Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Sinner Redeems (๒)  

๑. http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9018703/W9018703.html

###

คุณ scottie @ อ๊าย สลับกันจริงด้วย  แก้โดยพลันขอรับ
ผู้เสกทรายจบแล้วค่ะ  ไปหาได้ที่แจ่มใส หรือเอนเธอร์บุ๊คค่ะ (เอนเธอร์บุ๊คเป็นสนพ.แฟนตาซี ในเครือแจ่มใส) บอกเขาว่าผู้เสกทรายครบชุดภาคหนึ่งภาคสอง  จะได้มาสามเล่มค่ะ (ภาคหนึ่งออกไปตอนเดือนกันยาปีที่แล้วขอรับ)
แหม่ กินของเค็ม ๆ นาน ๆ ก็อยากกินของหวาน ๆ กินของหวาน ๆ นาน ๆ ก็อยากกินของเค็ม ๆ นะขอรับ (._.')

คุณริเวอร์ @ ขอบคุณค่า^^
(ว่าแต่แห้วอะไรอะคับ)

หนมจีน @ ตอนนี้มีแนวคิดใหม่ (จริง ๆ ก็ไม่ค่อยใหม่แล้ว) ว่า survival for the fittest เป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว  ซึ่งหมายความว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความจริง  แต่ไม่ใช่ความจริง "ทั้งหมด" น่ะ
ที่จริงระยะหลัง เริ่มมีการต่อต้านการมองโลกแบบดาร์วินเก่า  เพราะการมองแบบนั้นทำให้รู้สึกว่า ขอแค่แข็งแรงที่สุดก็พอแล้ว  แต่ผลกลับกลายเป็นว่า พอคน "แข็งแกร่ง" มาก ๆ ก็เลยทำโลกเน่าอย่างที่เห็น  เพราะคิดว่านี่ไง กรูเก่งที่สุดแล้ว  กรูจะทำอะไรก็ได้  พอมันเสือกทำเน่าไปแล้ว  ไม่ว่าแกร่งหรือไม่แกร่งก็ตายอยู่ด้วยกันในนี้เอง
ส่วนตัวเชื่อในความแข็งแกร่ง  แต่ก็เชื่อในความเมตตาด้วยน่ะนะ

คุณ Draconia @ เนอะ  นึกถึงกะเตี๋ยวน้ำตก...(ไม่ใช่ละ)

คุณเรียวรุ้ง @ ตอนต่อไปมาแล้วค่า ^^

อนิธิน @ อ่านเมนต์แล้วแอบนึกถึงปอบอะ...

คุณ Canossa @ มังกรยังไม่มีต่อคับ  พิมพ์เท่าที่ลงนั่นแล (มีแก้ไขบ้าง)  และมันยังไม่จบง่าย ๆ หรอกค่ะ  หนูผิดไปแล้ว T^T

คุณธารธารา @ ก็พอสมควรอยู่ค่ะ ^^'


ทินาจัง @ ไม่อะ  ออกแนวอะไรก็ไม่รู้ตูจะเขียนมากกว่าแฮะ (เหม่อ)

###

๒. การกิน

นัคทาตกใจที่ได้ยินคำนั้น แม้ว่าภายหลังเขาจะแปลกใจที่ตนเองตกใจ วูบหนึ่งสิ่งที่ผ่านมาเกือบใกล้เคียงกับความรู้สึกผิด   แต่แล้วนัคทาก็ได้สติ  ถ่มสบถแรง

"ไอ้พวกกาฝาก"

สามวันที่ผ่านมา  นัคทาไม่ได้คุยกับชามูคนนั้น  ตลอดชีวิตที่ผ่านมา  เขาหนีชามูราวกับกวางที่หนีนักล่า   ยามชามูอยู่ใกล้เช่นนี้จึงทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายประหลาด  เขาสนใจใคร่รู้  รู้สึกสะใจ   รู้สึกราวกับตนสามารถพังทลายกำแพง  และทำสิ่งที่ไม่มีใครทำได้   แต่ในที่สุดแล้วสิ่งที่ถูกสั่งสอนฝังลึกอยู่ในร่างกายก็ทำให้เขาถอยห่างจากมัน...สภาพจิตแบบที่ทำให้ซ้อมทำร้ายอีกฝ่ายด้วยความสะใจ   แต่เมื่อความสะใจซาลงแล้ว ก็ไม่ทราบว่าควรจะทำอะไรต่อดี

สามวันนี้มันก็ไม่ได้พูดอะไร   และไม่ได้ถามอะไรเช่นกัน

"ก็อาจเป็นกาฝาก" ชามูคนนั้นเอ่ยตอบโดยนัคทาไม่คาดหมาย "แต่จะให้ทำอย่างไร ให้พวกเราไม่กินอิยา  และสูญพันธุ์ไป?"

"เป็นอย่างนั้นได้ก็ดี"

อีกฝ่ายยิ้มเล็กน้อย   ริมฝีปากบางซีดจนเกือบเขียว

"เนื้อและผักหญ้าคงคิดกับพวกอิยาเหมือนกัน"

"เจ้า!"

ชาวชามูมองมา ดวงตาของมันล้าอิดโรย  แต่ราวมีอำนาจประหลาด  นัคทาชะงักนิดหนึ่ง  ชามูเห็นเขานิ่ง  ก็เอ่ยขึ้น

"ข้าคงอยู่ได้อีกราวหนึ่งสัปดาห์  หมดเวลานี้ไปแล้ว  ข้าก็คงจะตาย"

"หา"

"ร่างกายข้าไม่มีพลังสะสม   หากไม่ได้กินอะไร  หมดเวลาก็ตาย" อีกฝ่ายพูดราวกับเป็นเรื่องของคนอื่น  แทบไม่มีค่าให้แยแสสนใจ "ต้องการจะฆ่าหรือทำอะไร   ก็ควรจะเร่งทำ"

บางทีนัคทาคงตระหนักตั้งแต่ตอนนั้นเองว่าตนไม่เข้าใจชามูเลยจนนิดเดียว เขาไม่เข้าใจแม้แต่ระบบร่างกายพื้นฐานที่สุดของอีกฝ่าย   อิยากินอาหารวันละสองมื้อ  หากอดไปสักมื้อหนึ่งก็จะสิ้นแรง   นัคทาคิดว่าชามูคงเป็นแบบเดียวกัน   เพราะถึงแม้จะมีความแตกต่างทางรูปร่างหน้าตา   แต่ก็เพียงสีผิว  สีตา  สีผม เพียงลักษณะโครงร่าง   พวกชามูมักจะรูปร่างโปร่งกว่า  ผิวซีดกว่า  ผมสีอ่อน  หน้าตางดงาม   เพราะอย่างนั้นคนอิยาจึงคิดว่ามันเป็นเทพเจ้า   เทพเจ้าอยู่บนที่สูง  ท้องฟ้า  อิยาอยู่บนแผ่นดิน

"ชามูปรกติก็กินอาทิตย์ละครั้งหรือ" ชายหนุ่มถามในที่สุด  ใคร่รู้จนทนไม่ได้

"ชามูระดับล่างจะกินอาหารสัปดาห์ละครั้ง  คนที่ฐานะดีกินสามวันครั้ง  หากว่าฐานะดีมาก มาจากตระกูลสูง  ได้ยินว่าเดี๋ยวนี้กินวันละครั้ง" อีกฝ่ายตอบโดยดี  คล้ายกับกำลังเล่าเรื่องให้ฟัง "ปรกติข้าจะกินอาหารสามสัปดาห์ครั้ง   ควรอยู่ได้นานกว่านี้   แต่เมื่ออาเจียนออกมา   ร่างกายก็ล้าลง"

นัคทาเบิกตาหน่อยหนึ่ง

"กินเดือนละครั้งอย่างกับงู" เขาอดอุทานไม่ได้ "เจ้า...ยากจนมากสินะ  ถึงกินน้อยยิ่งกว่าคนระดับล่างเสียอีก"

"ข้าไม่อยากกิน"

คำตอบดังกล่าวทำให้นัคทายิ่งหลากใจ   แต่เขาแยกแยะชามูระดับสูงและระดับล่างไม่เป็น   ที่จริง...เขาไม่รู้ด้วยว่าชามูมีระดับ  ชามูทุกคนล้วนดูเหมือนกันไปหมด    แต่บางทีคงเหมือนที่เผ่าอิยา  คนเก่งมีความสามารถอย่างน้อยทางใดทางหนึ่งจะมีฐานะสูง  ไม่ว่านักล่า  หมอยา  หรือนายช่างล้วนได้รับความนับถือมากกว่าคนทั่วไป   คนไม่มีฝีมือก็มีฐานะลดหลั่นลงมา   แต่ที่เผ่าอิยาไม่มีคนขี้เกียจ  คนขี้เกียจต้องตายก่อน  ที่เผ่าอิยาไม่มีคนช่างฝัน  ไม่มีคนเหม่อลอยเช่นเดียวกัน   นัคทาถือเป็นอิยาลักษณะดี  เขาคล่องแคล่วปราดเปรียว  คิดอะไรเร็ว   มีพลังงานมาก   มักต้องทำอะไรตลอดเวลา

แต่แม้จะแยกชามูระดับสูงกับชามูระดับล่างไม่ออก  นัคทาก็ยังรู้ว่าใครจิตใจเข้มแข็ง   เขาคิดว่าคนจิตใจเข้มแข็งมักมีระดับสูง  ชามูคนนี้เข้มแข็ง  แม้สารรูปจะน่าทุเรศยิ่งนัก  ก็ไม่ได้สั่นกลัวน่าสงสาร  ตลอดหลายวันที่ผ่านมา   เขาสังเกตว่ามันก็ตั้งใจมองเช่นกัน  บางทีมันอาจจะใคร่รู้พอ ๆ กับเขาเองด้วยซ้ำไป

"เหตุใดไม่อยากกิน" ชาวอิยาถามต่อ

"นั่นสินะ"

อีกฝ่ายไม่ได้หยันนัคทา   หากแต่ราวกำลังสงสัยตนเองเช่นกัน  ชาวอิยาไม่ใคร่เข้าใจอาการนั้น   อย่างไรก็ตาม  เมื่อลองถามต่อไป  คนชามูก็ตอบโดยดีทุกคำ  ไม่รู้ว่าตอบจริงหรือลวง   ปกปิดความอะไรหรือไม่   แต่เขาก็ตอบ  ยามตอบสีหน้าเป็นปรกติเรียบเฉย   ไม่ทราบว่าคิดอะไร   สุดท้ายนัคทายังนึกอยากถามว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร  แต่นึกไปแล้วก็คิดว่าอย่าถามดีกว่ากระมัง   ผู้เฒ่าบอกว่าสิ่งใดที่มีชื่อขึ้นมาแล้ว   สิ่งนั้นจะมีพลัง   คนอิยาไม่ตั้งชื่อให้สัตว์ที่จะถูกฆ่า   ไม่ตั้งชื่อให้ปลาที่จะถูกกิน

"ถ้ากินอิยา   ก็จะอยู่ต่อไปได้ใช่ไหม" เขาถามในที่สุด

"ใช่"

"กินเลือดของข้าคงได้ใช่ไหม"

อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา

"ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตาย" นัคทาบอกต่อไป "ต้องกินเท่าไร  บอกมา"

เขาแข็งแรง  คิดว่าเพียงให้เลือดคงไม่เป็นไร  มันกินสามสัปดาห์ครั้ง  คงกินไม่น้อย  แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ตั้งใจให้เพียงกันตายอยู่แล้ว   กระนั้นเมื่อชาวชามูบอกปริมาณมา   นัคทากลับค่อนข้างตกใจ   เขาไม่คิดว่าจะน้อยถึงเพียงนั้นเลย

"เจ้าโกหก" ชายหนุ่มบอกทันที "ข้าเคยเห็นชามูกินอิยาสด ๆ ตัดเนื้อดื่มเลือดมากมายยิ่งกว่าหมาป่า"

"นั่นเป็นส่วนเกิน  เพื่อให้เกิดพลัง" ชาวชามูบอก "ข้าไม่ต้องการพลัง   เพียงกินกันตาย"

นัคทาไม่ใคร่อยากเชื่อ  แต่เขาก็กรีดเลือดไม่กี่หยดใส่ภาชนะตามที่อีกฝ่ายบอก  เขามองชาวชามูดื่มมันลงไป ในใจรู้สึกหลากหลาย...มันน่าผะอืดผะอม  ชวนขนลุก  น่ากลัว   แต่อีกทางหนึ่งกลับน่าสนใจ...การเห็นชามูกินเลือดต่อหน้าต่อตาเช่นนี้เกือบเป็นเครื่องตอกย้ำว่ามีความต่างทางเผ่าพันธุ์  นัคทามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็นึกลาง ๆ ...เสือก็ต้องกินกวาง  ไม่อย่างนั้นมันจะตาย  เสือกินหญ้าไม่ได้  กินตะไคร่น้ำ  กินเห็ด  กินใบไม้ไม่ได้   แต่เขาเร่งปัดความคิดดังกล่าวออกไปโดยเร็ว   เขาไม่ใช่กวาง   ชามูก็ไม่ใช่เสือเช่นเดียวกัน

ชามูกินเลือดแล้วก็ดูสบายขึ้น  มันบอกขอบคุณเบา ๆ  หลังจากนั้นเพียงนั่งขัดสมาธิหลับตาไม่พูดอะไร  นัคทาคิดว่าหากเขาชวนเจรจามันก็อาจจะพูดด้วย  แต่เขายังไม่อยากไว้ใจ  จึงเพียงมองออกไปข้างนอกไม่ได้พูดอะไร   พายุหิมะยังคงสาดสายลงมา

...

อากาศไม่ดีขึ้น หนำซ้ำยังดูเหมือนจะยิ่งเลวลง  นัคทาพยายามไม่เสี่ยง  แต่สุดท้ายเสบียงที่เตรียมมาก็ต้องหมดไป   เขาไม่มีความคิดจะกินชามูเหมือนที่มันกินเขา  ดังนั้นจึงคิดว่าต้องเร่งออกเดินทาง  ไปตายดาบหน้ายังดีกว่าตายอยู่ที่นี่

เป็นความผิดของเขาเอง   เขาไม่ใคร่มาไกลถึงถิ่นชามูจึงคาดสภาพอากาศพลาด  ถิ่นชามูอากาศแปลกประหลาดแปรปรวน   มักหนาวมีหิมะเช่นนี้  แต่ดูเหมือนพวกชามูจะไม่กลัวความหนาว  กระทั่งชามูที่เขาจับมา  ทั้งที่มันอมโรคผอมบาง  ก็ยังใส่เสื้อผ้าไม่หนาอะไร  นัคทาอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาตายไปทั้งอย่างนี้แต่มันกลับรอดได้  คงเป็นเรื่องตลกร้ายน่าดู

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจออกเดินทาง  เขาจับชามูมัดแขนไพล่ไปข้างหลัง  คลายเชือกที่ข้อเท้าออก  แต่ยังโยงไว้ไม่ให้มันก้าวขายาวจนวิ่งได้  เขายังรัดเชือกไว้ที่คอ  หนังสือบอกว่าเชือกที่คอเป็นสิ่งสำคัญ   เขาโยงปลายเชือกนั้นมาผูกกับเอวตัวเอง   เขาตาย   ชามูนั่นก็อย่าได้ไปไหนเหมือนกัน

"ไปอย่างนี้จะไหวหรือ อิยาไม่ทนความหนาว" ชามูถามขึ้นตอนที่นัคทาจะออกเดินทางจริง ๆ  แต่นัคทาก็มีศักดิ์ศรี  เขาไม่ต้องการให้ชามูมาสั่งสอน  ดังนั้นจึงรั้งเชือกแรงขึ้น   อีกฝ่ายถูกรัดคอก็ต้องหลับตาลง...ดูเหมือนเชือกนั้นจะส่งผลต่อชามูมากจริง ๆ

อากาศหนาว  พายุรุนแรง  นัคทามองไม่เห็นทาง  จะหายใจไม่ออก   เขาหนาวจนเกือบไม่รู้สึก   ได้ยินเสียงหวีดหวิวจนราวกับไม่มีเสียงอะไร   เขาจำได้แต่ว่าตนก้าวไปข้างหน้า   แต่ก้าวไปถึงเมื่อไร   ก้าวไปอย่างไร   และเพื่ออะไร   ในที่สุดนัคทาก็นึกไม่ออก   เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนล้มไปเมื่อไร

...

นัคทารู้สึกตัวอีกครั้งในที่แห้ง  เขาสะดุ้งลุกขึ้นมา  เห็นเงาร่างของชามูตะคุ่มอยู่  ชายหนุ่มงงวูบ สงสัยว่าตนอยู่ที่ไหน เขาเห็นแสงไฟ ยามมองไปก็เห็นชามูยังติดมัด  แขนทั้งสองข้างถูกไพล่ไปข้างหลัง  นั่งขัดสมาธิ  ร่างคู้ลงเล็กน้อย  ราวกับกำลังคิดอะไร   เขานั่งอยู่เช่นนั้นจนได้ยินเสียงนัคทาขยับตัวแกรกกราก  จึงได้เงยหน้าขึ้นดู

"พ้นเขตชามูแล้ว" เขาบอก "แต่คิดว่ายังไม่เข้าเขตป่า...ยังเป็นภูเขาอยู่"

"ข้า...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" นัคทาถาม   เขาชันร่างขึ้นในท่าเตรียมตัว   มือตบไปตามร่างกายด้วยความไม่ไว้ใจ   แต่อาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ ยังอยู่   แม้ข้าวของที่สะพายหลังไว้ก็ยังติดอยู่กับหลังเช่นกัน

"ข้าลากมา" อีกฝ่ายบอก

"หือ"

"ข้าลากมา   กินเลือดก็มีกำลังขึ้น   พอจะทำอย่างนั้นได้   ไฟก็เช่นกัน...ถ้าเจ้าจะถาม   ข้าใช้พลังจุดขึ้นมา  แต่เศษไม้พวกนี้ไม่ได้ใช้พลัง   เพียงเขี่ยให้มารวมกัน   ข้าเรียงฟืนไม่เป็น   จึงเพียงแต่บังคับให้ไฟกินไม้ไป"

นัคทาเกือบไม่เข้าใจคำที่ชามูพูด เขางงจนต้องนิ่ง แต่รอจนได้สติอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงสังเกตเห็นว่าจริงตามที่อีกฝ่ายบอก  เศษไม้ในกองไฟไม่ได้ถูกจัดให้ดี  ไฟยังเผาอยู่ได้อย่างไรนับเป็นเรื่องน่าแปลกใจมาก  ชามูเห็นเขาดูกองไฟอยู่ก็บอกว่าตนจะดับไฟเสีย ให้นัคทาจุดไฟกองใหม่แล้วกัน จากนั้นชาวอิยาจึงเห็นว่าไฟหรี่หายไปจริง ๆ

แต่ไฟอาจจะไม่จำเป็นนัก   เพราะยามนัคทาโผล่ออกไปดูนอกที่กำบัง ก็เห็นว่าพ้นเขตพายุมาแล้ว  หนึ่งในสาเหตุที่อิยาเชื่อว่าชามูเป็นเทพเจ้า ก็เพราะอยู่ท่ามกลางอากาศวิปริตแปลกประหลาด  ยามใดที่พ้นเขตภูเขาของชามูออกมายังป่าของอิยา   อากาศจะไม่วิปริตอีกต่อไป   ราวกับเดินเพียงก้าวเดียวก็สามารถข้ามพ้นระหว่างโลก   ไปสู่อีกแดนหนึ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 11:46:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com