบบนั้นสิ นอกจากจะเสี่ยงกับอุบัติเหตุเพราะการปล่อยมือออกจากพวงมาลัยแล้ว ผมคงต้องเสี่ยงกับเบ้าตาดำ ๆ เพราะหมัดเล็ก ๆ ของเธอด้วยแน่ ๆ
และฉันก็ไม่หวังให้คุณจำได้ เธอทอดเสียงนุ่ม ก่อนที่ผมจะหยุดรถลงหน้าร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเขตชานเมือง เธอคลี่ยิ้มกว้างเมื่อหันมามองหน้าผม หิวแล้วเหรอ
เปล่า...แต่ถ้าไม่กินข้าว ผมกลัวจะอดใจไม่ไหวแล้วเผลอกินคุณ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงอายแก้มแดง หรือไม่ก็หัวเราะยั่วยวนแล้วบอกให้ผมกินเธอซะ แต่มีข้อยกเว้นเสมอสำหรับผู้หญิงคนนี้ เธอแค่ยิ้มแล้วมองจ้องตาผมด้วยความเชื่อมั่น
คุณไม่เผลอทำอย่างนั้นหรอก... ถ้าเธอพูดแค่นั้นผมก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะอดใจไหว แต่ประโยคต่อมาของเธอนี่สิ บังคับกันชัด ๆ ฉันเชื่อในเกียรติของคุณ
มีแค่คนที่คุ้นเคยและรู้จักกันดีพอเท่านั้นจึงจะกล้าเชื่อใจในเกียรติกันเช่นนี้ หรือไม่อย่างนั้นเธอก็คือผู้หญิงที่มีแค่คำพูดสวยหรูโดยปราศจากการระวังตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าเธอเป็นแบบแรก ในแววตาที่มองสบตากับผมบอกชัดว่าเธอมั่นใจในตัวผม มั่นใจมากเสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถจะทรยศความมั่นใจนี้ได้
ผมพาเธอเข้าไปในร้านอาหาร บรรยากาศเรียบง่าย สบาย ๆ ในร้านเล็ก ๆ นั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกได้ว่านี่น่าจะเป็นร้านกาแฟเสียมากกว่า ส่วนรายการอาหารไม่กี่อย่างนั้นก็คงจัดไว้สำหรับลูกค้าที่สนใจ แต่คงไม่ได้ให้บริการเป็นร้านอาหารเต็มขั้น เธอเองก็คงสังเกตได้จึงเลือกสั่งเพียงมอคค่าเย็นหนึ่งแก้ว แล้วหันมาเอียงคอมองผม ก่อนจะหันกลับไปคลี่ยิ้มให้พนักงานสาว อีกที่ขอเป็นเอสเพรสโซ่ร้อนค่ะ
เมื่อพนักงานเดินออกไปนั่นละ เธอก็คลี่ยิ้มหวานบอกผม เอสเพรสโซ่...คุณโอเคไหม
คุณน่าจะถามผมก่อนจะสั่งนะ ผมอดแย้งไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเอสเพรสโซ่เป็นกาแฟรสประจำของผม
เธอเดินไปหยิบนิตยสารที่วางอยู่บนชั้นในร้านมาเปิดอ่านบนโต๊ะ เอ่ยคำโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว คุณเป็นผู้ชายรสเข้ม เหมือนเอสเพรสโซ่นั่นละ ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าทั้งรสและกลิ่นชวนให้ลิ้มลองแค่ไหน แต่พอแตะลิ้นครั้งแรก...รสจะขม ขมจนไม่อยากลองอีก มีไม่กี่คนหรอกที่ลองจิบต่อไปจนรู้ถึงเสน่ห์ที่แท้จริงของกาแฟรสเข้ม
สาบานสิว่าเธอกำลังวิจารณ์ผมอยู่ ผู้หญิงอะไรมาว่าคนอื่นเป็นพวกหัวนอก แต่ตัวเองนั่งวิจารณ์ผู้ชายอย่างหมดมาดกุลสตรี
แต่ถึงเอสเพรสโซ่จะหอมอร่อยแค่ไหน...เราก็มีหน้าที่แค่ดื่ม ไม่ได้ลงไปสาวหาแหล่งผลิตหรือวิธีชงไม่ใช่เหรอ
คุณอยากบอกว่าอะไรกันแน่ ผมตัดสินใจถามตรง ๆ มันง่ายกว่ากันเยอะในการจะพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ เธอมีเรื่องให้ผมรับมือไม่ถูกอยู่เสมอ
มอคค่าเย็นแก้วใหญ่ถูกยกมาเสิร์ฟ พร้อมกับเอสเพรสโซ่ร้อนในถ้อยดินเผาใบเล็กแสดงให้เห็นถึงปริมาณที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ฉันแค่กำลังคิดว่า ทำไมคุณถึงติดใจกับความฝันนัก...เมื่อมันคืออดีต เป็นเหมือนขั้นตอนกระบวนการที่บังเอิญทำให้คุณสนใจแล้วไปขู่เข็นฉันให้เราเริ่มทำความรู้จักกัน เธอค้อนใส่ผมเมื่อพูดถึงเรื่องที่ผมไปหาเธอที่คอนโดฯเพื่อจะขอให้เธอลองทำความรู้จักผมดู
ทำไมเราไม่มองแค่ปัจจุบัน แค่วันนี้ฉันตัดสินใจเดินมาอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว เรารู้จักกันแล้ว คุณเห็นฉันที่เป็นฉันในปัจจุบันตรงนี้ไม่พอหรือ
ผมได้แต่นิ่งเงียบ รู้ดีว่าเธอพูดไม่ผิดจริง ๆ เมื่ออดีตผ่านไปแล้ว ความฝันที่ทำให้ผมโหยหา คลั่งไคล้ในตัวผู้หญิงคนหนึ่งก็จบลงแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ เวลานี้ต่างหากที่ผมควรใส่ใจ
วินาทีที่มีเธอยู่ตรงหน้านี้ต่างหากที่ผมควรจะเรียนรู้และก้าวไปกับเธอ
ความสัมพันธ์ของเราเปราะบางเหลือเกิน เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใครจะมัดเอาไว้ง่าย ๆ และผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะหยุดลงตรงไหนง่าย ๆ เพียงเสี้ยววินาทีที่เราบังเอิญผ่านมาเจอกัน ผมกลับคิดจะสาวเอาเรื่องราวทั้งหมดของเราออกมา
ทั้งที่คำว่าเรา...ยังไม่ทันได้เริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ
นิยามแปลก ๆ ของความสัมพันธ์ทำให้ผมได้แต่นั่งถอนใจ เอสเพรสโซ่ในถ้วยหมดลงแล้ว แต่ความคิดยังไม่หยุด
เสี้ยวใหญ่ ๆ ของความรู้สึกบอกผมว่าคนตรงหน้าผมมีความสำคัญอย่างยิ่งจนผมอยากจะรู้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และทุก ๆ สิ่งที่เป็นตัวเธอ
ผมอยากรู้จัก...ทั้งหมดที่เป็นคุณ พอเอ่ยคำพูดไป เธอก็เงยหน้าขึ้นจากหนังสือมามองหน้าผม
ใบหน้าเรียวไม่ได้สวยเลิศเลอนั้นเอียงคอน้อย ๆ ก่อนที่เธอจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ กอดอกจ้องหน้าผมนิ่ง ฉันที่นั่งอยู่ตรงหน้าคุณ ไม่ใด้มีทั้งหมดที่เป็นตัวฉันเหรอ...หรือคุณอยากรู้จักผู้หญิงในความฝันคุณมากกว่า ถ้าอย่างนั้นฉันคงหามาให้คุณไม่ได้หรอก
เธอจ้องหน้าผมอย่างรอคำตอบ แต่ผมไม่ต้องใช้เวลาในการคิดก็ตอบได้ทันที คุณ...คุณนั่นละที่ผมอยากรู้จัก
เมื่อได้คำตอบ ความสงสัยก็ถูกวางลง เรื่องราวจะเป็นมาอย่างไรผมไม่รู้ ตอนนี้รู้แค่ว่าผมเคยฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง และผมเชื่อว่าเธอคือคนคนนั้น แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ เธอที่อยู่ตรงหน้าผมคือคนที่ไม่ใช่แค่ฝัน และคือคนที่ผมอยากจะรู้จักให้มากขึ้นทุกวัน
ไม่ต้องมีอดีต ไม่ต้องมีเหตุผล แค่วันนี้ วินาทีนี้ ให้เราได้เรียนรู้กัน
ความสัมพันธ์บางครั้งก็ซับซ้อน แต่บางคราวก็เรียบง่ายอย่างน่าตกใจ
ผู้หญิงตรงหน้าผมคือสายสัมพันธ์ที่เรียบง่าย และเปราะบางราวใยบัวที่พร้อมจะขาดไปทุกขณะ ผมจึงอดไม่ได้ที่จะทะนุถนอมและดูแลไว้ให้ดีที่สุด
บางที...มนุษย์เพศผู้ก็แปลกตรงนี้เอง สายใยใดที่ร้อยรัดจนแน่นเหนียว เราจะอึดอัดและอยากแกะทิ้ง แต่เมื่อวันหนึ่งเราได้พบกับใยบาง ๆ ที่พร้อมจะขาดไป เรากลับยอมใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อเฝ้าถนอนดูแลสายใยนั้นไว้ -------------------
คุณอาราเร่ 
คุณgoldensun : คราวนี้ไม่รุกอย่างเดียวแล้วค่ะ เขาร้ายอีกด้วยละ แหะ ๆ
คุณ scottie : ที่ต้องหนีเพราะว่า...ง่า...แปะโป้งไว้เฉลยเรื่องต่อไปนะคะ (เพราะเชื่อใจ(Because of Trust)ค่ะ)
คุณเรียวรุ้ง : มาส่งตอนต่อไปแล้วเจ้าค่ะ
---------------------- และโปรดติดตามเรื่องต่อไป "เพราะเชื่อใจ(Because of Trust)"
จากคุณ |
:
Argent
|
เขียนเมื่อ |
:
22 มี.ค. 53 21:52:26
|
|
|
|
 |