Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผมจะเป็นพระที่ดี ตอน ก้าวแรกสู่วัดป่า 3 : อุปัฏฐากครูบาอาจารย์  

เนื่องจากวันพรุ่งนี้ทางวัดจะมีกฐินใหญ่  จึงมีครูบาอาจารย์วัดป่าหลายท่านแวะมาที่นี่    ซึ่งครูบาอาจารย์เหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นระดับมหาเถระกันแล้วทั้งนั้น  เช่น   หลวงปู่เลี่ยม(เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพงสาขาใหญ่) , หลวงพ่อคำเขียน (เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต) ,หลวงพ่อเกวลี (พระฝรั่ง เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ)   …. แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก(รวมทั้งผมในตอนนั้นด้วย) นั่นก็เพราะพระป่านั้มักจะชอบปลีกวิเวก  ไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครซักเท่าไหร่

ช่วงบ่ายวันนั้นพวกเรา(หมายถึงเหล่าพระที่วัด) จึงง่วนอยู่กับการทำความสะอาดปัดกวาดโบสถ์  และจัดอาสนะเพื่อไว้เตรียมต้อนรับครูบาอาจารย์ซึ่งจะมาเทศน์ให้ญาติโยมฟังในค่ำคืนนี้       ส่วนญาติโยมก็ช่วยๆกันทำความสะอาดรอบวัดเช่นกัน    

พอทำความสะอาดโบสถ์เสร็จ….อาจารย์ท่านหนึ่งบอกให้ไปพักกันก่อน  เดี๋ยวค่อยมาเจอกันอีกทีตอน 3 โมง   จะไปทำความสะอาดเรือนไทยหลังใหม่ซึ่งจะใช้เป็นเรือนรับรองครูบาอาจารย์กัน   ……….ระหว่างนั้นผมก็เลยได้มีโอกาสทำความรู้จักกับครูบาบิวและครูบาฝรั่ง

… ครูบาบิวนั้นเป็นพระบวชใหม่เช่นกัน บวชก่อนผมประมาณเดือนเดียวเอง….ท่านบวชที่วัดที่กรุงเทพแล้วขอย้ายมาอยู่ที่วัดนี้เช่นเดียวกับผม  ด้วยเหตุว่าเพื่อนของท่านที่เคยบวชวัดนี้มาก่อนแนะนำ(อย่างแรง)   ส่วนพระฝรั่งนั้น มีชื่อบาลีไพเราะว่า ..จิตตวีโร  (…ซึ่งก็เล่นเอานานเหมือนกันกว่าผมจะจำชื่อท่านได้) ท่านเป็นชาวเยอรมันที่สนใจในพุทธศาสนาและศรัทธาในหลวงปู่ชามาก จึงอุตส่าห์รอนแรมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาบวชที่วัดป่านานาชาติ(โดยพระอาจารย์สุเมโธ เป็นพระอุปัชชา)  ซึ่งกว่าจะได้บวชก็ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องเป็นผ้าขาวสามเดือนและเป็นเณรอีก1ปีเต็มๆ       พอบ่ายสามโมง  พระทั้งหลายก็ทยอยกันมาช่วยกันทำความสะอาดเรือนไทยหลังใหม่   (ผมเองก็เดินหลงทางผิดๆถูกๆอยู่ซักพักกว่าจะมาถึง)   …..เรือนไทยหลังนี้สวยงามและร่มเย็นมากครับ (ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงภาพเรือนไทยที่เอาไว้ถ่ายละครย้อนยุคอะครับ)  ขนาดตอนบ่ายๆแดดร้อนเปรี้ยงๆ ก็ยังมีลมพัดผ่านให้เย็นสบายขณะทำงานเสมอ     ผมนั้นได้มีโอกาสได้เข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนอนของครูบาอาจารย์   มีเสื่อสาดจัดเรียงกันไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย (พระจะไม่นอนเตียงกันครับ)   …ได้เห็นการจัดผังส่วนต่างๆของเรือน ที่แสนจะดูเรียบง่าย  ทว่ากลับใช้ ’ที่ว่าง’ให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด  รวมไปถึงภูมิปัญญาที่แฝงไว้กับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของบ้าน  …ก็ทำเอาผมรู้สึกทึ่งในความช่างคิดของคนสมัยก่อนจริงๆครับเราแบ่งงานกันทำ คนละไม้คนละมือ …ไม่นานนักก็เสร็จ   …ก็เลยมาช่วยกันจัดอาสนะ(ที่นั่ง)เอาไว้รับรองครูบาอาจารย์ต่อโดยทำการปูเสื่อยาวทีละแถวที่ลานโล่งชั้นล่างของเรือนไทย  จากนั้นก็ปูอาสนะ  แล้วจัดกระโถน ถ้วยชา แก้วน้ำ ขวดน้ำ กระบอกทิชชู่ ไว้สำหรับครูบาอาจารย์แต่ละท่าน  เรียงกันไปตามแนวเสื่อ  โดยเว้นระยะไม่ให้ชิดกันมาก ท่านจะได้นั่งสบายๆ
กว่าจะจัดเสร็จก็ประมาณ 4 โมงกว่าๆ   ก็ได้เวลาฉันน้ำปานะพอดี  จริงๆต้องสี่โมงครึ่ง…..แต่ว่าวันนี้ต้องรีบฉันกันก่อนเพราะเดี๋ยวครูบาอาจารย์จะมาถึงแล้ว  จะต้องอุปัฏฐากรับใช้ท่าน  

หลายคนอาจจะสงสัยว่าปานะคืออะไร  ..ปานะก็คือน้ำที่คั้นมาจากผลไม้ ลูกไม้ ที่ผลมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าผลมะตูม   (เพราะฉะนั้น น้ำแตงโม น้ำขนุน น้ำทุเรียน…ฉันไม่ได้นะเอ้อ  <ว่าแต่ใครจะไปกินน้ำทุเรียนฟะ!!> ) ซึ่งน้ำพวกนี้สามารถฉันได้หลังเพล  รวมไปถึงสิ่งที่กำหนดไว้ว่าเป็น ”เภสัช” เพื่อเสริมแร่ธาตุให้ร่างกาย  ( เนื่องจากพระป่าฉันมื้อเดียวจึงอาจได้รับสารอาหารบางอย่างไม่พอเพียง)  เช่น  เนยใส เนยเหลว มะขามป้อม สมอ น้ำผึ้ง  น้ำอ้อย   เป็นต้น    

สำหรับปานะที่เตรียมไว้รับรองครูบาอาจารย์  อาจจะค่อนข้างพิเศษนิดนึง  เนื่องจากท่านเดินทางไกลมาเหนื่อยๆ  …จะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง (ซึ่งก็ได้มาจากญาติโยมนั่นแหละ )  เช่น  น้ำผลไม้คั้นสดที่ญาติโยมคั้นมาถวาย และ แบบสำเร็จรูป (อันนี้มีหลากชนิดมาก  เลือกกันไม่หวั่นไม่ไหว)  มะขามป้อมแช่อิ่ม ลูกสมอ  ช็อกโกแล็ตแท้ๆที่ไม่มีส่วนผสมของนมและไข่  พวกขนมเยลลี่เม็ดเล็กๆ(เจเล่)   ชีสแผ่น และที่พิเศษที่สุดคือ  ชีสที่เอาไปอบเป็นแผ่นกลมๆซึ่งโยมยายคนหนึ่งทำมาถวาย  ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรเหมือนกัน   ….  บางคนอาจจะคิดว่า  เอ๊  แล้วมันพิเศษตรงไหน……..  ก็นี่แหละ ถือว่าพิเศษมากแล้วครับสำหรับพระป่าผู้มีชีวิตอยู่แบบสมถะ
พวกเราได้รับอนุญาต  ให้ฉันปานะสำหรับรองรับครูบาอาจารย์ได้ตามสะดวก   …ครูบาท่านหนึ่งบอกว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษจริงๆ  ปกติไม่มีแบบนี้หรอก (ปกติจะมีแค่น้ำผลไม้ 2-3อย่าง)     ผมก็เลยเลือกฉันนู่นฉันนี่ได้ตามใจ  แต่ก็พยายามฉันแต่พอดีไม่ตามใจกิเลสมากจนเกินไปเดี๋ยวจะเคยตัว     อ้อ  แต่อยากจะบอกว่า  ไอ้ชีสอบแผ่นกลมที่โยมยายเอามาถวายนั่นน่ะ   อร่อยจริงๆครับ  …..เกือบจะหลงไปตักเพิ่มหลายทีเหมือนกัน ดีที่ยั้งไว้ทัน

อีกไม่นานครูบาอาจารย์ก็จะมาถึง   ดูครูบาจิตวีโร(พระฝรั่ง)ท่านจะตื่นเต้นมากที่สุด   แกผุดลุกผุดนั่ง ถามแล้วถามอีกอยู่นั่นว่า เมื่อไหร่ครูบาอาจารย์ท่านจะมา (แถมบอกให้ทุกคนเตรียมครองจีวรไว้เลย)  พอมีเสียงรถอะไรดังขึ้นมาหน่อยก็แกก็รีบไปดู……..แกทำให้ให้ผมพลอยตื่นเต้นไปด้วย   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้อุปฐากครูบาอาจารย์เลยนะเนี่ย   แถมไม่ใช่แค่รูปเดียวนะครับ….เป็นสิบ!!  ประมาณ 5 โมงกว่าๆ….รถตู้ก็นำครูบาอาจารย์มาถึง    พวกเราจัดแบ่งหน้าที่กันทำ มีแผนกเสริฟ แผนกจัดสำรับ แผนกชงชากาแฟ  และแผนกล้างจาน    ….ผมอาสาเป็นแผนกเสริฟครับ    หน้าที่ก็คือ  พอครูบาอาจารย์มานั่งที่อาสนะครบทุกคน ผมก็ค่อยๆยกถาดที่ใส่ขนมและน้ำไปให้ท่านทีละคนแล้วก็ถามท่านว่าอยากฉันน้ำอะไร  จากนั้นก็ไปบอกแผนกจัดสำรับเค้าจัดมาให้แล้วก็เอามาเสริฟให้อีกรอบ   แล้วก็คอยดูว่าท่านไหนอยากได้อะไรเพิ่มอีก   …แค่นี้แหละครับ…….จริงๆมันเหมือนจะง่ายใช่มั้ยครับแต่  ใครจะไปรู้ว่าไอ้การคลานเข่าในชุดจีวรโดยมีกาแฟร้อนๆอยู่บนถาดสองมือนี่มันยากลำบากขนาดไหน   ….พอคลานๆไปซักพัก  จีวรผมมั๊นก็พาลจะหลุดให้ได้ทุกทีสิน่า (อันนี้คนเคยเป็นพระใหม่คงเข้าใจหัวอกผมดี)ต้องค่อยๆคลานช้าๆ  เวลาจะไปเสริฟหลวงพ่อรูปไกลๆ ต้องเดินผ่านรูปอื่นก็ต้องพยายามก้มให้ต่ำที่สุด  ไหนจะต้องคอยประคองถาดชากาแฟร้อนๆในมือไม่ให้หก  ไหนจะต้องเดินระวังอย่าให้สะดุดจีวรตัวเองหัวทิ่มหัวตำไปอีก   ….แถมยังจะต้องจำว่าครูบาอาจารย์ท่านไหนอยากได้อะไรเพิ่มอีก  ซึงอันนี้ถือว่ายากที่สุดแล้วสำหรับผม  เพราะเวลามีคนสั่งให้เอาไอ้นี่ไปให้หลวงพ่อชื่อนั้น….ผมก็จะเกิดอาการงงเต้กขึ้นมาทันที เพราะจำชื่อไม่ได้หมด (อยากจะบอกว่า ตอนแรกไม่รู้จักซักคนเลยเหอะ)  ก็เสริฟผิด เสริฟถูก มั่วนิ่มกันไป ครูบาอาจารย์ท่านก็เมตตานะครับ….เห็นเดินผมทะเล่อทะล่า ทำกาแฟกระฉอกบ้าง จีวรยาวระพื้นบ้าง  ลูกบวบ(ผ้าส่วนที่ม้วนไว้พาดบ่า)หลุดบ้าง     ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร   บางท่านก็พูดคุยกับผม  ถามว่าเพิ่งบวชใหม่เหรอ(ท่านคงสังเกตุจากท่าทางอันเซ่อซ่าของผม) ….บวชกี่วัน … เออดีๆ   ขอให้ตั้งใจปฏิบัตินะ
โอ…ผมงี้ซาบซึ้งจริงๆครับ   จากที่เหนื่อยๆอยู่  หายวับไปเลยครับ  

ซักพักหนึ่งรถตู้คันที่สองก็พาครูบาอาจารย์ที่เหลือมาสมทบ  …. พวกเราก็อุปัฏฐากรับใช้ท่านจนเสร็จทุกรูปอะครับ   จากนั้นก็ช่วยกันยกกระเป๋าเดินทาง (เป็นพระก็ต้องใช้เหมือนกันเน่อ) ของท่านไปวางเก็บเข้าที่    …ผมสังเกตุเห็นครูบารูปอื่น(โดยเฉพาะครูบาฝรั่ง  ท่านดูคล่องมาก)จะคอยตามประกบรับใช้ท่านตลอด ถือของ ถือย่ามให้ นำทางท่านไปห้องน้ำ   บ้างก็ช่วยท่านครองจีวรด้วย  ซึ่งผมก็คอยดูและจำเอาไว้   จะได้ไปปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ได้ถูก  (ยกเว้นช่วยครองจีวร   เพราะขนาดของตัวเองยังจะไม่รอดเลย)
ค่ำวันนั้นจะมีครูบาอาจารย์จะขึ้นเทศน์ให้ญาติโยมฟัง ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวัดนี้ทุกคืนวันพระ (ครูบาท่านหนึ่งบอกผมว่า วัดนี้ไม่มีการจัดมหรสพงานวัด  มีแต่ฟังเทศน์แทน)  แต่วันนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ที่จะมีครูบาอาจารย์หลายรูป(แล้วแต่ละรูปนี่…ระดับมหาเถระทั้งนั้น) ไปเทศน์ให้ฟัง  ถือเป็นศิริมงคลแกญาติโยมสาธุชน(รวมถึงผมด้วย)เป็นอย่างยิ่ง

หลังจากผมเสร็จธุระเรียบร้อยแล้ว    ..ก็เดินออกมาดู เผื่อว่าจะได้ช่วยอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ท่านใดได้บ้าง   ก็ไปเจอหลวงพ่อท่านหนึ่งกำลังยกย่ามขึ้นสะพาย  ผมเลยขอโอกาสอุปฐากรับใช้ท่าน   ช่วยท่านสะพายย่ามและถามท่านว่าจะไปไหน    ท่านตอบว่าจะไปเทศน์ที่โบสถ์   …ผมก็เลยอาสาจะนำทางท่านไป   ซึ่งจริงๆตอนนั้นผมก็ยังพอจำทางได้คลับคล้ายคลับคลา  …..แต่ก็ไม่แม่นนัก  (อ้าว??)

ช่วงนั้นเป็นเวลาค่ำ พระอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไปหมาดๆ  ความจริงมันก็ยังไม่น่าจะมืดนักหรอก …แต่ที่นี่มันป่านะเอ้อ  …มันก็เลยมืดไปเลยซะงั้น   ไอ้ผมก็ไม่มีไฟฉายซะด้วยสิ  ……….ตายล่ะวา  ไฟฉายก็ไม่มี  …ทางก็ยังจำได้ไม่แม่นโอ้…..แล้วผมจะนำท่านไปอีท่าไหน??…………ยังไง??……….ก็ต้องโปรดติดตามตอนต่อไป………..(ซะงั้น??)  ปล.ไม่ได้ตั้งใจจะยืดเยื้อนะครับ   แต่เห็นว่ายังมีรายละเอียดอีกพอสมควร   เกรงว่าถ้าเอาให้จบตอนนี้มันจะยาวไปเน่อ

จากคุณ : ซงย้ง
เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 53 10:55:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com